JJNY : 5in1 มธ.จัดงาน"แปดที่ปวด"│แนวโน้มคนไทยหมดไฟ│‘ชลน่าน’เชื่อ‘ป้อม’ไม่ชิงยุบสภา│ปธ.กกต.พร้อมจัดลต.│สหรัฐเอาคืนจีน

มธ.จัดงาน "แปดที่ปวด" ขับไล่ระบอบประยุทธ์ เลิกอำนาจสว. เลือกนายก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7233790
 
 
ธรรมศาสตร์จัดงาน “แปดที่ปวด” ขับไล่ระบอบประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ 3 ข้อ เลิกอำนาจสว. เลือกนายกรัฐมนตรี ย้ำยุบสภาทันทีที่กฎหมายลูกเสร็จ
  
วันที่ 26 ส.ค.2565 ที่ลาน Common คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี มีการจัดกิจกรรม “แปดที่ปวด” หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพื่อรอวินิจฉัยปม 8 ปี โดยมีรุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้าร่วมรับฟังการปราศรัย
 
ทั้งมีการสลับกันขึ้นปราศรัยของนักศึกษา กล่าวถึงการบริการประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพที่บริหารประเทศมาถึง 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านเศรษฐิจและสังคม ซึ่งทำให้ประเทศตกต่ำอยู่ทุกวันนี้ รวมถึงการใช้งบประมาณกระทรวงกลาโหม ที่ใช้งบประมาณเกือบ 2 แสนล้านบาท
 
ถือเป็นกระทรวงที่ได้งบประมาณมากว่ากระทรวงที่ใช้ผลิตนักเรียนนักศึกษาให้มีคุณภาพ แต่ใช้งบประมาณไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ปัจจุบัน ก็ไม่มีการสู้รบกันแล้ว เป็นการใช้งบประมาณของประเทศที่สิ้นเปลือง แทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ
 
โดยปัญหาที่เกิดจากการรัฐประหารมีอยู่ 2 ข้อ 

1. สืบทอดอำนาจ 
และ 2. หลังจากการเลือกตั้งที่มีกลไกที่ทางคณะที่ยึดอำนาจ หรือนโยบายที่เขาวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นระบบข้าราชการ หรือการวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงเป็นปัญหาการเมืองไทย มาอย่างยาวนาน มันจึงเกิดปัญหาซ้ำซากมาถึงทุกวันนี้
  
ทั้งนี้ภายในงานได้จัดกิจกรรมภายอาทิ ตั้งรูปเพื่อไว้อาลัยสำหรับในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีพื้นสีดำ และมีธูปเทียนตั้งอยู่ จัดป้ายผ้าแสดงความคิดเห็น และโพลสำรวจความคิดเห็น ของผู้ร่วมงาน
 
เบื้องต้นภายในงานมีการอ่านแถลงการณ์ขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาพ้นจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกการให้อํานาจวุฒสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก่อนมีการยุบสภา และให้มีการ ยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษาประกาศแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
 
ทางคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเล็งเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจก่อให้เกิดสภาวะสูญญากาศทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศ จึงมีข้อ เรียกร้อง 3 ประการ ดังต่อไปนี้
 
1. ให้ศาลรัฐธรรมนูญเร่งวินิจฉัยให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาพ้นจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที 
2. แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา27 ข้อ2ยกเลิกการให้อํานาจวุฒสิภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนมีการยุบสภา 
3. ให้มีการยุบสภาทันทีหลังจากมีราชกิจจานุเบกษาประกาศแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ
 
สุดท้ายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคําร้องของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยใช้และ ตีความกฎหมายตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญด้วยความเที่ยงธรรมอย่างตรงไปตรงมา ปราศจากอคติส่วนตน ดังที่ผู้ทรงคุณวุฒิและวิญญูชนพึงกระทํา
 
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเล็งเห็นถึงปัญหาที่ตนเองได้ก่อ อย่างการบริหาร ราชการผิดพลาดจนก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและบริหารราชการผิดพลาดในการรับมือต่อสถานการณ์การ ระบาดของโรคโควิด-19 จนก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ประชาชน
 
การใช้จ่ายงบประมาณอย่างสิ้นเปลือง จัดสรร งบประมาณโดยไม่คํานึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ก่อหนี้สาธารณะให้กับประเทศเป็นจํานวนมาก สร้างเครือข่าย องคาพยพต่าง ๆ เพื่อสืบทอดอํานาจ รวมถึงการใช้อํานาจโดยมิชอบคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้เห็นต่าง ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และคณะกรรมการนักศึกษาคณะ รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งรัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศยุบสภา เพื่อ คืนอํานาจให้แก่ประชาชน
  
อํานาจไม่ใช่สิ่งยืนยาว หรือทรัพย์สินที่ใครจะครอบครองได้ตลอดไป 8 ปีแห่งความสิ้นหวัง 8 ปีแห่งความ ท้อแท้ ควรจบสิ้นลงเสียที อย่ารอให้ถึงวันที่ประชาชนจะพิพากษาพวกท่านด้วยตนเอง
 


แนวโน้มคนไทยหมดไฟในการทำงาน รัฐวิสาหกิจ-เอกชนสูงสุด เกิน 70%
https://www.prachachat.net/csr-hr/news-1029278
 
สภาพัฒน์ พบแนวโน้มคนไทยหมดไฟในการทำงาน กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนสูงสุด เกิน 70%
 
วันที่ 26 สิงหาคม 2565 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2565  เกี่ยวสถานการณ์ด้านแรงงาน พบว่า ระยะถัดไปมีแนวโน้มพบปัญหาคนไทยกำลังหมดไฟในการทำงาน

แนวโน้มดังกล่าวเป็นไปตามสถานการณ์แรงงานทั่วโลกจำนวนมากเริ่มมีภาวะหมดไฟในการทำงาน และลาออกจากงานมากขึ้น
 
สาเหตุหลักของภาวะหมดไฟในการทำงาน ได้แก่ ภาระงานหนัก เครื่องมือการสนับสนุนในการทำงานที่ไม่เหมาะสม หัวหน้างานที่ขาดความรับผิดชอบ ไม่รับฟังความคิดเห็น และโครงสร้างองค์กรที่ไม่มีความยืดหยุ่น
 
ผลสำรวจของ The Adecco Group ตามรายงานเรื่อง Resetting Normal : Defining the New Era of Work 2021 พบว่า พนักงานทั่วโลกมากกว่า 4 ใน 10 มีภาวะหมดไฟ สอดคล้องกับการสำรวจของวิทยาลัยการจัดการ
 
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของ เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) ที่สำรวจ SMEs จำนวน 1,363 แห่ง จาก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ในจำนวนนี้มีธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย จำนวน 207 แห่ง ระหว่างปี 2564-2565 พบว่า พนักงานเอสเอ็มอีไทยกว่า 47% ลาออกมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่แล้ว ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณของปรากฏการณ์การลาออกครั้งใหญ่
 
ด้านผลศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 2562 สำรวจวัยแรงงานในกรุงเทพฯ จำนวน 1,280 คน พบว่า 12% อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน และ 57% มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ
 
กลุ่มอาชีพที่มีภาวะหมดไฟมากที่สุด ได้แก่ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 77% บริษัทเอกชน 73% ข้าราชการ 58%ธุรกิจส่วนตัว 48%
 
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหา นายจ้าง องค์กรต่าง ๆ อาจต้องกระตุ้นให้มีโครงการที่สร้างสรรค์ และออกแบบให้คนในองค์กรมีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ต้องเร่งสร้างระบบนิเวศในการทำงานใหม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงาน สภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของแรงงานต่อไป


 
‘ชลน่าน’ เชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ชิงยุบสภา ด้วยเหตุหลายประการ ซ้ำไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3528364

‘ชลน่าน’ เชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยุบสภา เหตุ กม.ไม่ระบุชัด-ไม่มีเหตุให้ยุบ-กม.ลูกเลือกตั้งยังไม่เสร็จ ชี้หากประกาศยุบไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลและประเทศ นำไปสู่ความขัดแย้ง
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี หลังศาลมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่ และ พล.อ.ประวิตรอาจจะกำชับอำนาจเพื่อเตรียมการเลือกตั้งมองอย่างไรว่า มีหลายมุมมอง แต่ฝ่ายค้านพยายามมองในมุมมองที่เป็นไปได้กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พล.อ.ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตรขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าหากนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไป คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะต้องรักษาการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่ต่อ
 
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตัวของนายกฯ สามารถรักษาการต่อได้ ยกเว้นในกรณีที่ ครม.พ้นจากตำแหน่งไปและไม่สามารถรักษาการได้ เพราะมีความผิดทั้งคณะ เช่น กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ในการพิจารณางบประมาณแล้วถูกฟ้อง และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วว่าผิดจริง หรือจะเป็นในกรณีที่มีความผิดเฉพาะตัว เช่น นายกรัฐมนตรีอาจจะขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 98 อีกกรณีคือมีบทพิสูจน์ว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตไม่เป็นที่ประจักษ์คือ การถูกฟ้องว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนต่างๆ และการฝ่าฝืนจริยธรรม รวมถึงข้อห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี
 
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงในช่วงที่นายกรัฐมนตรีรักษาการอาจสามารถยุบสภาได้หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า มีข้อถกเถียงอยู่ว่ามีอำนาจถึงขนาดนั้นหรือไม่ หาก พล.อ.ประวิตรรักษาการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นในส่วนที่มีนายกรัฐมนตรีอยู่ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นการชั่วคราว ซึ่งมีคำสั่งเขียนไว้ เช่น เรื่องงบประมาณและเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายไม่สามารถทำได้ แต่ก็มีหลายคนที่เถียงว่าทำได้ ซึ่งหากเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการตามที่กล่าวไปข้างต้น เขาสามารถทำได้ทุกเรื่อง
 
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ตัวนายกรัฐมนตรียังอยู่แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นการชั่วคราว ฉะนั้น ถ้าจะมาอาศัยช่วงจังหวะนี้ยุบสภาก็ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายกันอยู่ หากยุบสภามีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญแน่ เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรไม่ทำด้วย 
1. ข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจน 
2. ไม่มีเหตุแห่งการที่จะให้ยุบสภา
และ 3. กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งยังไม่ประกาศใช้
 
หาก พล.อ.ประวิตรประกาศยุบสภาไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลและประเทศแน่ มีแต่ความวุ่นวาย ไม่สามารถเลือกตั้งได้ ซึ่งเมื่อไม่สามารถเลือกตั้งได้ก็จะเข้าสู่เรื่องของความขัดแย้ง ฉะนั้น เรื่องของการเตรียมการเลือกตั้งยังเดินหน้าต่อ
 
เมื่อถามถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมหารือให้ฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านได้หารือกันก่อนที่นายมงคลกิตติ์จะออกข่าวมา แต่ที่ประชุมได้ตีตกไปเพราะเรื่องนี้อยู่ในศาลแล้วและศาลรับพิจารณาแล้ว ทั้งนี้ สิ่งที่เราเรียกร้องคือการให้ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่า ท่านอยู่ในตำแหน่งครบวาระแล้ว ขอออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็ไม่ประกาศ และในวันที่ 24 สิงหาคม ศาลก็มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นการบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่ในตำแหน่ง เมื่ออยู่ในตำแหน่งการที่เราจะไปยื่นให้ศาลวินิจฉัยความชอบด้วยกรณีขาดคุณสมบัติ และให้พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ เรามองว่ายังไม่มีเหตุและหากยื่นไปศาลก็ไม่รับ



ประธาน กกต.ยัน หาก "ยุบสภา" ตอนนี้ พร้อมจัดเลือกตั้ง เริ่มนับ 1 แล้ว
https://www.thairath.co.th/news/politic/2483391
 
วันที่ 26 ส.ค. 65 เมื่อเวลา 13.45 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 12 จัดงานสัมมนานำเสนอยุทธศาสตร์ "เรื่องยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาการเมือง" มีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา โดยนายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการจัดสัมมนา ว่า สำนักงาน กกต.จะมีการถอดบทเรียนการเลือกตั้งทุกครั้ง จุดที่ดีจุดที่เป็นจุดแข็ง จะนำจุดดี ของการเลือกตั้งระดับต่างๆ มาพัฒนาต่อ ส่วนจุดบกพร่องก็จะนำมาแก้ไขให้ดีขึ้น พร้อมยกตัวอย่างการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ถือว่าเป็นจุดแข็ง เนื่องจากไม่มีเรื่องของปัญหาบัตรเขย่ง เป็นจุดแข็งที่เราจะนำมาเตรียมการเลือกตั้งให้ดีขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่