ม็อบมาแล้วหนึ่ง! กลุ่มแรงงาน บุกทำเนียบ ทวงสัญญา ค่าแรงขั้นต่ำ ไล่ 'ประยุทธ์' ทำข้าวยากหมากแพง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7226818
ม็อบมาแล้วหนึ่ง! กลุ่มแรงงาน บุกทำเนียบ ทวงสัญญา ค่าแรงขั้นต่ำ ไล่ ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯ 8 ปี ทำข้าวยากหมากแพง ชีวิตความเป็นอยู่ ปชช.ตกต่ำ
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 23 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานจากเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแรงงาน นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย, แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาทวงสัญญาค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาท ซึ่งยื่นหนังสือไปนานแล้วแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากทางรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้ชูป้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ครบวาระ 8 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของทางรัฐบาลที่อยู่มา 8 ปี มีแต่ทำให้ประชาชนแตกแยก ข้าวของมีราคาที่แพงขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต่ำลง นอกจากนี้ยังขอไม่ให้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจากกรมครับการตำรวจนครบาลหนึ่งจำนวน 20 นาย ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีแผงรั่วเหล็กกั้นอีกชั้นหนึ่ง
เครือข่ายรามฯจัดหนัก ราดน้ำแดงหน้าสภา ปากล้วย อ่านแถลงการณ์ถึง ‘ประยุทธ์-ชวน-ศาล รธน.’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3522069
เครือข่ายรามฯจัดหนัก ราดน้ำแดงหน้าสภา ปากล้วย อ่านแถลงการณ์ถึง ‘ประยุทธ์-ชวน-ศาล รธน.’
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา ประตูฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เกียกกาย กรุงเทพฯ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยกลุ่ม South Move on จัดกิจกรรม “
มรสุม 8 ปี พอกันที คนดีย์ จันทร์โอชา #8ปีก็เกินพอถ้าไม่พอก็เกินไป!”
บรรยากาศเวลา 09.40 น. ประชาชนบางส่วน รวมถึง นาง
วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ
ป้าเป้า ทยอยเดินทางรวมตัวโดยสวมใส่เสื้อยืดสีดำ มีข้อความ “
ประยุทธ์ออกไป” ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพ รวมถึงเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ
เวลา 10.00 น. เครือข่ายรามคำแหงฯราว 30 ราย โดยสารรถสองแถว 2 คัน เดินทางถึงประตูรัฐสภา นาย
นันทพงศ์ ปานมาศ หรือ
กุ๊ก แกนนำเครือข่ายฯ กล่าวผ่านเครื่องเสียงให้ตั้งขบวน โดยมีการกางป้ายผ้ามีข้อความต่างๆ อาทิ
มรสุม 8 ปี พอกันทีคนดีย์ จันทร์โอชา ซึ่งเขียนด้วยอักษรสีขาว ลายมือบนผ้าสีดำ, ป้ายไวนิลรายนามทหารที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงหลักอริยสัจ 4 และข้อความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
จากนั้น นาย
นันทพงศ์และกลุ่มนักศึกษาปราศรัยบนกองฟางท่ามกลางอากาศร้อนจัด
ต่อมา เวลาประมาณ 11.15 น. มีการแสดงละคร โดย
โอม อานนท์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรามคำแหงฯ สวมหน้ากากภาพใบหน้า พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลากจูงนักศึกษาจำนวนหนึ่งซึ่งแต่ละคนแขวนป้ายมีข้อความว่า ผู้ประกอบการ แม่ค้า ชาวนา นักดนตรี เป็นต้น ระหว่างนั้นมีการเปิดเพลง “
คืนความสุข” คลอ
ในตอนหนึ่ง
โอม อานนท์ นำสเปรย์แอลกอฮอล์พ่นใส่นักข่าว โยนเปลือกกล้วย และทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ต
ในช่วงท้าย มีการนำน้ำหวานสีแดง สื่อแทนเลือดเนื้อ ราดรดลงบนผู้แสดงที่ถูกเชือกฟางลางจูง โดยทั้งหมดนอนลงบนพื้นปูนหน้ารัฐสภาท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยนักศึกษาทำความสะอาดพื้นที่บริเวณดังกล่าวในเวลาต่อมา
จากนั้น
โอม อานนท์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ
นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประเทศไทยก็เข้าสู่คราววิบัติ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง พังพินาศ ประชาชนภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์เรียกได้ว่าตกต่ำย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้สาธารณะพุ่งสูงถึง 10 ล้านล้านบาท คนจนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1 ใน 3 ของประเทศ หรือราวๆ 24 ล้านคน ค่าครองชีพสูงขึ้น ทั้งค่าไฟ ค่าก๊าซหุงต้ม ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค สูงขึ้นเป็นเท่าตัว ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกภาคส่วน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย
จากวันที่ 24 สิงหาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ได้สถาปนาตัวเองเพื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และในปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาที่ พล.อ.ประยุทธ์สรรหามากับมือ เพื่อทำการสืบทอดอำนาจในการเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ความชอบธรรมของการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ
บัดนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่สุดอำนาจที่ปล้นมาก็ต้องมีอันเป็นไป เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคท้าย กำหนดมิให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรวมกันเกิน 8 ปี อันเป็นเจตนารมณ์ที่ต้องการมิให้มีการผูกขาดอำนาจ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หากแต่ในเวลานี้มีการตีความในเรื่องของเวลาแตกต่างหลากหลายกันไป ทั้งเริ่มนับตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำการรัฐประหาร ปี 2560 ที่มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 และปี 2562 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการยกมือผ่านของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์
ดังนั้น พวกเราเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่าย South Move on ขอส่งข้อเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานรัฐสภา และตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
2. ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา และถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ศาสรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำวินิจฉัยในเรื่องการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาโดยเร็วที่สุด
3. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในครั้งหน้า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา โดยสมาชิกวุฒิสภาจะต้องมาจากการเลือกตั้ง และที่สำคัญสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่มีสิทธิในการยกมือเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันมิให้มีการสืบทอดอำนาจเกิดขึ้นอีก
4. พรรคร่วมรัฐบาลต้องหยุดเป็นนั่งร้านในการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมิได้นิ่งนอนใจและรู้ในสถานะตนเองเป็นอย่างดีว่าประชาชนคนไทยไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว หาก พล.อ.ประยุทธ์มิได้ปิดหู ปิดตา ปิดใจ ไม่ฟังเสียงของประชาชนจนเกินไปนัก ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยให้ประเทศไทยพ้นจากวิกฤตที่ตนก่อขึ้นนี้โดยเร็ว
เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย
เครือข่าย South Move on
[เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
เชื่อมั่นพลังคนหนุ่มสาว ศรัทธาพลังประชาชน
23 สิงหาคม 2565
"พิชัย" ยัน “ประยุทธ์” คือสาเหตุแห่งทุกข์ที่คนไทยต้องเผชิญ เบรกฝืนอยู่ต่อมีแต่ปัญหา
https://siamrath.co.th/n/376039
"พิชัย" ยัน “ประยุทธ์” คือสาเหตุแห่งทุกข์ ฝืนอยู่ต่อมีแต่ปัญหา ชี้ 4 ความทุกข์ที่คนไทยต้องเผชิญ ติงคนโง่-คนพาลไม่ควรเป็นผู้นำ และปชช.เลือก "เพื่อไทย" มาดับทุกข์ได้
วันที่ 23 ส.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย นาย
พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประเด็น 8 ปีของพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะมีคนจำนวนมากไม่พอใจ โดยผลโหวตล่าสุดกว่า 3 แสนคนร่วมโหวต ปรากฏว่าว่า 93.17% ไม่เอาพลเอก
ประยุทธ์แล้ว แถมยังปรากฏข่าวคราวการวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศในเรื่องระบบยุติธรรมที่แย่อยู่แล้วกลับแย่ลงไปอีก ผู้ที่มีหน้าที่ชี้แจงเช่นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ. ก็ไม่ยอมออกมาชี้แจง เหมือนตั้งใจให้คลุมเคลือเพื่อเป็นประโยชน์กับ พลเอกประยุทธ์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ไปต่อได้ยากแล้ว ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนต่อพลเอกประยุทธ์ได้หมดสิ้นแล้ว ยิ่งอยู่ต่อไปประชาชนจะมีทุกข์กันมากขึ้น เพราะพลเอกประยุทธ์กลายเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ไปแล้ว
นาย
พิชัย กล่าวว่า ทั้งนี้หากมองความทุกข์ของประชาชนจะพบว่าตอนนี้ประชาชนกำลังประสบความทุกข์ 4 เรื่องดังนี้
1.
ทุกข์จากการมีหนี้ หารายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หนี้ครัวเรือนในระบบพุ่งขึ้นมาก พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเกือบ 15 ล้านล้านบาท พอกู้ระบบไม่ได้แล้วก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด พอชำระไม่ได้ก็ถูกซ้อม ถูกทุบตี และอีกไม่นานดอกเบี้ยก็จะขึ้นอีก เพราะสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก อาจจะขึ้นถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐยังสูงอยู่ เมื่อสหรัฐขึ้นไทยก็อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งภาระดอกเบี้ยจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน รวมถึงหนี้เสียของธนาคารด้วย นอกจากนี้คนไทยยังถูกโกงรายวันจาก call center โดยที่รัฐบาลช่วยไม่ได้เพราะแก้ไขไม่เป็น หรือการโกงฟอเร็กซ์ที่เป็นข่าวล่าสุด
2.
ทุกข์จากค่าใช้จ่ายสูง ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ สินค้าแพง และล่าสุดการต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น หลังจากจ่ายค่าน้ำมันและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งกระฉูดแล้ว ประชาชนต้องมาจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับทำได้แค่สอนธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งหมายถึงปล่อยตามยถากรรม แทนที่จะไปแก้ไขที่เหตุ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แล้ว ที่ท่อก๊าซพม่าก็ถูกวางระเบิด ก๊าซอ่าวไทยก็ขาด ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราคาแพง การลดค่าความพร้อม และไม่เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา และต้องขอบอกว่า ตลกร้ายเดิมยิ่งร้ายหนักขึ้น เพราะประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าล้นเกิน แต่เชื้อเพลิงขาดแคลนต้องนำเข้าในราคาสูงมากแล้ว ปรากฏว่าอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ล่าสุดของไทยคือผู้ผลิตไฟฟ้า แบบนี้จะไม่เรียกว่าพลเอกประยุทธ์ เอื้อประโยชน์แล้วจะเรียกว่าอย่างไร นอกจากนี้ ตอนนี้น้ำมันดิบราคาต่ำกว่า $90 ต่อบาเรลแล้ว ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่บาเรล ละ $110 แต่ทำไมราคาน้ำมันดีเซลในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 29.95 บาท แต่น้ำมันดีเซลรัฐบาลปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 34.95 บาท แสดงถึงการบริหารจัดการที่ต่างกันมาก
3.
ทุกข์ของการไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่พอประทังชีวิต ทั้งนี้เกิดมาจากเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำมาตลอด จากการบริหารล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ แม้กระทั่งไตรมาสที่แล้วที่ไทยขยายได้ 2.5% แต่มาเลเซียกลับขยายได้ถึง 8.9% เวียดนามขยายได้ 7.7% และฟิลิปปินส์ขยายได้ 7.4% หรือแม้แต่สิงคโปร์ยังขยายได้ 4.8% นอกจากนี้ เวียดนามที่เคยตามหลังไทยมาตลอดกลับมีการส่งออกสูงกว่าไทยตั้งแต่ปี 2562 และล่าสุดปีที่แล้ว การส่งออกของเวียดนาม (14.4 ล้านล้านบาท) แซงการส่งออกของไทย (9.5 ล้านล้านบาท) ไปแล้วถึง 51% และคงแซงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ตามที่ได้เคยเตือนแล้ว หากเป็นแบบนี้อีกไม่นานเวียดนามคงแซงไทยแน่
JJNY : กลุ่มแรงงานทวงสัญญา│เครือข่ายรามฯ จัดหนัก │"พิชัย"ยัน“ประยุทธ์”คือสาเหตุแห่งทุกข์ │อดีตพลร่มรัสเซียแฉทัพรัสเซีย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7226818
ม็อบมาแล้วหนึ่ง! กลุ่มแรงงาน บุกทำเนียบ ทวงสัญญา ค่าแรงขั้นต่ำ ไล่ ‘ประยุทธ์’ เป็นนายกฯ 8 ปี ทำข้าวยากหมากแพง ชีวิตความเป็นอยู่ ปชช.ตกต่ำ
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 23 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานจากเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มแรงงาน นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตย, แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาทวงสัญญาค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาท ซึ่งยื่นหนังสือไปนานแล้วแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากทางรัฐบาล พร้อมกันนี้ได้ชูป้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ครบวาระ 8 ปีในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของทางรัฐบาลที่อยู่มา 8 ปี มีแต่ทำให้ประชาชนแตกแยก ข้าวของมีราคาที่แพงขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนต่ำลง นอกจากนี้ยังขอไม่ให้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจากกรมครับการตำรวจนครบาลหนึ่งจำนวน 20 นาย ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีแผงรั่วเหล็กกั้นอีกชั้นหนึ่ง
เครือข่ายรามฯจัดหนัก ราดน้ำแดงหน้าสภา ปากล้วย อ่านแถลงการณ์ถึง ‘ประยุทธ์-ชวน-ศาล รธน.’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3522069
เครือข่ายรามฯจัดหนัก ราดน้ำแดงหน้าสภา ปากล้วย อ่านแถลงการณ์ถึง ‘ประยุทธ์-ชวน-ศาล รธน.’
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่หน้าอาคารรัฐสภา ประตูฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เกียกกาย กรุงเทพฯ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยกลุ่ม South Move on จัดกิจกรรม “มรสุม 8 ปี พอกันที คนดีย์ จันทร์โอชา #8ปีก็เกินพอถ้าไม่พอก็เกินไป!”
บรรยากาศเวลา 09.40 น. ประชาชนบางส่วน รวมถึง นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า ทยอยเดินทางรวมตัวโดยสวมใส่เสื้อยืดสีดำ มีข้อความ “ประยุทธ์ออกไป” ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพ รวมถึงเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ
เวลา 10.00 น. เครือข่ายรามคำแหงฯราว 30 ราย โดยสารรถสองแถว 2 คัน เดินทางถึงประตูรัฐสภา นายนันทพงศ์ ปานมาศ หรือกุ๊ก แกนนำเครือข่ายฯ กล่าวผ่านเครื่องเสียงให้ตั้งขบวน โดยมีการกางป้ายผ้ามีข้อความต่างๆ อาทิ มรสุม 8 ปี พอกันทีคนดีย์ จันทร์โอชา ซึ่งเขียนด้วยอักษรสีขาว ลายมือบนผ้าสีดำ, ป้ายไวนิลรายนามทหารที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงหลักอริยสัจ 4 และข้อความวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
จากนั้น นายนันทพงศ์และกลุ่มนักศึกษาปราศรัยบนกองฟางท่ามกลางอากาศร้อนจัด
ต่อมา เวลาประมาณ 11.15 น. มีการแสดงละคร โดย โอม อานนท์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรามคำแหงฯ สวมหน้ากากภาพใบหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลากจูงนักศึกษาจำนวนหนึ่งซึ่งแต่ละคนแขวนป้ายมีข้อความว่า ผู้ประกอบการ แม่ค้า ชาวนา นักดนตรี เป็นต้น ระหว่างนั้นมีการเปิดเพลง “คืนความสุข” คลอ
ในตอนหนึ่ง โอม อานนท์ นำสเปรย์แอลกอฮอล์พ่นใส่นักข่าว โยนเปลือกกล้วย และทำสัญลักษณ์มินิฮาร์ต
ในช่วงท้าย มีการนำน้ำหวานสีแดง สื่อแทนเลือดเนื้อ ราดรดลงบนผู้แสดงที่ถูกเชือกฟางลางจูง โดยทั้งหมดนอนลงบนพื้นปูนหน้ารัฐสภาท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยนักศึกษาทำความสะอาดพื้นที่บริเวณดังกล่าวในเวลาต่อมา
จากนั้น โอม อานนท์ เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ความดังนี้
เรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ
นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประเทศไทยก็เข้าสู่คราววิบัติ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง พังพินาศ ประชาชนภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์เรียกได้ว่าตกต่ำย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หนี้สาธารณะพุ่งสูงถึง 10 ล้านล้านบาท คนจนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1 ใน 3 ของประเทศ หรือราวๆ 24 ล้านคน ค่าครองชีพสูงขึ้น ทั้งค่าไฟ ค่าก๊าซหุงต้ม ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค สูงขึ้นเป็นเท่าตัว ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกภาคส่วน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีคุณสมบัติของการเป็นผู้นำเลยแม้แต่น้อย
จากวันที่ 24 สิงหาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ได้สถาปนาตัวเองเพื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี และในปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาที่ พล.อ.ประยุทธ์สรรหามากับมือ เพื่อทำการสืบทอดอำนาจในการเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ความชอบธรรมของการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแม้แต่วินาทีเดียวด้วยซ้ำ
บัดนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่สุดอำนาจที่ปล้นมาก็ต้องมีอันเป็นไป เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคท้าย กำหนดมิให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรวมกันเกิน 8 ปี อันเป็นเจตนารมณ์ที่ต้องการมิให้มีการผูกขาดอำนาจ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หากแต่ในเวลานี้มีการตีความในเรื่องของเวลาแตกต่างหลากหลายกันไป ทั้งเริ่มนับตั้งแต่ปี 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำการรัฐประหาร ปี 2560 ที่มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 และปี 2562 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการยกมือผ่านของสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์
ดังนั้น พวกเราเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่าย South Move on ขอส่งข้อเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานรัฐสภา และตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยทันที
2. ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำสั่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา และถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง ศาสรัฐธรรมนูญจะต้องมีคำวินิจฉัยในเรื่องการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาโดยเร็วที่สุด
3. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในครั้งหน้า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา โดยสมาชิกวุฒิสภาจะต้องมาจากการเลือกตั้ง และที่สำคัญสมาชิกวุฒิสภาจะต้องไม่มีสิทธิในการยกมือเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันมิให้มีการสืบทอดอำนาจเกิดขึ้นอีก
4. พรรคร่วมรัฐบาลต้องหยุดเป็นนั่งร้านในการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมิได้นิ่งนอนใจและรู้ในสถานะตนเองเป็นอย่างดีว่าประชาชนคนไทยไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว หาก พล.อ.ประยุทธ์มิได้ปิดหู ปิดตา ปิดใจ ไม่ฟังเสียงของประชาชนจนเกินไปนัก ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อช่วยให้ประเทศไทยพ้นจากวิกฤตที่ตนก่อขึ้นนี้โดยเร็ว
เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย
เครือข่าย South Move on
[เผล่ะจัง] จงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ
เชื่อมั่นพลังคนหนุ่มสาว ศรัทธาพลังประชาชน
23 สิงหาคม 2565
"พิชัย" ยัน “ประยุทธ์” คือสาเหตุแห่งทุกข์ที่คนไทยต้องเผชิญ เบรกฝืนอยู่ต่อมีแต่ปัญหา
https://siamrath.co.th/n/376039
"พิชัย" ยัน “ประยุทธ์” คือสาเหตุแห่งทุกข์ ฝืนอยู่ต่อมีแต่ปัญหา ชี้ 4 ความทุกข์ที่คนไทยต้องเผชิญ ติงคนโง่-คนพาลไม่ควรเป็นผู้นำ และปชช.เลือก "เพื่อไทย" มาดับทุกข์ได้
วันที่ 23 ส.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประเด็น 8 ปีของพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้สร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะมีคนจำนวนมากไม่พอใจ โดยผลโหวตล่าสุดกว่า 3 แสนคนร่วมโหวต ปรากฏว่าว่า 93.17% ไม่เอาพลเอกประยุทธ์แล้ว แถมยังปรากฏข่าวคราวการวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศในเรื่องระบบยุติธรรมที่แย่อยู่แล้วกลับแย่ลงไปอีก ผู้ที่มีหน้าที่ชี้แจงเช่นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ. ก็ไม่ยอมออกมาชี้แจง เหมือนตั้งใจให้คลุมเคลือเพื่อเป็นประโยชน์กับ พลเอกประยุทธ์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ไปต่อได้ยากแล้ว ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนต่อพลเอกประยุทธ์ได้หมดสิ้นแล้ว ยิ่งอยู่ต่อไปประชาชนจะมีทุกข์กันมากขึ้น เพราะพลเอกประยุทธ์กลายเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ไปแล้ว
นายพิชัย กล่าวว่า ทั้งนี้หากมองความทุกข์ของประชาชนจะพบว่าตอนนี้ประชาชนกำลังประสบความทุกข์ 4 เรื่องดังนี้
1. ทุกข์จากการมีหนี้ หารายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หนี้ครัวเรือนในระบบพุ่งขึ้นมาก พุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเกือบ 15 ล้านล้านบาท พอกู้ระบบไม่ได้แล้วก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาโหด พอชำระไม่ได้ก็ถูกซ้อม ถูกทุบตี และอีกไม่นานดอกเบี้ยก็จะขึ้นอีก เพราะสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก อาจจะขึ้นถึง 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐยังสูงอยู่ เมื่อสหรัฐขึ้นไทยก็อาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งภาระดอกเบี้ยจะเป็นปัญหาอย่างมากในอนาคต ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน รวมถึงหนี้เสียของธนาคารด้วย นอกจากนี้คนไทยยังถูกโกงรายวันจาก call center โดยที่รัฐบาลช่วยไม่ได้เพราะแก้ไขไม่เป็น หรือการโกงฟอเร็กซ์ที่เป็นข่าวล่าสุด
2. ทุกข์จากค่าใช้จ่ายสูง ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ สินค้าแพง และล่าสุดการต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น หลังจากจ่ายค่าน้ำมันและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งกระฉูดแล้ว ประชาชนต้องมาจ่ายค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์ กลับทำได้แค่สอนธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ซึ่งหมายถึงปล่อยตามยถากรรม แทนที่จะไปแก้ไขที่เหตุ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เสนอไว้แล้ว ที่ท่อก๊าซพม่าก็ถูกวางระเบิด ก๊าซอ่าวไทยก็ขาด ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ราคาแพง การลดค่าความพร้อม และไม่เร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา และต้องขอบอกว่า ตลกร้ายเดิมยิ่งร้ายหนักขึ้น เพราะประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าล้นเกิน แต่เชื้อเพลิงขาดแคลนต้องนำเข้าในราคาสูงมากแล้ว ปรากฏว่าอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ล่าสุดของไทยคือผู้ผลิตไฟฟ้า แบบนี้จะไม่เรียกว่าพลเอกประยุทธ์ เอื้อประโยชน์แล้วจะเรียกว่าอย่างไร นอกจากนี้ ตอนนี้น้ำมันดิบราคาต่ำกว่า $90 ต่อบาเรลแล้ว ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่บาเรล ละ $110 แต่ทำไมราคาน้ำมันดีเซลในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ที่ 29.95 บาท แต่น้ำมันดีเซลรัฐบาลปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 34.95 บาท แสดงถึงการบริหารจัดการที่ต่างกันมาก
3. ทุกข์ของการไม่มีรายได้หรือรายได้ไม่พอประทังชีวิต ทั้งนี้เกิดมาจากเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำมาตลอด จากการบริหารล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ แม้กระทั่งไตรมาสที่แล้วที่ไทยขยายได้ 2.5% แต่มาเลเซียกลับขยายได้ถึง 8.9% เวียดนามขยายได้ 7.7% และฟิลิปปินส์ขยายได้ 7.4% หรือแม้แต่สิงคโปร์ยังขยายได้ 4.8% นอกจากนี้ เวียดนามที่เคยตามหลังไทยมาตลอดกลับมีการส่งออกสูงกว่าไทยตั้งแต่ปี 2562 และล่าสุดปีที่แล้ว การส่งออกของเวียดนาม (14.4 ล้านล้านบาท) แซงการส่งออกของไทย (9.5 ล้านล้านบาท) ไปแล้วถึง 51% และคงแซงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ตามที่ได้เคยเตือนแล้ว หากเป็นแบบนี้อีกไม่นานเวียดนามคงแซงไทยแน่