พ่อแม่เลิกกันจะแบ่งกันดูแลลูกอย่างไร Detail ของเราเยอะหน่อยนะคะ

กระทู้สนทนา
มาขอกำลังใจในการ Move On จากบรรยากาศที่อึดอัดสุดในชีวิตและความเห็นของท่านๆอื่นๆที่อาจผ่านประสบการณ์มาแล้วนะคะ ยาวหน่อยนะคะ ><"

เรื่องมีอยู่ว่า เราแต่งงานสมรสไม่จดทะเบียนกับแฟนมา 5ปีและมีลูกด้วยกัน1คนชั้นอนุบาล แฟนอายุ40+เราอายุ30+ ช่วงโควิด2ปีก่อนเราต้องออกจากงานและหางานใหม่ซึ่งไกลจากแฟนและส่งลูกไปอยู่ตจว. ช่วงนั้นคือต้องสู้ด้วยวิธีนี้ครอบครัวเราถึงจะไปต่อได้ ตอนนั้นแฟนไม่อยากให้ไปแต่ด้วยค่าใช้จ่ายของแฟนไม่สามารถซัพพอตค่าใช้จ่ายของเราและลูกได้ทั้งหมด เมื่ออยู่ห่างกัน 1ปีผ่านไปไม่เป็นอะไร เราพยายามาเจอทุกสัปดาห์ แต่เค้าจะชอบออกไปปั่นจักรยาน ไม่ค่อยเจอกัน เราให้เค้ามาหาก็ไม่ยอมมา บอกไม่อยากขับรถไกล ปวดขา ยกของหนักไม่ได้ ก็ยังไม่รู้ว่าเค้าเป็นอะไร เพราะบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ไป จนมาเริ่มมีปัญหาปีที่2 แต่ทั้งๆที่เราบอกว่าเด่วทางบริษัทจะส่งให้กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วนะ คำแรก ที่แฟนพูดมาคือ "กลับมาทำไม" เราก็เริ่มเอะใจ แต่ก็คิดเอาเองว่าเค้าเป็นคนแบบนี้คงไม่ได้ทันคิด จริงๆใจลึกก็คิดว่าเค้าน่าจะมีคนคุยใหม่ แต่เค้าก็ชอบเงียบและบอกไม่มีอะไร พูดไปงั้น จนวันนึงเค้าหายไปทำกิจกรรมทางกีฬาปั่นที่เค้าชื่นชอบและต้องออกกำลังกายเพราะต้นปีที่แล้วAdmidกระทันหันเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จากนั้นก็ปั่นมาตลอด วันนึงได้หายไปสามวันไม่รับสายเรา เราก็โคตรเป็นห่วงโทรหาทุกคนที่ใกล้ชิด จนเค้าโทรกลับมา และบอกกับเราว่า "ครอบครัวเราเข้ากันไม่ได้ เค้าคนอีสานเราคนภาคกลาง ความคิดต่างกัน เราอยู่ในสังคมที่ดีกว่าเค้า และอีกมาย" เราก็คิดเอาเองว่า เค้าคงน้อยใจในบางคำที่เราเคยพูดบ่นหรือเปล่าว่าทำไมไม่คิดเยอะๆ วางแผนด้วย ซื้อทำไมจักรยานและอุปกรณ์ราคาครึ่งแสน มันเยอะไป ต้องลำดับความสำคัญที่ลูกกับครอบครัวก่อน เปลี่ยนการออกกำลังกายมาเป้นว่ายน้ำมั้ย เค้าบอกว่าไม่ชอบ >< หลังจากเกิดเรื่อง เค้าก็พยายามไลน์มาหาตลอดเวลา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็เริ่มเปลี่ยนไป อย่างสังเกตุได้ ตอนนั้นเราคิดว่าเค้ามีผู้หญิงแน่ๆ เลยห่างเองอยู่กับลูก พยายามตัดบลอกไลน์ บลอกเฟส แต่เค้ามาอ้างเรื่องลูกว่าห้ามปิดกั้น ทางบ้านตจว.เค้าก็ไม่ได้ปิดกั้นเลย แค่เราแกล้งพูดเพื่อดูความพยายาม เค้าไปหาลูกจริงแต่ไปแปบเดียวค่ะ แล้วไปที่อื่น ทางบ้านก็งงๆ ว่าทำไมมาแปบเดียวทุกครั้งแล้วกลับ แล้วก็ไปบ่อย จากนั้นเมื่อบริษัทให้เรากลับมาที่บ้านก็มาอยู่กับแฟนตกลงกันว่าจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อลูก แต่สำหรับเรา เราก็รอเค้าง้อแล้วเค้าก็คุยดีมาตลอดพูดถามปกติ แต่รู้สึกได้ว่าความถี่มันลดลง (จริงๆหาห้องเช่าก็ได้ แต่เค้าเป็นคนยื่นข้อเสนอมาด้วยว่ามาอยู่บ้านแหละได้ประหยัด เพราะเด่วเค้าจะไม่มีเงินส่งลูกปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา) เราก็งงว่าทำไมจะไม่มีเงินให้ลูก และล่าสุดผลปรากฎว่าเมื่ออยู่มาได้เดือนครึ่ง สิ่งที่เราคิดเป็นจริงและเปิดเผยขึ้นมา เพราะผู้หญิงคนนั้นอยู่ไกล แต่เราอยู่ในบ้าน
ครั้งที่#1เมื่อผู้หญิงคนนั้นทักมาคุกคามเราว่า "เลิกกับแฟนหรือยัง ถ้ายังจะได้ไม่คุยต่อ" งง กับสิ่งที่เกิดขึ้น เราเงียบไป2วันแล้วก็เลยถามผู้หญิงคนนั้นไปว่าคบกันนานหรือยัง ผู้หญิงบอกว่า หลายปี(เช็คได้ว่าแค่1ปีที่เพิ่งเจอกัน ผู้ญิงคงอยากได้แฟนเรามาก) พอคุยกับแฟนเค้าบอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้มีใคร เค้าเลยลบเฟรนออกไป ทำทีว่าไม่ได้ติดต่อแล้วและโมโหกลบเกลื่อน
ครั้งที่#2(ห่างกัน5วัน)ด้วยเซนส์ของผู้หญิง เค้าไปแอดเฟสกันใหม่แล้วลบจากนั้นเราก็จับได้อีกว่า ไปหาapp อื่นที่ไม่ได้ใช่ line กับ face คุยกัน จากนั้นก็จับเข่าคุย ถ้าจะมีคนใหม่ เราจะได้ตัดสินใจออกมา เราดูแลลูกเอง เค้าก็ยืนยันว่าไม่เอาเราคือครอบครัวเหมือนเดิม เลิกแล้วจริงๆ ไม่คุยแล้วก็มาดูมือถือได้ทุกครั้งที่อยากดูจะเปิดให้ดู แต่ก็มีอึดออด ยอมรับว่าไม่เชื่อใจตั้งแต่ครั้งแรก แต่ตั้งใจยอมเจ็บจะเก็บข้อมูลไว้ทุกอย่าง ด้วยผู้หญิงรับราชการ ตอนแรกก็คิดอยากส่งหนังสือแต่ก็ไม่ทำดีกว่า เด่วกรรมใครกรรมมันก็ปล่อยไป และรายละเอียดอื่นๆก็มีที่เราไปกดไลค์ที่เค้าคุยกันแต่ไม่ได้เขียนอะไรรุนแรง และเรื่องราวหายไปอีกพักใหญ่
ครั้งที่#3(ห่างกัน14วัน)ภาพที่ผู้หญิงคนนั้นถ่ายรูปถ้วยรางวัลปั่นชนะ รูปกลุ่มกับแฟนและยืนข้างๆกันและยางมัดผมที่มีเหมือนกันทำให้เรารู้สึกว่าเค้าสองยังติดต่อกันอยู่ตลอดมา เราพยายามที่จะรักษาครอบครัวแล้วแต่การพยายามคนเดียวมันไม่ไหว เลยต้องปล่อยมือและเริ่มคิดอยากส่งหนังสืออีกครั้ง แต่ก็ใจอ่อนส่งสารน้องเค้าอายุ 26 ยังมีอนาคตที่ดี ก็เอาเป็นว่า เราบอกแฟนเราเลือกเองละกัน คือแยกย้าย จบความเป็นสามีภรรยา ลูกก็เด่วให้เลี้ยงวันเสาร์อาทิตย์ เพราะโกรธมากที่ลงทุนทุกอย่างแต่จักรยานไปแข่งปั่นตจว.มากมายเงินส่งลูกน้อยนิด เริ่มลดลง เพราะมาเลือกผ่อนเฟรมจักรยานและอุปกรณ์เดือนเป็นหมื่น ส่งลุก3-5พัน แล้วที่กลับไปหาลูกแปบเดียวคือไปหาผู้หญิงคนนี้บ่อยๆ ไปสอนปั่น ไปช่วยสอน ผู้ชายน่าจะชอบอยากดูแลและมีคนเยินยอให้ความสำคัญสิ่งที่เค้าชอบ และไปแข่งปั่นด้วยกันตลอด 1 ปีที่ผ่านมาและเจอคอมเม้นที่เริ่มแบบชู้สาวตั้งแต่พ.ย.ปีที่แล้ว ทั้งที่เค้าบอกว่าไม่เลิกกับเรายังไงก็ไม่เลิก แต่เรารู้สึกได้ว่าหน้าตาแฟนเครียดมาก เหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา จากนั้นเราเข้าไป ดูทุกอย่างที่ทั้งสองคุยกัน แบบชู้สาว มีคนรู้เห็นในกลุ่มปั่นเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะราชการในที่ทำงานผู้หญิงคนนั้นและนักปั่น ซึ่งมันดีไหมที่สุดท้ายเราก็เลือกไม่ส่งหลังสือ ขออโสิกรรมจากกันด้วยดี และเราออกมาจากบ้านทันที่เค้าคืนเงินที่ยืมเราไปลงทุนแต่มาดูแชทเจอคือยืมเงินคนอื่นด้วยรวมๆกันไปซื้อจักรยานใหม่ 52000 เพื่อไปแข่งปั่นและเจอผู้หญิงคนนี้ และรวมของน้องสาวที่ใช้สิทธิเครือข่ายยืมไปซื้อIphone13Promaxแล้วผ่อนคืนน้องสาวเราเดือนละ1พันกว่า รวมทั้งหมด 4 หมื่น(รู้เมื่อวานว่าเค้าไปกู้เงินนอกระบบมาคืน และก่อนหน้านี้ไม่เลิกก็คงเพราะตัวเองไม่มีเงินคืน) วันนี้เราจบขาดแล้วนะคะ หยุดจริงๆ สุดท้ายวันต่อมา เค้าเริ่มโพสต์เรื่องลูกเปลี่ยนทุกอย่างเป็นลูก เพราะลูกกำลังจะมาอยู่ด้วย
ครั้งที่#4 มีสายหนึ่งโทรมาบอกว่าเป็นพี่สาวของผู้คนนั้น มาต่อว่าเราว่าทำไมถึงไปเม้นใต้โพสต์ของแฟนแบบนั้น หาว่าราชการไปแย่งสามี ทำร้ายลูก ทั้งที่ตัวเองก็เป็นราชการใกล้เด็กๆ แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย พูดกับเค้าด้วยดีๆว่า ใจเย็นขอดูก่อน แล้วมันก็เฟสของผู้ชาย ไม่เห็นต้องเดือดร้อน ชื่อก็ไม่มีใช่มั้ย แต่พี่สาวก็มาพูดว่า ใครๆเค้าก็รู้ทั้งนั้น เราก็ หือ? เด่วไปดูแล้วลบให้นะคะ เค้าก็บ่น ต่อว่าเราไปสั่งให้คนอื่นโพสต์ เราก็งง อันนี้แบบรู้สึกสงสารที่เค้าใจร้อน หรือเราใจดีเกินไป แต่ก็รู้สึกถูกคุกคาม เราโทรหาผุ้ชายทันที เรื่องอะไร ทำไมต้องโทรพูดแบบนี้ แสดงว่ายังไม่เคยเลิกคุยกันสักครั้งตลอดที่บอกมาเลยและผู้หญิงก็ยังCap เอาไลน์ที่คุยกันไปโพสต์สตอรี่เม้นแบบมีความสุขตลอดเวลาที่ผู้ชายทักหาทั้งวัน ทุกวัน ^^ เราก็สงสารสิ่งที่เค้าทำก็ไม่ทักหาหรือต่อว่าอะไรทั้งสิ้น เพราะเราจบกับแฟนเราในครั้งที่3 และทั้งที่เราถอยให้แล้วนะ แต่ทางโน่นไม่น่ารักเลยไม่มีเหตุผล ผู้ชายไม่เข้าข้างเราหาว่าเราโทรไปก่อนอีก เราบอกด้วยเหตุผล เล่าท้าวความผู้ชายเลยเงียบ ไม่โทษฝั่งโน่นสักคำ แต่เรารู้ดีว่า ใจเค้าไปทางนั้นละ เอาเหตุผลร้อยแปดเค้าก็คิดว่าเราผิดอยู่ดี เพราะงั้นอย่าให้ลูกยุ่งด้วยเลย เราไม่ชอบ เด่วเค้าก็จะมาหาเรื่องกับลูกอีก ผู้ชายก็มาบอกว่าอย่าปิดกั้น

แบบนี้ใจก็สงสารลูกอีกใจก็ไม่มั่นใจเค้าจะทำหน้าที่พ่อได้จริงไหม จากที่คิดคือ
1.แบ่งหน้าที่กันเลี้ยง เราวันธรรมดาเค้าวันหยุด ก็กังวลว่าจะเจอสถานการณ์ไม่ดีไหม ผู้หญิงคนนั้นจะพูดอะไรไม่ดีแล้วลูกได้ยินไหม ผู้ชายจะเลี้ยงลูกได้หรือเปล่าเพราะที่ผ่านมา ไม่เคยทำได้เลย เอาแต่ปั่นหรือเล่นมือถือตั้งแต่รู้ว่าท้อง และอาหารการกินลูกอึยาก ลำไส้ไม่ดี ลูกชอบสะอาด แต่ที่บ้านเค้าไม่เคยดูแล (มันอาจเป็นสิ่งที่เราไม่ถูกใจเอง ผู้ชายเค้าคิดว่าเค้าดูแลแล้ว และฝังใจกับการโยนของใส่พื้นต่อหน้าลูกครั้งนึงและอารมณ์ขี้หงุดหงิดเสียงดังโวยวาย เขวี้ยงของทิ้งหากทำอะไรไม่ได้เอง เค้าจะทำอีกมั้ยเมื่อเราไม่ได้อยู่ด้วย เคยถึงขึ้นหงุดหงิดใส่ลูกแล้วลูกวิ่งมาร้องไห้กับเรา)
2.เราเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่ต้องให้เค้าเจอ เพราะเค้าบอกว่าไม่มีเงินส่ง จนกว่าเค้าจะมีเงินเดือนละ8พัน ค่อยมาเจอลูก (ผู้ชายบอกว่าหน้าเงิน^^ก็ไม่ตอบโต้ค่ะ) เราบอกเค้าว่าผ่อนจักรยานได้เดือนละ1หมื่นเลยนะ ลูกให้3พันเองหรือเหมือนจะไม่มีให้ด้วยเดือนหน้า
3.ให้เค้าทดลอง7วัน24ชม.ได้เรียนรู้รสชาตของคำว่าพ่อแม่เต็มที่(ยังจะมาบอกให้เราส่งเงินให้เค้าแทนด้วยนะคะ เยี่ยมจริงๆ)

ปล.จากทั้งหมด พูดตรงๆว่าเราลึกๆเห็นใจเรื่องค่าใช้จ่ายหรือการวางแผนชีวิต แต่เราก็มุ่งมั่น Move On ค่ะแค่รู้ตัวเองว่าใจเข้มแข็งไม่พอที่จะเจอหรือให้เค้าให้ดูแลลูกในตอนนี้ค่ะ สับสนกับตัวเองอยู่ค่ะ ><"
ขอกำลังใจด้วยนะคะ ท่านไหนมีประสบการณ์แนะแนวทีนะคะ ขอบคุณค่ะ -----------

ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านจนจบนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่