คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอนผมเริ่มกิจการตัวเอง ผมใช้โต๊ะตัวเดียว กับคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง
ห้องยังไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน เพราะใช้ร่วมกันกับพี่ชายเป็นช่างแอร์ มันจะกองรวมกันเกะกะไปหมด
ทำไปทำมากิจการรุ่งเรื่องจนมีโต๊ะทำงาน+คอมฯ 6 ตัว มีพนักงาน 5 คน
ตลอกระยะเวลา 10 ปีที่กิจการดำเนินงานไปด้วยดี ผมแทบจะไม่ได้ไปไหน
ผมทำงานตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเวลาเข้านอน ประมาณเที่ยงคืน ผมยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นๆ
แต่ก็มีบ้างนอกลู่นอกทาง
ผมทำได้อย่างไรตั้ง 10 ปี
ผมทำงานหนัก โดยที่รู้สึกว่า ไม่ได้ทำงาน ???
ตอนนั้นผมไม่ได้คิดเรื่องเงินเท่าไหร่ ผมทำเพราะผมรักที่จะทำ รักงานบริการ
อยากให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีๆ ราคาไม่แพง ลูกค้ากลับไปได้รับบริการที่คุ้มค่า และ มีความสุข
และผมได้เพื่อนทั่วโลก ผมก็แฮ็ปปี้แล้ว ผมจึงได้ลูกค้าปากต่อปากเยอะมาก
เพราะผมผิดพลาดน้อยมาก และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้เร็ว
ร้าน กราฟฟิกส์ ร้าน ซิลค์สกรีนเสื้อ ร้านประดับยนตร์ เป็นธุรกิจในฝันผมอย่างหนึ่งที่อยากทำ
เพราะผมเริ่มฝึกงานจากร้าน ซิลค์นามบัตรเล็กๆ ที่เชียงใหม่ เคยเป็นช่างอาร์ท กราฟฟิก โรงพิมพ์
ผมชอบงานที่ต้องใช้สมอง หมายถึง ครีเอต ออกแบบ และจินตนาการ
คุณต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณชอบงานศิลป์ หรือ ไม่ คุณชอบงานบริการคนอื่นหรือไม่
คุณต้องรักต้องชอบสิ่งที่ทำก่อน บริการดี สินค้าคุณภาพดี ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
เหมือนคนนั่นแหละ ถ้าอยากให้เขารักเรา เราต้อรักเขาก่อน
ต้องมองงานคือสิ่งมีชีวิต เราต้องรักงานที่ทำก่อน ผลงานจะออกมาดี
เคยอ่านประวัติ คิม จอง อึน เมืองไทย จบแค่ ป. 4 แต่กิจการเขาระดับร้อยล้าน
เขาก็สืบทอดร้านทำป้ายโฆษณาเล็กๆ เหมือนคุณนี่แหละ แต่เขาขยายงานเป็นร้านใหญ่ๆ ได้ทั้งๆที่ไม่ได้จบบริหารมา
ผมมองว่าสิ่งที่คุณขาดคือการบริหารงาน ไม่ชอบบริหารกิจการ ชอบทำหน้าที่ในกรอบเล็กๆ คือ ช่างศิลป์
ทำงานแบบอารมณ์ศิลป์ คืออกในแนวติสๆ ใช้สมองด้านขวาเป็นหลัก
คุณต้องคิดแบบเจ้าของกิจการ คิดแบบนักบริหาร คิดแบบเถ้าแก่
คุณมีต้นทุนทุกอย่าง ทั้งทางด้านศิลป์ มีร้านที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่มายด์เซ็ตของคุณยังคิดแบบลูกจ้างอยู่
คือทำงานกินเงินเดือน
คุณบอกว่ากลัวเสียเวลาช่วง 26-30 คุณคิดผิด
ความรู้ในด้านการบริหารงาน สกิลลการทำงาน ความรู้การทำธุรกิจ
การแก้ปัญหา ประสบการณ์ตรงไม่มีสอนในโรงเรียน
สิ่งที่คุณขาดคือที่ปรึกษา หรือ โค้ช .... แล้วจะหาไอดอล หรือ โค้ชจากไหน ??? ...
อ่านหนังสือ ฟังคลิปแนวพัฒนาชีวิต ครับ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
ผมเคยสั่งเสื้อยืด พิมพ์โลโก้หลายแบรนด์ ส่วนมากใช้ไม่ถึง 2 ปี คอยืดหมด
แต่มียี่ห้อหนึ่ง K-Kno*** คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ใช้มา 6 ปีแล้วลายพิมพ์ยังคงอยู่ คอไม่ยืด เสื้อยังกระชับเหมือนเดิม
ผมอยากจะสั่งอีก แต่ รู้สึกว่าแบรนด์นี้จะหยุดกิจการหรือเปล่า เพราะติดต่อไปทุกช่องทางแล้วไม่ตอบกลับ
คิดดูทำไมผมติดใจ เจ้านี้ เพราะสินค้าคุณภาพ ราคาก็พอๆ กับเจ้าอื่น
ผมว่าธุรกิจมันไปได้นะ เพียงแต่คุณต้องหาวิธีคิดแบบเถ้าแก่ หาลูกมือมาทำงานแทน
เพิ่มช่องทางออนไลน์ หาเสื้อคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม หาวิธีพัฒนาตนเอง หาสาเหตุของการเบื่อ
อะไรที่ไม่รู้ ไม่เป็น ต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม (ตลอดเวลา)
ห้องยังไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน เพราะใช้ร่วมกันกับพี่ชายเป็นช่างแอร์ มันจะกองรวมกันเกะกะไปหมด
ทำไปทำมากิจการรุ่งเรื่องจนมีโต๊ะทำงาน+คอมฯ 6 ตัว มีพนักงาน 5 คน
ตลอกระยะเวลา 10 ปีที่กิจการดำเนินงานไปด้วยดี ผมแทบจะไม่ได้ไปไหน
ผมทำงานตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเวลาเข้านอน ประมาณเที่ยงคืน ผมยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นๆ
แต่ก็มีบ้างนอกลู่นอกทาง
ผมทำได้อย่างไรตั้ง 10 ปี
ผมทำงานหนัก โดยที่รู้สึกว่า ไม่ได้ทำงาน ???
ตอนนั้นผมไม่ได้คิดเรื่องเงินเท่าไหร่ ผมทำเพราะผมรักที่จะทำ รักงานบริการ
อยากให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีๆ ราคาไม่แพง ลูกค้ากลับไปได้รับบริการที่คุ้มค่า และ มีความสุข
และผมได้เพื่อนทั่วโลก ผมก็แฮ็ปปี้แล้ว ผมจึงได้ลูกค้าปากต่อปากเยอะมาก
เพราะผมผิดพลาดน้อยมาก และแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้เร็ว
ร้าน กราฟฟิกส์ ร้าน ซิลค์สกรีนเสื้อ ร้านประดับยนตร์ เป็นธุรกิจในฝันผมอย่างหนึ่งที่อยากทำ
เพราะผมเริ่มฝึกงานจากร้าน ซิลค์นามบัตรเล็กๆ ที่เชียงใหม่ เคยเป็นช่างอาร์ท กราฟฟิก โรงพิมพ์
ผมชอบงานที่ต้องใช้สมอง หมายถึง ครีเอต ออกแบบ และจินตนาการ
คุณต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณชอบงานศิลป์ หรือ ไม่ คุณชอบงานบริการคนอื่นหรือไม่
คุณต้องรักต้องชอบสิ่งที่ทำก่อน บริการดี สินค้าคุณภาพดี ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า
เหมือนคนนั่นแหละ ถ้าอยากให้เขารักเรา เราต้อรักเขาก่อน
ต้องมองงานคือสิ่งมีชีวิต เราต้องรักงานที่ทำก่อน ผลงานจะออกมาดี
เคยอ่านประวัติ คิม จอง อึน เมืองไทย จบแค่ ป. 4 แต่กิจการเขาระดับร้อยล้าน
เขาก็สืบทอดร้านทำป้ายโฆษณาเล็กๆ เหมือนคุณนี่แหละ แต่เขาขยายงานเป็นร้านใหญ่ๆ ได้ทั้งๆที่ไม่ได้จบบริหารมา
ผมมองว่าสิ่งที่คุณขาดคือการบริหารงาน ไม่ชอบบริหารกิจการ ชอบทำหน้าที่ในกรอบเล็กๆ คือ ช่างศิลป์
ทำงานแบบอารมณ์ศิลป์ คืออกในแนวติสๆ ใช้สมองด้านขวาเป็นหลัก
คุณต้องคิดแบบเจ้าของกิจการ คิดแบบนักบริหาร คิดแบบเถ้าแก่
คุณมีต้นทุนทุกอย่าง ทั้งทางด้านศิลป์ มีร้านที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่มายด์เซ็ตของคุณยังคิดแบบลูกจ้างอยู่
คือทำงานกินเงินเดือน
คุณบอกว่ากลัวเสียเวลาช่วง 26-30 คุณคิดผิด
ความรู้ในด้านการบริหารงาน สกิลลการทำงาน ความรู้การทำธุรกิจ
การแก้ปัญหา ประสบการณ์ตรงไม่มีสอนในโรงเรียน
สิ่งที่คุณขาดคือที่ปรึกษา หรือ โค้ช .... แล้วจะหาไอดอล หรือ โค้ชจากไหน ??? ...
อ่านหนังสือ ฟังคลิปแนวพัฒนาชีวิต ครับ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา
ผมเคยสั่งเสื้อยืด พิมพ์โลโก้หลายแบรนด์ ส่วนมากใช้ไม่ถึง 2 ปี คอยืดหมด
แต่มียี่ห้อหนึ่ง K-Kno*** คุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ใช้มา 6 ปีแล้วลายพิมพ์ยังคงอยู่ คอไม่ยืด เสื้อยังกระชับเหมือนเดิม
ผมอยากจะสั่งอีก แต่ รู้สึกว่าแบรนด์นี้จะหยุดกิจการหรือเปล่า เพราะติดต่อไปทุกช่องทางแล้วไม่ตอบกลับ
คิดดูทำไมผมติดใจ เจ้านี้ เพราะสินค้าคุณภาพ ราคาก็พอๆ กับเจ้าอื่น
ผมว่าธุรกิจมันไปได้นะ เพียงแต่คุณต้องหาวิธีคิดแบบเถ้าแก่ หาลูกมือมาทำงานแทน
เพิ่มช่องทางออนไลน์ หาเสื้อคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม หาวิธีพัฒนาตนเอง หาสาเหตุของการเบื่อ
อะไรที่ไม่รู้ ไม่เป็น ต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม (ตลอดเวลา)
แสดงความคิดเห็น
รับสืบทอดกิจการจากพ่อที่เสียชีวิต ลองทำแล้วคิดว่าไม่คุ้มกับเวลาที่เสีย จะเลิกก็เสียดายที่พ่อสร้างไว้
จุดเปลี่ยนชีวิต ได้ทำกิจการร้านโดยไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ทั้งยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ 😗
ตอนนี้มาอยู่ในจุดที่จะทำต่อหรือพอแล้วไปหางานทำดี
อยากรบกวนเพื่อนๆพี่ๆช่วยมาแชร์ความคิดเห็นกันครับ
🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ขอเล่าปูมหลังก่อน
ในยุคเริ่มต้นกิจการ ยุคก่อน 40' พ่อลงทุนทำร้านเสื้อผ้า โดยเช่าบ้านเป็นร้านตัดเย็บพิมพ์สกรีนเสื้อ เสื้อกีฬา ยูนิฟอร์มต่างๆ ยุคนั้นกิจการร้านก็ยังมีสภาพคล่อง สามารถจ้างลูกจ้าง ได้ 2 - 3 คน ได้ยินว่าก่อนผมเกิดธุรกิจของพ่อก็ประสบความสำเร็จดี จนสามารถซื้อรถยนต์ ผ่อนบ้านได้
พอมาช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ กิจการร้านที่บ้านเริ่มซบเซาลง แม่เลยเริ่มนำเสื้อยีนน์กางเกงยีนส์มาขายที่ตลาดช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก พ่อกับแม่ก็ประคองธุรกิจจนผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากมา
พอเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเริ่มกลับมาดีขึ้น แม่ก็มาป่วยเป็นมะเร็งและเสียชีวิต หลังจากนั้นเหลือพ่อที่ทำกิจการร้านต่อมาแต่ไม่ได้อู้ฟู่เหมือนเก่า มีช่วงที่งานเยอะและน้อยสลับกันไปจนผ่านมา 20 กว่าปี กิจการก็ถดถอยลงไปมากเพราะเดี๋ยวนี้ก็มีร้านคู่แข่งรุ่นใหม่มากขึ้น รวมทั้งการพิมพ์รูปแบบใหม่ๆก็เกิดขึ้นมามากขึ้น ลูกค้าก็ค่อยๆ น้อยลงๆ การเข้ามาของอินเทอร์เน็ตเองก็มีส่วนที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงตัวเลือกที่ดีกว่าถูกว่า ซึ่งพ่อเป็นคนยุคบูมเบอร์จึงไม่ค่อยทันกับเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ จนต้องเลิกจ้างลูกจ้าง ทำเองคนเดียว 100%
จนสภาพการเงินเริ่มขัดสน จากกิจการร้านที่เคยสร้างรายได้แบบมีเงินเก็บเหลือมากมาย ตอนนี้เหลือแค่พอกินพอใช้ไปเดือนต่อเดือน แต่ก็โชคร้ายที่พ่อก็มาตรวจพบมะเร็งอีกคนในระยะที่ 4 แล้ว
ในช่วงนี้ผมเองก็เพิ่งจบมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะไม่นาน ได้ไปทำงานรับเงินเดือนในสายงานที่ชอบ จนพอมารู้ว่าพ่อป่วยหนัก จึงต้องลาออกจากงานประจำมาอยู่ที่บ้าน ดูแลพ่ออยู่ในช่วงบั้นปราย ระหว่างนี้เอาจริงๆก็ไม่ได้คุยกันเรื่องกิจการร้านเท่าไหร่ เอาจริงๆพอมาอยู่บ้าน พ่อก็ป่วยมากแล้ว แต่ก็พอมีลูกค้าเก่าๆ ผมเลยได้ช่วยทำงานให้และได้เรียนรู้งานเล็กน้อย ด้วยความที่เรียบจบมาด้านศิลปะจึงทำงานประเภทนี้ไม่ยากนัก พ่อเองก็พยายามสอนงานแต่เพราะป่วยมากเลยได้สอนเล็กๆน้อยๆ ผมก็ได้ทำงานที่ร้านอยู่สักพักพร้อมกับดูแลพ่อไปด้วย
จนพ่อเสียชีวิตลง สิ่งที่ได้เป็นมรดกคือร้าน(ที่เป็นบ้านด้วย) กับรถยนต์เก่า 1 คัน ไม่มีเงินทุน แต่ก็ไม่มีหนี้(นอกจาก กยศ ของผม) ผมมีเงินติดตัวอยู่ 13,000 บาท
ตอนนั้นแต่ตัดสินใจว่าจะลองทำต่อร้านพ่อดู อย่างน้อยๆ ก็มีร้านอยู่ แล้วก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับชีวิตดี
_______
ทีนี้ผมก็เริ่มทำร้านต่อ ทำเพจเฟสบุ๊ค ไอจี ทำเว็ปไซท์สำเร็จรูป วางหมุดกูเกิ้ลแมพ เริ่มประชาสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าๆว่าตอนนี้เป็นรุ่นลูกมาทำแทน พอทำแล้วก็เริ่มลงเครื่องพิมพ์เล็กๆ ที่รับงานได้หลากหลายมากขึ้น ยิงแอดโฆษณาเฟสบุ้ค(ยิงได้บ้างไม่ได้บ้าง บางทีขาดทุน) แต่งร้านให้ดูดีขึ้น (ก่อนหน้านี้ร้านกับบ้านคือสิงกันอยู่ ตอนนี้แยกโซนบ้านกับร้านชัดเจน) ทำบัญชี ทำกราฟฟิกเองทุกอย่าง ค่อยปรับเปลี่ยนภายในเวลา 1 ปีแรกหลังพ่อตาย เริ่มมีลูกค้ามากขึ้นนิดหน่อย งานเข้ามาเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ แต่มีให้ทำเรื่อยๆ ไม่ขาด เงินก็ใช้จ่ายเกือบหมดต่อเดือน บางส่วนค่อยๆ เอาไปปรับลุคร้านด้วย
การเงินของร้านหลังจากที่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายหักต้นทุน เฉลี่ยกำไรต่อเดือนประมาณ 5000 - 7000 บาท + งานเสริม 3000 - 4000 ทำกราฟฟิกอยู่ที่บ้าน แต่ด้วยเพราะว่ามันเป็นบ้าน จึงไม่มีค่าเช่าหน้าร้าน จ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟค่าเน็ต แล้วผมเองก็เป็นคนกินน้อย จึงพออยู่ได้ พาแฟนไปเลี้ยงบุฟเฟต์ได้บ้างบางวัน พอซื้อของที่อยากได้กระจุ๋มกระจิ๋ม
รายจ่ายก็มีแต่ค่ากินส่วนตัว กับดำเนินชีวิต แต่เงินเก็บต่อเดือนนี้ถ้าไม่ประหยัดกินน้อย ก็แทบไม่เหลือเลย เดือนไหนกินเยอะ แบบกินข้าวสามมื้อจุกๆ จะไม่พอเก็บแน่ๆ เป็นเช่นนี้มาเรื่อยๆ
_____________________
เมื่อสืบต่อกิจการร้านมาจนจะครบปีที่ 2 จึงมานั่งสรุปชีวิต😢
ทัศนคติของผมช่วงหลังมานี้ คือผมขาดความกระตือรือร้นที่จะหาลูกค้า อารมณ์แบบขี้เกียจ ไม่อยากเหนื่อย ถ้างานไหนใช้ด่วนๆก็ไม่อยากรับไม่อยากอดนอนเร่งงานให้ลูกค้า ไม่กระหายเงิน ถ้าเป็นนิสัยเจ้าของกิจการคงต้องกระหายเงินมากกว่านี้ อยากรับงานเยอะๆเงินเยอะๆ แต่ผมกลับไม่อยากรับงานเยอะๆแล้วมาเร่งทำ ผมเห็นกิจการคู่แข่งแล้วก็ท้อ ที่เขามีเครื่องดีกว่า อุปกรณ์ดีกว่า ของแพงกว่า ไอเดียดีกว่า มีไฟ
แต่ผมกลับห่อเหี่ยว ทำไปเพื่ออยู่ไปเฉยๆ เข้าใจว่าคนจะเป็นเจ้าของธุรกิจมันต้องกระตือรือร้นกว่านี้ วางแผนธุรกิจการตลาดนู่นนี่ สนุก ทุ่มสุดตัว
มานั่งคิดว่า
ผมหมดไฟ ขาดพลัง ไม่กระตือรือร้น ไม่มีแพชชั่นที่จะทำกิจการต่อ
ตัวผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นเจ้าของกิจการ ผมอยากเรียนรู้ อยากเก่งให้คนอื่นยอมรับว่าผมเก่งในสกิลด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า
กลัวว่าจะสูญเสียเวลาช่วงอายุ 26 - 30 ไปอย่างไม่คุ้มค่า เห็นเพื่อนบางคนเงินเดือน 2 - 3 หมื่นแล้วก็แอบอิจฉา(ไหนบอกไม่ค่อยอยากได้เงิน เอ้ะ) เพื่อนบางคนได้ไปเรียนต่อเมืองนอก ผมก็เรียนเก่งอันดับต้นๆ แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ คนนู่นฝีมือเก่งเกินหน้าเราไปแล้ว คนนี้เริ่มมีชื่อเสียงจากงานที่ทำแล้ว หรือกิจการร้านมันมาถ่วงชีวิตผมกันนะ แต่พอจะเลิกก็กลัวเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พวกล้มกิจการพ่อแม่ กลัวคนมองว่าขี้แพ้อีก ไปทำประจำก็แอบกลัวเจอคนประสาทแล้วสุขภาพจิตจะแย่อีก
สำหรับผม ข้อดี ของการทำร้านคือ
- ผมได้อยู่บ้านเล่นกับแมว มีเวลาเยอะขึ้น สบาย ได้เล่นเกมส์ ดูหนัง จัดสรรเวลาศึกษาสิ่งที่สนใจมากขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น พักผ่อนมากขึ้น
- ผมควบคุมการทำงานด้วยตัวเองทั้งหมด จัดสรรเวลาว่าจะส่งงานลูกค้ายังไงให้ทัน ควบคุมการผลิตทุกขึ้นตอน ส่วนตัวชอบการทำงานคนเดียวมากกว่าทำเป็นกลุ่มอยู่แล้ว จึงค่อนข้างโอเค จะปิดร้านในวันที่เงียบๆก็ได้
- รู้สึกว่าเป็นเจ้าของกิจการมันดูเท่ก็ เป็นนายตัวเอง ตามแบบสังคมสมัยใหม่ให้การยอมรับ
ข้อเสีย
- รายได้น้อยมาก เงินไม่มั่นคงผันผวนตามงาน ยิ่งเศรษฐกิจช่วงนี้ด้วย บวกกับ ร้านคู่แข่งเกิดใหม่เยอะเพราะการพิมพ์สกรีนง่ายขึ้นมาก
_________________________
ที่ร่ายปูมหลังมาทั้งหมดนี้ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้พี่ๆ ช่วยให้คำปรึกษากับผมหน่อย จักขอบพระคุณมากที่เมตตาสละเวลา
ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากถามว่าผมควรจะเลิกกิจการที่สืบต่อมานี้แล้วไปหางานประจำทำเพื่อสร้างทุนไปต่อ หรือพัฒนากิจการที่รุ่นพ่อแม่ได้แผ้วถางไว้ต่อดี ??
เฮ้อ ไม่เข้าเลย 😢😢😢