JJNY : ป่วยใหม่ 2,046 เสียชีวิต 24│สมชัย เขียนจม.ถึงป้อม│เล็งขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่│ชาวบ้านโวยลั่นตู่ไม่ทัก ทีหลังไม่มารับ

โควิดวันนี้ ป่วยใหม่ 2,046 ราย เสียชีวิต 24 ราย
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3540165
 
 
โควิดวันนี้ ป่วยใหม่ 2,046 ราย เสียชีวิต 24 ราย
 
เมื่อวันที่ 2 กันยายน สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ป่วยรายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) จำนวน 2,046 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 2,046 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย ผู้ป่วยสะสม 2,431,534 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) หายป่วยกลับบ้าน 1,565 ราย หายป่วยสะสม 2,437,676 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 16,447 ราย เสียชีวิต 24 ราย เสียชีวิตสะสม 10,654 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ- รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 729 ราย
 
ทั้งนี้ เนื่องจากตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65 เป็นต้นมา มีการปรับระบบรายงาน โดยรายงานเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล จึงทำให้รายงานยอดผู้ป่วยสะสม มีจำนวนที่น้อยกว่ายอดผู้หายป่วยสะสม


  
สมชัย เขียนจม.ถึงบิ๊กป้อม ช่วยส่งสัญญาณ ให้รัฐสภารื้อทิ้ง อำนาจส.ว.โหวตนายกฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3540275
 
เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย และเป็นอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะคณะผู้รณรงค์แก้ไข ม.272 ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอเสียงสนับสนุนอย่างจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ ม. 272 โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
 
“วันที่ 6 และ 7 กันยายน พ.ศ.2565 นี้ ประธานรัฐสภาได้กำหนดให้เป็นวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยในเรื่องด่วน วาระที่ 6 เป็นข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของประชาชน 64,151 รายชื่อ เพื่อแก้ไขในบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ประเด็นการตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกของรัฐสภา
 
หลักการแก้ไขดังกล่าว เป็นการทำให้ประเทศคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลและเคยเป็นหลักปฏิบัติในรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทุกฉบับ ตลอดจนความจำเป็นที่ต้องมีรัฐบาลที่วุฒิสภาร่วมให้ความเห็นชอบเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศนั้นสิ้นสุดลงแล้ว โดยอิงจากรายงานผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2565 ได้ระบุถึงความสำเร็จของการดำเนินงานในทุกเรื่อง และจะสิ้นสุดในปลายปี พ.ศ. 2565 นี้
 
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวนี้ จะมีผลทำให้การลงมติเลือกผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีได้กระทำในที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฏร โดยพรรคที่มีเสียงข้างมากหรือสามารถรวบรวมเสียงข้างมากจะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ด้วยความสง่างามและมีเสถียรภาพความมั่นคงที่แท้จริง มิใช่การต้องมีเสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาที่เป็นสภาแต่งตั้งและจะครบวาระในเวลาอีกเพียงหนึ่งปีหลังจากปี พ.ศ. 2566
 
ในฐานะที่ ฯพณฯ เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหลักของรัฐบาล และยังเคยมีฐานะเป็นประธานกรรมการสรรหาวุฒิสภาชุดปัจจุบัน จึงใคร่ขอให้ท่านได้แสดงจุดยืนสนับสนุนในการเปลี่ยนแปลงและได้แจ้งจุดยืนดังกล่าวแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในสังกัดและส่งสัญญาณความปรารถนาในการเปลี่ยนแปลงไปยังฝ่ายต่าง ๆ ที่จะส่วนร่วมในการลงมติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2565 นี้ด้วย
การดำเนินการของ ฯพณฯ จะเป็นสิ่งบ่งบอกให้ประชาชนเห็นว่า ผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศมีความจริงใจในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และใช้การเลือกตั้งที่เป็นธรรมเป็นทางออกของสังคมเพื่อลดความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยกว่า 2 ทศวรรษให้สิ้นสุดลง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
 
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง”



เล็งขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ในรอบ 8 ปี แจงต้นทุนพุ่งสวนทางรายได้
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/308687
 
ถึงคิวแท็กซี่ ขอปรับขึ้นค่าโดยสารเพิ่มเท่าตัว หลังไม่ได้ขึ้นมา 8 ปี สวนทางค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ค่าไฟ บะหมี่ซอง พุ่งไม่หยุด
 
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างรถแท็กซี่ ยอมรับว่า ขณะนี้คณะทำงานฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ
 
โดยยืนยันจะไม่ให้มีผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควบคู่กับการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ และต้องไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร หลังผลการศึกษาของ ทีดีอาร์ไอ พบว่า รายได้ของผู้ขับรถแท็กซี่ สวนทางกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7 และการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการปรับอัตราค่าโดยสาร ให้สอดคล้องกับอัตราค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลง
 
อัตราค่าโดยสาร ที่เครือข่าย 4 สมาคมแท็กซี่ เสนอปรับเข้ามา หลักๆ คือ อัตราเริ่มต้นเพิ่มเป็น 45 บาท จากปัจจุบัน 35 บาท จากนั้นกิโลเมตรที่ 2 จาก  กิโลฯ ละ 5.5 บาท เพิ่มเป็น 10 บาท กรณีจราจรติดขัด คิด 5 บาทต่อนาที จากปัจุจบัน 1.50 บาทต่อนาที กรณีเรียกผ่านศูนย์ฯ บวกเพิ่มจากค่าโดยสารอีก 35 บาท แท็กซี่สนามบิน เก็บค่าจ้างเพิ่ม (เซอร์วิสชาร์จ) จาก 50 บาท เพิ่มเป็น 75 บาท เป็นต้น
 
ขณะที่นายวิทูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า จากการพูดคุย กรมการขนส่งทางบกอาจปรับขึ้นให้เพียงครึ่งจากที่ขอไป คือ คงอัตราเริ่มต้นไว้ที่ 35 บาท และขึ้นค่าโดยสารตามระยะทางอีก 5% เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่สะท้อนต้นทุน ส่งผลให้แท็กซี่ไม่มีเงินพอที่จะนำรถที่จอดในช่วงโควิดมาซ่อม แล้วนำกลับมาให้บริการได้ เพราะต้องใช้ทุนซ่อม คันละไม่ต่ำกว่าแสนบาท ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ อีกไม่เกิน 6 เดือนจะเกิดปัญหาแท็กซี่ขาดแคลน และนำไปสู่การปฏิเสธผู้โดยสารมากขึ้นแน่นอน
 
รับชมทางยูทูปที่ : https://youtu.be/Pd3MC22Xxsw

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่