เวนคืนฉลุย! ตั้งสำนักงาน/ถมดินสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ “เด่นชัย-เชียงของ”
เริ่มแล้ว! ถมดินสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ “เด่นชัย-เชียงของ” 3 สัญญา 7.29 หมื่นล้าน รฟท. ลุยต่อเคลียร์เวนคืนหมื่นล้านจบปี 67 ขณะที่ “บ้านไผ่-นครพนม” กำลังกำหนดราคา คาดเริ่มส่งมอบพื้นที่สิ้นปีนี้
1 กันยายน 2565
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ขณะนี้ รฟท. ได้เริ่มทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กับชาวบ้านที่ถูกเวนคืนในโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 7.29 หมื่นล้านบาทแล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท หรือประมาณ 70% ของเป้าหมายในปีงบประมาณ 65 ที่ต้องเวนคืนให้ได้มูลค่าประมาณ 1,620 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้จ่ายเงินค่าทดแทนให้ชาวบ้านบางส่วนแล้ว คาดว่าใน 2-3 สัปดาห์ หรือภายในเดือน ก.ย.65 รฟท. จะทำสัญญาฯ ได้ครบทั้งหมดตามแผน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า เป็นเรื่องปกติที่งานเวนคืน จะมีชาวบ้านที่พอใจ และไม่พอใจกับราคาเวนคืน ซึ่งในส่วนที่ไม่พอใจ ทาง รฟท. พยายามชี้แจงทำความเข้าใจมาโดยตลอด หากชาวบ้านยังรู้สึกไม่พอใจ สามารถเข้าสู่กระบวนการยื่นอุทธรณ์ได้ ทั้งนี้โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีพื้นที่ใน จ.แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย ที่จะถูกเวนคืน รวม 8,665 แปลง 12,076 ไร่ แบ่งเป็น ที่ดินมีเอกสารสิทธิ 7,704 แปลง ที่ดิน ส.ป.ก. 783 แปลง พื้นที่ป่า 13 แปลง อื่นๆ 465 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 5,053 รายการ ใช้งบประมาณเวนคืนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในปีงบประมาณ 66 รฟท. มีแผนทำสัญญาฯ และจ่ายเงินค่าทดแทนให้ชาวบ้าน รวมมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4 พันล้านบาท จะดำเนินการทำสัญญา และจ่ายเงินค่าทดแทนให้แล้วเสร็จในปี 67 อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของพื้นที่ที่มีการเวนคืนเรียบร้อยแล้ว ทาง รฟท. ได้ดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างได้เริ่มงานก่อสร้างทันที เบื้องต้นสามารถส่งมอบพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณสถานีให้ผู้รับจ้างได้ครบทั้ง 3 สัญญา ซึ่งผู้รับจ้างได้เข้าพื้นที่ และเริ่มงานถมดิน รวมถึงสร้างสำนักงานโครงการแล้ว ถือว่าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับสัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม. มีกลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี-เนาวรัตน์ เป็นผู้รับจ้าง, สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. มีกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 2 เป็นผู้รับจ้าง และสัญญาที่ 3 ช่วง ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. มีกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 3 เป็นผู้รับจ้าง ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่การก่อสร้างที่เหลือ จะทยอยดำเนินการเวนคืนคู่ขนานไปกับการก่อสร้างต่อไป โดยเส้นทาง สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี มีแผนเปิดให้บริการในปี 71
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงินก่อสร้าง 6.68 หมื่นล้านบาท คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดราคาเบื้องต้น โดยเส้นทางนี้มีพื้นที่ใน จ.ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และนครพนม ที่จะถูกเวนคืน รวม 9,012 แปลง 18,462 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง 2,368 หลัง และไม้ยืนต้น 6,711 แปลง ใช้งบประมาณเวนคืนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่แปลงแรกให้ผู้รับจ้างได้ประมาณสิ้นปี 65 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี มีแผนเปิดให้บริการปี 69
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/1421943/
รถไฟ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” ทางคู่สายประวัติศาสตร์ที่ประชาชนรอคอย
รถไฟ “เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ” ทางคู่สายประวัติศาสตร์ที่ประชาชนรอคอย เจาะอุโมงค์ลอดภูเขายาวที่สุดในไทย ผุดแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ เปิดประตูการค้าชายแดนเชื่อม ไทย - อาเซียน - จีน
รถไฟทางคู่สายเหนือ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” เป็นเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ที่ใช้เวลาดำเนินการยาวนานมาก นับตั้งแต่เริ่มมีการศึกษาโครงการเมื่อปี 2503 ผ่านรัฐบาลหลายยุค มีการปรับนโยบายหลายต่อหลายครั้ง จากหลายปัจจัยทั้งด้านการเมือง ด้านงบประมาณที่จำกัด และยังถูกต่อต้านจากกลุ่มเอ็นจีโอ ด้วยเพราะเป็นเส้นทางสายใหม่ที่ต้องมีการเวนคืนตลอดโครงการ แต่ทว่า! กลับเป็นโครงการที่มีเสียงเรียกร้องจาก ประชาชน ภาคเอกชน หอการค้าจังหวัด ต้องการให้ก่อสร้างมากที่สุดสายหนึ่ง จนกระทั่งปี 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการ หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอผลการศึกษา ซึ่งพบว่าโครงการมีผลตอบแทนและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และเป็นเส้นทางรถไฟจะมีศักยภาพสูง ทั้งด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว ถือเป็นการปลดล็อค 60 ปี ที่รอคอย
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีระยะทาง 323.10 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 72 เดือน ( 6 ปี) มีจุดเริ่มต้นจากสถานีเด่นชัย จ.แพร่ มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านจังหวัด ลำปาง พะเยาสิ้นสุด ที่บริเวณด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นเส้นทางที่จะเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่ง จากจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่ อ.เชียงของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ไปยัง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ จีนตอนใต้ ที่เมืองคุนหมิง สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดภาคเหนือเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับ อ. เชียงของเป็นโลจิสติกส์ฮับของภาคเหนือ และส่งเสริม จ.เชียงรายเป็นเมืองโลจิสติกส์ (Logistic City) ของภูมิภาคในอนาคต ขณะที่ สามารถเชื่อมโยงจากประเทศจีนตอนใต้ ผ่านลาว มาไทยไปยังท่าเรือแหลมฉบัง รองรับการพัฒนาพื้นที่อีอีซี ได้อย่างสะดวก เชื่อมโยงการเดินทาง ขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมต่อกับท่าเรือ และสนามบิน รวมไปถึงโครงข่ายทางหลวงภายในประเทศ เป็นโครงการที่เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ได้อย่างสมบูรณ์ ลดต้นทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดประตูสู่การค้าชายแดนภาคเหนือ เพิ่มช่องทางในการส่งออกสินค้าจากไทยและสร้างโอกาสที่ดีต่อการค้า การลงทุนของประเทศ
โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ ที่จะเปิดพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจและการค้า โดยผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก ตามหลัก Universal Design และยังมีการออกแบบรั้วกั้นเขตแนวสายทาง มีสะพานรถไฟ สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ 40 แห่ง ทางรถยนต์ลอดรถไฟ 102 แห่ง มีทางเชื่อมรวมและกระจายจราจร ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้ามและลอดทางรถไฟ แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ 254 จุด ตลอดแนวเส้นทาง เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับความเร็วในการเดินทางขนส่งได้อย่างปลอดภัย และยังมีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่ง ที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ โดยเส้นทางอยู่ในพื้นที่ จ.แพร่ ระยะทาง 77.20 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ เด่นชัย, สูงเม่น, แพร่, แม่คำมี ,หนองเสี้ยว, สอง อยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง ระยะทาง 52.40 กิโลเมตร มี 3 สถานี คือ แม่ตีบ ,งาว, ปงเตา อยู่ในพื้นที่ จ.พะเยา ระยะทาง 54.10 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ มหาวิทยาลัยพะเยา, บ้านโทกหวาก ,พะเยา , ดงเจน, บ้านร้อง, บ้านใหม่ อยู่ในพื้นที่ จ. เชียงราย ระยะทาง 139.40 กิโลเมตร มี 11 สถานี คือ ป่าแดด, ป่าแงะ, บ้านโป่งเกลือ ,สันป่าเหียง, เชียงราย, ทุ่งก่อ, เวียงเชียงรุ้ง, ชุมทางบ้านป่าซาง, บ้านเกี๋ยง, ศรีดอนชัย, เชียงของ
เนื่องจากเส้นทางต้องผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง และเขตอุทยาน จึงมีการออกแบบก่อสร้างเป็นคันทางระดับดินและทางรถไฟยกระดับ รวมถึงมีการเจาะภูเขาก่อสร้างอุโมงค์ 4 แห่ง ระยะทางในอุโมงค์ทั้งขาขึ้นและขาล่องรวม 27.03 กิโลเมตร โดยที่ จ.แพร่ มี 2 อุโมงค์ คือ
ที่อำเภอสอง โดยอุโมงค์ที่ 1 มีความยาว 1.175 กิโลเมตร
อุโมงค์ที่ 2 ความยาว 6.240 กิโลเมตร
อุโมงค์ที่ 3 อยู่ที่บริเวณ อ.เมือง จ.พะเยา ความยาว 2.700 กิโลเมตร
และอุโมงค์ที่ 4 อยู่ที่ อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ความยาว 3.400 กิโลเมตร
การเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาลอดใต้ผืนป่าอุทยาน ถึง 4 อุโมงค์ นอกจากเป็นเป็นไฮไลท์สำคัญของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของแล้ว ยังจะสร้างสถิติใหม่ เป็นอุโมงค์รถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย เหนืออุโมงค์รถไฟบ้านหินลับ ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่มีระยะทางในอุโมงค์ทั้งขาขึ้นและขาล่องรวมกว่า 10.4 กิโลเมตร และด้วยสภาพพื้นที่ ตลอดสองข้างทางที่สวยงาม มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับวิวผืนป่าที่เขียวชอุ่มและสดชื่นสบายตา เส้นทางรถไฟแล่นผ่านเทือกเขา สะพาน สลับกับการลอดอุโมงค์ จึงขึ้นแท่นเป็นเส้นทางรถไฟที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง และจะสร้างความประทับใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสถานที่ท่องเที่ยวเดิม และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ประกอบกับ เส้นทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จะลดระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วกว่า 1 ชม.-1.30 ชม. เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์อีกด้วย จึงเป็นเส้นทางรถไฟแห่งอนาคต ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจการค้า สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เส้นทางตัดผ่าน ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำการเปิดประมูลตามมติครม.ไปแล้ว แต่มีการคัดค้านโครงการ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและให้ชะลอการประมูล หรือยกเลิกและจัดทำทีโออาร์ จัดการประมูลขึ้นใหม่ โดยอ้างมีข้อสงสัย กำหนดทีโออาร์เอื้อประโยชน์ให้กลุ่ม ผู้รับเหมารายใหญ่ มีการฮั้วราคา ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เนื่องจากมีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 60 ล้านบาท ซึ่งทุกประเด็นข้อสงสัย รฟท.ได้มีการชี้แจง ข้อเท็จจริง ว่าได้ดำเนินการโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 และดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มีการจัดทำราคากลางคำนึงถึงประโยชน์ของภาครัฐและประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยใช้ราคากลางเดือนตุลาคม 2563 ที่ รฟท.ไม่ได้ปรับราคาใหม่ หากใช้ราคากลางใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนที่ประมูลงานนี้ ค่าก่อสร้างรวมทั้งโครงการจะมีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 4,600 ล้านบาท จึงทำให้รัฐประหยัดงบเงินได้ถึง 4,600 ล้านบาท
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/43299
แม้ว่าจะมีวิกฤตต่างๆมากมาย ยุคลุงมีแต่ความเจริญเพิ่มขึ้นในทุกด้านค่ะ...
🧡มาลาริน🧡เวนคืนฉลุย! ตั้งสำนักงาน/ถมดินสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ “เด่นชัย-เชียงของ” แล้ว
เริ่มแล้ว! ถมดินสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ “เด่นชัย-เชียงของ” 3 สัญญา 7.29 หมื่นล้าน รฟท. ลุยต่อเคลียร์เวนคืนหมื่นล้านจบปี 67 ขณะที่ “บ้านไผ่-นครพนม” กำลังกำหนดราคา คาดเริ่มส่งมอบพื้นที่สิ้นปีนี้
1 กันยายน 2565
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ขณะนี้ รฟท. ได้เริ่มทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กับชาวบ้านที่ถูกเวนคืนในโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 7.29 หมื่นล้านบาทแล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท หรือประมาณ 70% ของเป้าหมายในปีงบประมาณ 65 ที่ต้องเวนคืนให้ได้มูลค่าประมาณ 1,620 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้จ่ายเงินค่าทดแทนให้ชาวบ้านบางส่วนแล้ว คาดว่าใน 2-3 สัปดาห์ หรือภายในเดือน ก.ย.65 รฟท. จะทำสัญญาฯ ได้ครบทั้งหมดตามแผน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า เป็นเรื่องปกติที่งานเวนคืน จะมีชาวบ้านที่พอใจ และไม่พอใจกับราคาเวนคืน ซึ่งในส่วนที่ไม่พอใจ ทาง รฟท. พยายามชี้แจงทำความเข้าใจมาโดยตลอด หากชาวบ้านยังรู้สึกไม่พอใจ สามารถเข้าสู่กระบวนการยื่นอุทธรณ์ได้ ทั้งนี้โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีพื้นที่ใน จ.แพร่, ลำปาง, พะเยา และเชียงราย ที่จะถูกเวนคืน รวม 8,665 แปลง 12,076 ไร่ แบ่งเป็น ที่ดินมีเอกสารสิทธิ 7,704 แปลง ที่ดิน ส.ป.ก. 783 แปลง พื้นที่ป่า 13 แปลง อื่นๆ 465 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง 5,053 รายการ ใช้งบประมาณเวนคืนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในปีงบประมาณ 66 รฟท. มีแผนทำสัญญาฯ และจ่ายเงินค่าทดแทนให้ชาวบ้าน รวมมูลค่าประมาณ 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4 พันล้านบาท จะดำเนินการทำสัญญา และจ่ายเงินค่าทดแทนให้แล้วเสร็จในปี 67 อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของพื้นที่ที่มีการเวนคืนเรียบร้อยแล้ว ทาง รฟท. ได้ดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างได้เริ่มงานก่อสร้างทันที เบื้องต้นสามารถส่งมอบพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณสถานีให้ผู้รับจ้างได้ครบทั้ง 3 สัญญา ซึ่งผู้รับจ้างได้เข้าพื้นที่ และเริ่มงานถมดิน รวมถึงสร้างสำนักงานโครงการแล้ว ถือว่าเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับสัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม. มีกลุ่มกิจการร่วมค้า ไอทีดี-เนาวรัตน์ เป็นผู้รับจ้าง, สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. มีกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 2 เป็นผู้รับจ้าง และสัญญาที่ 3 ช่วง ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. มีกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที-ดีซี 3 เป็นผู้รับจ้าง ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่การก่อสร้างที่เหลือ จะทยอยดำเนินการเวนคืนคู่ขนานไปกับการก่อสร้างต่อไป โดยเส้นทาง สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปี มีแผนเปิดให้บริการในปี 71
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงินก่อสร้าง 6.68 หมื่นล้านบาท คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนและได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 อยู่ระหว่างพิจารณากำหนดราคาเบื้องต้น โดยเส้นทางนี้มีพื้นที่ใน จ.ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และนครพนม ที่จะถูกเวนคืน รวม 9,012 แปลง 18,462 ไร่ สิ่งปลูกสร้าง 2,368 หลัง และไม้ยืนต้น 6,711 แปลง ใช้งบประมาณเวนคืนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบพื้นที่แปลงแรกให้ผู้รับจ้างได้ประมาณสิ้นปี 65 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี มีแผนเปิดให้บริการปี 69
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/1421943/
รถไฟ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” ทางคู่สายประวัติศาสตร์ที่ประชาชนรอคอย
รถไฟ “เด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ” ทางคู่สายประวัติศาสตร์ที่ประชาชนรอคอย เจาะอุโมงค์ลอดภูเขายาวที่สุดในไทย ผุดแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ เปิดประตูการค้าชายแดนเชื่อม ไทย - อาเซียน - จีน
รถไฟทางคู่สายเหนือ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ” เป็นเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ที่ใช้เวลาดำเนินการยาวนานมาก นับตั้งแต่เริ่มมีการศึกษาโครงการเมื่อปี 2503 ผ่านรัฐบาลหลายยุค มีการปรับนโยบายหลายต่อหลายครั้ง จากหลายปัจจัยทั้งด้านการเมือง ด้านงบประมาณที่จำกัด และยังถูกต่อต้านจากกลุ่มเอ็นจีโอ ด้วยเพราะเป็นเส้นทางสายใหม่ที่ต้องมีการเวนคืนตลอดโครงการ แต่ทว่า! กลับเป็นโครงการที่มีเสียงเรียกร้องจาก ประชาชน ภาคเอกชน หอการค้าจังหวัด ต้องการให้ก่อสร้างมากที่สุดสายหนึ่ง จนกระทั่งปี 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการ หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้นำเสนอผลการศึกษา ซึ่งพบว่าโครงการมีผลตอบแทนและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และเป็นเส้นทางรถไฟจะมีศักยภาพสูง ทั้งด้านการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว ถือเป็นการปลดล็อค 60 ปี ที่รอคอย
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีระยะทาง 323.10 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง 72 เดือน ( 6 ปี) มีจุดเริ่มต้นจากสถานีเด่นชัย จ.แพร่ มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านจังหวัด ลำปาง พะเยาสิ้นสุด ที่บริเวณด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นเส้นทางที่จะเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่ง จากจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า ที่ อ.เชียงของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 ไปยัง เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ จีนตอนใต้ ที่เมืองคุนหมิง สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดภาคเหนือเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจ ยกระดับ อ. เชียงของเป็นโลจิสติกส์ฮับของภาคเหนือ และส่งเสริม จ.เชียงรายเป็นเมืองโลจิสติกส์ (Logistic City) ของภูมิภาคในอนาคต ขณะที่ สามารถเชื่อมโยงจากประเทศจีนตอนใต้ ผ่านลาว มาไทยไปยังท่าเรือแหลมฉบัง รองรับการพัฒนาพื้นที่อีอีซี ได้อย่างสะดวก เชื่อมโยงการเดินทาง ขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โดยสามารถเชื่อมต่อกับท่าเรือ และสนามบิน รวมไปถึงโครงข่ายทางหลวงภายในประเทศ เป็นโครงการที่เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ (North-South Economic Corridor: NSEC) และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ได้อย่างสมบูรณ์ ลดต้นทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดประตูสู่การค้าชายแดนภาคเหนือ เพิ่มช่องทางในการส่งออกสินค้าจากไทยและสร้างโอกาสที่ดีต่อการค้า การลงทุนของประเทศ
โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ ที่จะเปิดพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือ ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจและการค้า โดยผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก ตามหลัก Universal Design และยังมีการออกแบบรั้วกั้นเขตแนวสายทาง มีสะพานรถไฟ สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ 40 แห่ง ทางรถยนต์ลอดรถไฟ 102 แห่ง มีทางเชื่อมรวมและกระจายจราจร ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้ามและลอดทางรถไฟ แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ 254 จุด ตลอดแนวเส้นทาง เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับความเร็วในการเดินทางขนส่งได้อย่างปลอดภัย และยังมีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่ง ที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ โดยเส้นทางอยู่ในพื้นที่ จ.แพร่ ระยะทาง 77.20 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ เด่นชัย, สูงเม่น, แพร่, แม่คำมี ,หนองเสี้ยว, สอง อยู่ในพื้นที่ จ.ลำปาง ระยะทาง 52.40 กิโลเมตร มี 3 สถานี คือ แม่ตีบ ,งาว, ปงเตา อยู่ในพื้นที่ จ.พะเยา ระยะทาง 54.10 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ มหาวิทยาลัยพะเยา, บ้านโทกหวาก ,พะเยา , ดงเจน, บ้านร้อง, บ้านใหม่ อยู่ในพื้นที่ จ. เชียงราย ระยะทาง 139.40 กิโลเมตร มี 11 สถานี คือ ป่าแดด, ป่าแงะ, บ้านโป่งเกลือ ,สันป่าเหียง, เชียงราย, ทุ่งก่อ, เวียงเชียงรุ้ง, ชุมทางบ้านป่าซาง, บ้านเกี๋ยง, ศรีดอนชัย, เชียงของ
เนื่องจากเส้นทางต้องผ่านภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง และเขตอุทยาน จึงมีการออกแบบก่อสร้างเป็นคันทางระดับดินและทางรถไฟยกระดับ รวมถึงมีการเจาะภูเขาก่อสร้างอุโมงค์ 4 แห่ง ระยะทางในอุโมงค์ทั้งขาขึ้นและขาล่องรวม 27.03 กิโลเมตร โดยที่ จ.แพร่ มี 2 อุโมงค์ คือ
ที่อำเภอสอง โดยอุโมงค์ที่ 1 มีความยาว 1.175 กิโลเมตร
อุโมงค์ที่ 2 ความยาว 6.240 กิโลเมตร
อุโมงค์ที่ 3 อยู่ที่บริเวณ อ.เมือง จ.พะเยา ความยาว 2.700 กิโลเมตร
และอุโมงค์ที่ 4 อยู่ที่ อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ความยาว 3.400 กิโลเมตร
การเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาลอดใต้ผืนป่าอุทยาน ถึง 4 อุโมงค์ นอกจากเป็นเป็นไฮไลท์สำคัญของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของแล้ว ยังจะสร้างสถิติใหม่ เป็นอุโมงค์รถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย เหนืออุโมงค์รถไฟบ้านหินลับ ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่มีระยะทางในอุโมงค์ทั้งขาขึ้นและขาล่องรวมกว่า 10.4 กิโลเมตร และด้วยสภาพพื้นที่ ตลอดสองข้างทางที่สวยงาม มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับวิวผืนป่าที่เขียวชอุ่มและสดชื่นสบายตา เส้นทางรถไฟแล่นผ่านเทือกเขา สะพาน สลับกับการลอดอุโมงค์ จึงขึ้นแท่นเป็นเส้นทางรถไฟที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง และจะสร้างความประทับใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสถานที่ท่องเที่ยวเดิม และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ประกอบกับ เส้นทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จะลดระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วกว่า 1 ชม.-1.30 ชม. เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์อีกด้วย จึงเป็นเส้นทางรถไฟแห่งอนาคต ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งด้านการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจการค้า สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เส้นทางตัดผ่าน ขณะนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำการเปิดประมูลตามมติครม.ไปแล้ว แต่มีการคัดค้านโครงการ เรียกร้องให้มีการตรวจสอบและให้ชะลอการประมูล หรือยกเลิกและจัดทำทีโออาร์ จัดการประมูลขึ้นใหม่ โดยอ้างมีข้อสงสัย กำหนดทีโออาร์เอื้อประโยชน์ให้กลุ่ม ผู้รับเหมารายใหญ่ มีการฮั้วราคา ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เนื่องจากมีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 60 ล้านบาท ซึ่งทุกประเด็นข้อสงสัย รฟท.ได้มีการชี้แจง ข้อเท็จจริง ว่าได้ดำเนินการโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 และดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มีการจัดทำราคากลางคำนึงถึงประโยชน์ของภาครัฐและประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยใช้ราคากลางเดือนตุลาคม 2563 ที่ รฟท.ไม่ได้ปรับราคาใหม่ หากใช้ราคากลางใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนที่ประมูลงานนี้ ค่าก่อสร้างรวมทั้งโครงการจะมีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 4,600 ล้านบาท จึงทำให้รัฐประหยัดงบเงินได้ถึง 4,600 ล้านบาท
https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/43299
แม้ว่าจะมีวิกฤตต่างๆมากมาย ยุคลุงมีแต่ความเจริญเพิ่มขึ้นในทุกด้านค่ะ...