อัพเดทกันหน่อยครับ

กระทู้สนทนา
ช่วง 2 เดือนนี้ผมไปยุโรปมา 2 รอบ รอบละ 20 วัน ไปอิตาลี ออสเตรีย เยอรมัน สวิส อีกรอบไปฝรั่งเศส ฮอนแลนด์ นอร์เวย์ รู้สึก
ของกินของใช้ ค่าที่พัก แพงขี้น 30-50% โดยเฉพาะรถเช่าขี้นเป็นเท่าตัว แต่ราคาน้ำมันไม่ได้ขึ้นเยอะมาก ประมาณลิตรละ 60-70 บาท เที่ยบกับก่อนโควิดที่เกือบๆ 50 บาท ที่เจอคือคนใช้ชีวิตกันปกติ เมืองท่องเที่ยวคนเยอะคิวยาวกว่าปกติ(อาจะเพราะเป็นหน้าร้อนและเหมือนอั้นที่ไม่ได้เที่ยวกันนาน) ตอนนี้แม้ไม่มีนักท่องเที่ยวจีนและญี่ปุ่น ที่มาแทนคือพวกแขกตะวันออกกลาง(ที่รวยจากน้ำมัน) และแน่นอนชาวอเมริกันที่มาเพราะค่าเงินยูโรที่อ่อนลง ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกว่าแย่เหมือนข่าวในสื่อต่างๆ แต่ที่น่าห่วงคือภัยแล้งและสภาพอากาศที่ปีนี้ร้อนจริงๆ ซึ่งมันก็คงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีเดียว อันนี้แหละคือสิ่งที่ผมเป็นห่วงมากกว่า ว่าจะกระทบในระยะต่อไป จริงๆคิดว่าสำคัญมากกว่าเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก ซึ่งอันนั้นคงลากยาวไปอีกนาน

ส่วนอเมริกา ถ้าในส่วนของตลาดหลักๆช่วงนี้คงเป็นอารมณ์ประมาณวัยทอง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ลงแรงๆผมว่าไม่น่าแล้ว เพราะตนอยากขาย ได้ขายไปตอนลงหนักๆเมื่อ 3-4 เดือนก่อนเรียบร้อยหละ รู้สึกว่าพอเลือกซื้อได้บางตัว แต่อันที่เห็นชัดๆตือลุงไบเดนแแก่ลงเยอะเลย เดี๋ยวกลางเดือนหน้าผมจะไปนิวยอร์คอีกรอบ ไว้จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง

 หันมาดูไทย ผมว่าวิกฤตคือโอกาสสำหรับบ้านเรา ในขณะที่ยุโรปจีนและอเมริกาเกิดปัญหาภัยแล้ง บ้านเราปีนี้คาดว่าน้ำเยอะ มันอาจจะน้ำท่วมช่วง 1-2 เดือนนี้ก็จริงแต่ว่าปีหน้าเพาะปลูกเราน่าจะดี คนเยอะดีกว่าฝนแล้ง ค่าแรงในประเทศก็ไม่ได้ปรับขึ้นเยอะเท่าไหร่ เรามีแรงงานต่างประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาซึ่งดูกันดีๆบ้านเราแทบไม่ได้ขาดแคลนแรงงานขั้นพื้นฐานเลย ก็จริงที่ค่ากินค่าอยู่ของเรามันเพิ่มขึ้นแต่คิดดูแล้วจาก 40-60 เป็น 70-90 บาทต่อมื้อ อันนี้ยังถูกเมื่อเทียบกับ 300-400 เป็น 600-700 บาทต่อมื้อในยุโรปและอเมริกา ปีหน้าคนมาอยู่ไทยกันเยอะแน่ ที่สำคัญบ้านเราถ้าไม่มีจะกินก็ยังสามารถเพาะปลูกให้มันงอกขึ้นมาจากดินได้ หรือแม้กระทั่งไปวัดเพื่อขอข้าวจากพระกิน เรียกว่าไม่มีอดตายนั่นแหละ ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่แปลกใจถ้าจะมีเงินลงทุนไหลเข้ามาในช่วงนี้ เพราะเราดูปลอดภัยกว่าที่อื่น เรื่องดอกเบี้ยดูเหมือนBOT ไม่อยากจะขี้นมากให้กระทบกระเทือนหนี้ครัวเรือนจริงๆ เรื่องการเมือง ผมว่าปีนี้ยุบสภามั๊ง ดูแลตัวเองให้รอดก่อนเหอะ นี่จะต้องมาดูแลประเทศเลยเหรอ

ส่วนตัวผมตอนนี้พอร์ทและสัดส่วนลงทุนในหุ้นมีลดลงบ้างเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่ยังถือเกิน 60%  หลังจากนั้นไม่ได้ขยับอะไรเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าถือเงินแล้วมันยิ่งด้อยค่า หลักๆก็เป็นตัวเดิมซึ่งเป็นบจ.ที่ไม่ได้ลงทุนในเมืองไทยแต่อย่างเดียว แน่นอนก็คงจะรับผลกระทบจากต่างประเทศบ้าง แต่ก็ยังรู้สึกว่าถือพอได้อยู่ ช่วงนี้ออกเที่ยวโลกว้างวนๆไปให้หายคิดถึงในช่วงเวลาที่หายไป 3ปีเพราะโควิด เดี๋ยวแก่ไปมากๆจะเที่ยวเองยาก แถมชอบตรงตอนนี้ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเยอะๆให้รำคาญใจด้วย ถือว่าไปดูหน้างานจริงด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่