JJNY : 5in1 คนไทยส่วนใหญ่‘จนลง’│มาม่า-ไวไว-ยำยำขึ้น1บ.│เบนซิน-โซฮอล์ขึ้น│ม็อบค้านป้อมรักษาการ│จี้ลาออกเปิดทางเลือกคนใหม่

ยุคข้าวยากหมากแพง! EIC สำรวจพบคนไทยส่วนใหญ่ ‘จนลง’ รายได้เริ่มไม่พอรายจ่าย เหตุค่าครองชีพพุ่ง ทำภาระหนี้เพิ่ม ออมน้อยลง
https://thestandard.co/eic-scb-poll/
 
 
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคไทยจำนวน 2,676 คน ในช่วงระหว่างวันที่ 8-22 กรกฎาคม 2565 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมในช่วงที่ราคาสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
 
ผลสำรวจสามารถสรุปได้เป็น 4 ประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้
 
1.รายได้ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สวนทางกับสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากกว่า
 
▪️ แม้ว่าแนวโน้มรายได้ผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาดีขึ้นกว่าการสำรวจในช่วงปีก่อนหน้า แต่รายได้ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังทรงตัว โดย 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อพิจารณาตามรายได้พบว่า กลุ่มรายได้น้อย (รายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน) มีสัดส่วนผู้ที่รายได้ไม่เพิ่มขึ้นสูงที่สุด
 
▪️ ขณะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงภาวะค่าครองชีพที่เร่งตัว โดยกว่า 68% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ตนเองมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และเกือบ 1 ใน 4 มองว่ารายจ่ายของตนเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายนั้นเกิดกับผู้บริโภคในทุกกลุ่มรายได้ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
 
▪️ ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของทั้งรายได้และรายจ่ายพบว่า คนส่วนใหญ่ถึง 60% มีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่ารายจ่าย นอกจากนี้ ผู้บริโภคถึง 45% ยังระบุว่า ตนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยที่สัดส่วนคนที่ได้รับผลกระทบสูงกว่ากลุ่มรายได้อื่นๆ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อคนรายได้น้อยมากกว่า
  
2. รายได้ที่โตไม่ทันกับรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มีปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้การเก็บออมลดลง และคนเกือบครึ่งมีปัญหาด้านภาระการชำระหนี้
 
▪️ การที่รายได้โตไม่ทันรายจ่ายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่– ปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย
– ปัญหาด้านการเก็บออม
– ปัญหาด้านการชำระหนี้ 
 
โดยผู้บริโภคถึง 59% กำลังเผชิญปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย ขณะที่ 77% มีการเก็บออมที่ลดลงหรือไม่ได้เก็บออมเลยในช่วงเวลาดังกล่าว อีกทั้งผู้บริโภคเกือบครึ่งยังระบุว่า ตนเองกำลังเผชิญปัญหาในการชำระหนี้
 
▪️ เมื่อพิจารณาปัญหาทั้ง 3 ด้านพร้อมกันพบว่า ผู้บริโภคถึง 64% กำลังเผชิญปัญหาด้านใดด้านหนึ่งอยู่ และราว 42% กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า 1 ด้านพร้อมกัน สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจภาคครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ คนกลุ่มที่กำลังเผชิญปัญหามักมีสภาพคล่องทางการเงินที่ค่อนข้างจำกัด โดยกลุ่มที่มีปัญหารอบด้านส่วนมากมีสภาพคล่องไม่เกิน 3 เดือน ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคนกลุ่มที่ไม่เผชิญปัญหาที่ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องเหลือเกิน 1 ปี
 
▪️ ในระยะต่อไปผู้บริโภคส่วนมากยังคาดว่ารายจ่ายจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่ารายได้ ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้สัดส่วนผู้บริโภคที่เผชิญปัญหา 3 ด้านนี้อาจจะมีมากขึ้น และจะยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของภาคครัวเรือน
  
3.สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่แตกต่างกันเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ
 
▪️ ผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับลดปริมาณการซื้อสินค้าและบริการในภาพรวม โดยเฉพาะผู้บริโภคในกลุ่มที่มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่าย อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหาร แม้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังบริโภคในปริมาณเท่าเดิม/เพิ่มขึ้น
 
▪️ การเลือกซื้อสินค้าจัดรายการโปรโมชันและการซื้อสินค้าออนไลน์ถือเป็นวิธีการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมใช้ โดยผู้บริโภคในกลุ่ม Gen Z ถือเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อกลยุทธ์การตลาด เนื่องจากมีการปรับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าหลากหลายรูปแบบกว่าเจเนอเรชันอื่น ขณะที่ผู้บริโภคในกลุ่ม Baby Boomer ปรับพฤติกรรมค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังมีความภักดีต่อแบรนด์สินค้าสูง จากการปรับพฤติกรรมโดยการเลือกซื้อสินค้าแบบเดิมแต่ลดปริมาณเป็นหลัก
  
ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมนอกบ้านและมีแนวโน้มส่งผลต่อเนื่องในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี การซื้อสินค้าออนไลน์และการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรีมีแนวโน้มกลายเป็นหนึ่งในพฤติกรรม New Normal เนื่องจากผู้บริโภคยังคงใช้งานต่อไปแม้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลาย
 
▪️ ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมนอกบ้านลดลง เนื่องจากความกังวลด้านสุขภาพอนามัยและผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคกลุ่มที่ไม่มีปัญหาทางการเงินมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในกิจกรรมนอกบ้านเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นจาก Pent Up Demand ที่การใช้จ่ายถูกจำกัดในช่วงที่มีมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนอกบ้านอาจต้องสร้างความมั่นใจในด้านสุขอนามัยและจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค 
 
▪️ ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้บริการซื้อสินค้าออนไลน์และฟู้ดเดลิเวอรีต่อไปในระยะข้างหน้า เนื่องจากความสะดวกรวดเร็วและโปรโมชันด้านราคาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้ผู้บริโภคบางส่วนในกลุ่มที่ไม่มีปัญหาทางการเงินมีแนวโน้มใช้บริการดังกล่าวลดลงจากการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น เช่น การรับประทานอาหารที่ร้าน หรือออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การตลาดแบบ Omni-Channel ที่เชื่อมโยงช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าสะดวกมากขึ้น
  
โดยสรุป ข้อค้นพบจากผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคของ EIC ได้บ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ทรงตัว โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ด้วยการปรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ 
 
นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมนอกบ้าน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มต่อเนื่องไปในระยะข้างหน้า จากการที่ผู้บริโภคยังมองว่ารายจ่ายของตนจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่ารายได้ ประกอบกับปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องรัดเข็มขัดต่อไป
 

 
ไฟเขียว! มาม่า-ไวไว-ยำยำ ขึ้นราคาซองละ 1 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/morning/307417
 
นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้อนุมัติให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรุป 3 ยี่ห้อดัง ที่ยื่นขอขึ้นราคาเข้ามา ประกอบกอบด้วย มาม่า  ไวไว และยำยำ ปรับขึ้นราคาได้ ในอัตราซองละไม่เกิน 1 บาท ย้ำว่าไม่เกินซองละ 1 บาท จากปัจจุบันขายอยู่ที่ซองละ 6 บาท เป็น 7 บาทต่อซอง มีผลตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งสาเหตุที่ให้ขึ้นแค่ 3 ยี่ห้อ จากที่ยื่นมา 5 ยี่ห้อ เพราะมีการชี้แจงรายละเอียดต้น ทั้ง ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าพลังงาน และต้นทุนค่าแรงเข้ามาครบถ้วน ส่วนอีก 2 ยี่ห้อ คือ นิชชิน และซื่อสัตย์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุน
 
ทั้งนี้การอนุญาตให้ขึ้นราคา มีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ หากต้นทุนลด ต้องลดราคาลงตาม และระหว่างนี้ ต้องรายงานข้อมูลวัตถุดิบให้กรมการค้าภายในทราบตลอดเวลา
 
ซึ่งการอนุญาตให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นราคาครั้งนี้ ถือเป็นการให้ขึ้นครั้งแรกในรอบ 15 ปี




เพิ่งช้ำใจจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป! ด่วน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ขึ้นราคาเกือบบาท รีบเติมเลย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7229909

ใกล้หมดกันยัง! ด่วน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้นเกือบเต็มบาท รีบแวะเติมเลย
 
วันที่ 24 ส.ค.65 รายงานข่าวแจ้งว่า พีทีที สเตชั่น ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 80 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.65 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
 
สำหรับการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาเบนซิน อยู่ที่ 45.36 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 37.95 บาทต่อลิตร E20 อยู่ที่ 36.84 บาทต่อลิตร  แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 37.68 บาทต่อลิตร พรีเมี่ยม แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 43.44 บาทต่อลิตร ส่วน E85 เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ อยู่ที่ 33.54 บาทต่อลิตร
 
ส่วนกลุ่มดีเซลราคายังคงเดิม โดยดีเซล B7 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดีเซล B10 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร และดีเซล B20 อยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
 


ม็อบสมทบทำเนียบไล่นายกฯ ค้านบิ๊กป้อมนั่งรักษาการ
https://www.innnews.co.th/news/news_397377/

มวลชน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เคลื่อนพลสมทบม็อบทำเนียบรัฐบาลไล่นายกฯ ค้าน พลเอก ประวิตร นั่งรักษาการ
 
ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีกลุ่มมวลชนอิสระ กลุ่มราษฎรไล่ตู่ คนแดงปฏิวัติ และกลุ่มทะลุแก๊ส รวมตัวบริเวณ หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเคลื่อนพลมายังทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับมวลชนที่ปักหลักอยู่ทำเนียบรัฐบาล ทำกิจกรรมร่วมขับไล่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม

โดยข้อเรียกร้องของกลุ่มมวลชนมีสาระสำคัญโดยต้องการให้ พลเอก ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เพียงการหยุดทำหน้าที่ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5:4 รับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี และไม่ยินยอมให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี
 
สำหรับการชุมนุมและการเคลื่อนขบวนของกลุ่มมวลชนอิสระไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด โดยตลอดเส้นทางได้มีการชูป้ายการขับไล่พลเอก ประยุทธ์ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่