อวิชชาสูตร... ในหนังสือพุทธธรรม... นักบาลีว่าแปลผิดไวยากรณ์ไหม? ทำไมถึงไม่ผิด?

กระทู้คำถาม
อวิชชาสูตร-->https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=2712&Z=2781

ผมเอาการแปลของอวิชชาสูตร 2  มาจากหนังสือเล่มนี้
👇
ในหน้า...178
ซึ่งหนังสือนี้แปลออกมาว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากบาลี..ที่ว่า
[๖๑]   ปุริมา   ภิกฺขเว   โกฏิ   น  ปญฺญายติ  อวิชฺชาย  
          อิโต  ปุพฺเพ  อวิชฺชา  นาโหสิ  อถ  ปจฺฉา  สมฺภวีติ 
          เอวญฺเจตํ  ภิกฺขเว  วุจฺจติ   อถ   จ   ปน   ปญฺญายติ   อิทปฺปจฺจยา  อวิชฺชาติ

หนังสือเขียนออกมาว่า...
" ภิกษุทั้งหลาย...ปลายแรกสุดของอวิชชาจะปรากฏก็หาไม่ว่า " ก่อนแต่นี้..อวิชชามิได้มี ครั้นมาภายหลังจึงมีขึ้น "
  เรื่องนี้...เรากล่าวดังนี้ว่า " ก็แล..เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัย..อวิชชาจึงปรากฏ "

ผมแปลออกมาได้ออกมาอย่างนี้...


คราวนี้...คือคำถาม

1. ในหนังสือพุทธธรรม....บอกว่า " ไม่ใช่ -->อวิชชาเดิมมันไม่มี..แล้วต่อมาก็เกิดอวิชชาขึ้นมา " ...
     ผมอ่านออกมาได้ความหมายอย่างนี้...

2. ถ้าใช่... หนังสือพุทธธรรมก็กำลังจะบอกว่า..  อวิชชามีแล้วดังเดิม...ใช่ไหม
    มันไม่มีช่วงที่ไม่มีอวิชชา..ใช่ไหม?

3. ถ้าหมายเอาตามข้อ 1 และ 2...  มันจะไม่ขัดกับการแปลในบรรทัดลดที่ 2 หรือ?
    ก็ในเมื่อ... บรรทัดที่ 2... บอกว่า
    " เรื่องนี้...เรากล่าวดังนี้ว่า  ก็แล..เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัย..อวิชชาจึงปรากฏ "

    บรรทัดที่ 2  พระองค์กล่าวว่า... " มีสิ่งที่เป็นปัจจัยแห่งอวิชชาเกิดขึ้น... อวิชชาจึงเกิดขึ้น "...

4. แล้ว... อย่างนี้  " อวิชชาจะไม่มีเหตุเกิด..ไปได้อย่างไร "...
     เมื่ออวิชชามีเหตุเกิด... มันก็ต้อง... " มีช่วงก่อนหน้าที่...ไม่มีอวิชชา "

5. เมื่อ " อวิชชามีเหตุเกิด "... ดังนั้นการที่ไปแปลว่า
    " ภิกษุทั้งหลาย...ปลายแรกสุดของอวิชชาจะปรากฏก็หาไม่ว่า " ก่อนแต่นี้..อวิชชามิได้มี ครั้นมาภายหลังจึงมีขึ้น "
    จึงไม่ถูกต้อง...  ในประโยคก็ขัดกันเองแล้ว... 
     
6. คราวนี้มาดูตามตัวอักษรบาลี... และไวยากรณ์
     ผมเรียนเชิญนักบาลี... ที่ชอบอ้างไวยากรณ์... วิภัตติ - ปัจจัย
     ...มาแสดงว่า... ที่ถูกต้องควรแปลออกมาอย่างไร
     
     ผมอยากจะดูว่า... นักบาลีที่ชอบอ้างไวยากรณ์... จะมีความกล้าที่จะแสดงความเห็นหรือไม่..
     เมื่อมาเจอการแปลในหนังสือพุทธธรรมนี้...

=== ผมว่า... นักบาลีทั้งหลายส่วนมาก.. ไม่กล้าแย้ง... ไม่กล้าที่จะยืนยันตามไวยากรณ์ที่ตนเรียนมาหรอก...ครับ ===

7. ผมยังไม่สามารถ... หาอวิชชาสูตรนี้ในมหาปิฏกมหายาน..ได้ 
    เจอแต่... ตัณหาสูตร... ที่อยู่ในรูปการแปลที่มีปัญหาในหนังสือพุทธธรรมแบบเดียวกับ..อวิชชาสูตร
    โดย...หนังสือพุทธธรรมแปลตัณหาสูตรว่า
    

ส่วนในตัณหาสูตรในมหาปิฏกของมหายาน...คือ

แปลเป็นอังกฤษ --> ไทยได้ว่า...
I heard this: 
At one time, the Buddha traveled to his home and defended the country, 
and gave the lonely garden in Shenglin. 

At that time, the World Honored One told the bhikkhus: 
" Those who have love(ภวตัณหา) are unknowable in their origin, 
   (ผู้ซึ่งมี...ภวตัณหา..  ไม่รู้...." จุดกำเนิดของเขาเหล่านั้น ".. )

  and there is no love at all, but if there is love in this life,
   (..และ..มันมี...ตอนที่ " ไม่มีภวตัณหา..เลย "....แต่ถ้ามันมีในชีวิตนี้..)

  you can know that there is love because of it.
   (..เธอก็รู้ได้เลยว่า.. " มันมีปัจจัยที่ทำให้มัน(ภวตัณหา)เกิดขึ้น "..)

  Those who have love have habit, not without habit. .
   (...ผู้ใดมีภวตัณหา..ก็มีนิสัย  ไม่ใช่ไม่มีนิสัย...)

  What does it mean to have love
 (...อะไร?..คือนิสัยของภวตัณหา..)
  ☝
  อรรถไปในทางเดียวกับฉบับหลวง.. กับที่ผมแปลจากบาลี  แต่ขัดกับหนังสือพุทธธรรม

8.  ลองมาดู...ภันเตสุชาโต...ท่านแปลเป็นภาษาอังกฤษ...


แปลเป็นไทยได้ว่า...
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มันกล่าวได้ว่า " ไม่ปรากฏจุดแรกของอวิชชา "..
ก่อนนั้นไม่มีอวิชชา ภายหลังจึงปรากฏ และ..มันยังเห็นได้ชัดว่า...มีเงื่อนไขเฉพาะสำหรับ..(การเกิดขึ้นของ)อวิชชา...
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่