จากการทดลองทดสอบหลายๆ ครั้ง ตั้งข้อสังเกตว่า ตาทิพย์ - กายทิพย์ - Lucid Dream - ถอดจิต - ผีอำ คือสิ่งเดียวกันหรือเปล่า?
ผีอำคืออะไร จากคนที่ โดนผีอำบ่อยมาก (วันเว้นวัน) จากพันธุกรรม ทำให้มีโอกาสทดสอบอะไรหลายๆ อย่างขณะเกิด อาการผีอำเป็นอาการที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น จิตตื่นแล้ว แต่กายยังหลับ ทำให้ภาพในความฝัน กับความจริงปนกันบางคนก็เห็นผี (ที่จิตปรุงแต่งขึ้น) บางคนก็เห็นมุนษย์ต่างดาว แล้วแต่ความเชื่อ และศาสนา ของแต่ละคน คนเรามักแยกไม่ออก ว่านี่คือความฝัน หรือความจริง ในขณะโดนผีอำ
(เรื่องนี้วิทยาศาสตร์สามารถพิสูนจ์ได้แล้ว)
แต่ถ้าเราได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง มีสติ ทำสมาธิบ่อยๆ เราจะรู้ว่านี่คือการฝันรูปแบบหนึ่ง จากการฝึกด้วยตัวเองทำให้แยกออก หลังจากเข้าสู่สภาวะผีอำ จะเข้าสู่สภาวะต่อไปได้ง่าย ซึ่งระดับต่อไปของการถูกผีอำมันคล้ายกับการทำสมาธิจนถึงขั้น ฌานที่ 4 มาก
การทำสมาธิ ขอไม่อิงตามพุทธนะครับตัดปัญหาเรื่องชื่อเรียกต่างๆ อยากเน้นที่วิทยาศาสตร์ พอทำถึงจุดนึง ซึ่งร่างกายเราจะนิ่ง สงบมาก แต่จิตเรายังมีสติ จะเริ่มเห็นภาพนิมิต (ตาทิพย์) หลังจากเห็นภาพนิมิต จะเริ่มเดินไปไหนมาไหนในนิมิตได้ (ถอดจิต กายทิพย์) ซึ่งจากการทดลอง (อีกแล้ว) พบว่าสิ่งที่พบเจอ เป็นสิ่งที่สมองปรุงแต่งขึ้นเช่นกัน แต่จะเหมือนจริงมากจนแยกแทบไม่ออก ถ้าไม่มีสติรับรู้ และทดลองอย่างดี
วิธีการเกิดมันต่างกัน
ผีอำ = หลับ >
เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น > ร่างกายหลับ จิตตื่น
ทำสมาธิ = ตื่น >
เข้าสู่สภาวะกึ่งตื่นกึ่งหลับ > จิตตื่น ร่างกายหลับ
สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น หรือกึ่งตื่นกึ่งหลับนี่แหละ
คือประเด็น เหมือนสภาวะนี้ทำให้สมองเปิดศักยภาพอะไรบางอย่างที่ทำให้ ระบบประสาท สมอง และสารเคมีต่างๆ มันทำงานในอีกรูปแบบ มันสามารถสร้างโลกขึ้นมาได้ทั้งใบ สามารถมองเห็นได้แม้ไม่ลืมตา
(ตาทิพย์ / ผีอำ) หรือสามารถเดินไปไหนมาไหนได้
(ถอดจิต / Lucid Dream)
จุดที่คิดว่ามันคือสภาวะเดียวกัน คือ
- หลังจากทำสมาธิสักระยะจากเกิดอาการปิติ สั่นที่ท้ายทอยขึ้นมา
- หลังจากโดนผีอำและไม่กลัวหลับตาต่อ ก็เกิดอาการปิติ เช่นเดียวกัน
- ภาพที่เห็น หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั่งคู่ ไม่ต่างกันเลย
- การหลุดเข้าไปใน Lucid dream หรือ ถอดจิต ลักษณะที่พบเจอ ไม่ต่างกันเลย
ทุกวันนี้สามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ เป็นประจำทั้งจากการทำสมาธิ และการโดนผีอำ เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? อยากทราบจากประสบการณ์ตรง หรือการทดลองด้วยตนเองนะครับ คิดว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุของสมาธิ ที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์และหาเหตุผลให้มันได้ ก็เป็นได้
หมายเหตุ การทำสมาธิของแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายต่างกัน ในแต่ละศาสนาและความเชื่อ ส่วนตัวทำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข มีสติ และสมาธิในชีวิตปัจจุบัน และอีกเหตุผลคือทำเพื่อการทดลอง ไตร่ตรอง พิสูจน์ อะไรหลายๆอย่าง ปกติเป็นคนที่จะไม่เชื่อเรื่องอะไรถ้าไม่ได้พิสูจน์ด้วยตนเอง หรือมีการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว
ตาทิพย์ - กายทิพย์ - Lucid Dream - ถอดจิต - ผีอำ คือสิ่งเดียวกัน?
ผีอำคืออะไร จากคนที่ โดนผีอำบ่อยมาก (วันเว้นวัน) จากพันธุกรรม ทำให้มีโอกาสทดสอบอะไรหลายๆ อย่างขณะเกิด อาการผีอำเป็นอาการที่อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น จิตตื่นแล้ว แต่กายยังหลับ ทำให้ภาพในความฝัน กับความจริงปนกันบางคนก็เห็นผี (ที่จิตปรุงแต่งขึ้น) บางคนก็เห็นมุนษย์ต่างดาว แล้วแต่ความเชื่อ และศาสนา ของแต่ละคน คนเรามักแยกไม่ออก ว่านี่คือความฝัน หรือความจริง ในขณะโดนผีอำ (เรื่องนี้วิทยาศาสตร์สามารถพิสูนจ์ได้แล้ว)
แต่ถ้าเราได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง มีสติ ทำสมาธิบ่อยๆ เราจะรู้ว่านี่คือการฝันรูปแบบหนึ่ง จากการฝึกด้วยตัวเองทำให้แยกออก หลังจากเข้าสู่สภาวะผีอำ จะเข้าสู่สภาวะต่อไปได้ง่าย ซึ่งระดับต่อไปของการถูกผีอำมันคล้ายกับการทำสมาธิจนถึงขั้น ฌานที่ 4 มาก
การทำสมาธิ ขอไม่อิงตามพุทธนะครับตัดปัญหาเรื่องชื่อเรียกต่างๆ อยากเน้นที่วิทยาศาสตร์ พอทำถึงจุดนึง ซึ่งร่างกายเราจะนิ่ง สงบมาก แต่จิตเรายังมีสติ จะเริ่มเห็นภาพนิมิต (ตาทิพย์) หลังจากเห็นภาพนิมิต จะเริ่มเดินไปไหนมาไหนในนิมิตได้ (ถอดจิต กายทิพย์) ซึ่งจากการทดลอง (อีกแล้ว) พบว่าสิ่งที่พบเจอ เป็นสิ่งที่สมองปรุงแต่งขึ้นเช่นกัน แต่จะเหมือนจริงมากจนแยกแทบไม่ออก ถ้าไม่มีสติรับรู้ และทดลองอย่างดี
วิธีการเกิดมันต่างกัน
ผีอำ = หลับ > เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น > ร่างกายหลับ จิตตื่น
ทำสมาธิ = ตื่น > เข้าสู่สภาวะกึ่งตื่นกึ่งหลับ > จิตตื่น ร่างกายหลับ
สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น หรือกึ่งตื่นกึ่งหลับนี่แหละ คือประเด็น เหมือนสภาวะนี้ทำให้สมองเปิดศักยภาพอะไรบางอย่างที่ทำให้ ระบบประสาท สมอง และสารเคมีต่างๆ มันทำงานในอีกรูปแบบ มันสามารถสร้างโลกขึ้นมาได้ทั้งใบ สามารถมองเห็นได้แม้ไม่ลืมตา (ตาทิพย์ / ผีอำ) หรือสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ (ถอดจิต / Lucid Dream)
จุดที่คิดว่ามันคือสภาวะเดียวกัน คือ
- หลังจากทำสมาธิสักระยะจากเกิดอาการปิติ สั่นที่ท้ายทอยขึ้นมา
- หลังจากโดนผีอำและไม่กลัวหลับตาต่อ ก็เกิดอาการปิติ เช่นเดียวกัน
- ภาพที่เห็น หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั่งคู่ ไม่ต่างกันเลย
- การหลุดเข้าไปใน Lucid dream หรือ ถอดจิต ลักษณะที่พบเจอ ไม่ต่างกันเลย
ทุกวันนี้สามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ เป็นประจำทั้งจากการทำสมาธิ และการโดนผีอำ เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? อยากทราบจากประสบการณ์ตรง หรือการทดลองด้วยตนเองนะครับ คิดว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุของสมาธิ ที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์และหาเหตุผลให้มันได้ ก็เป็นได้
หมายเหตุ การทำสมาธิของแต่ละคนมีจุดมุ่งหมายต่างกัน ในแต่ละศาสนาและความเชื่อ ส่วนตัวทำเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข มีสติ และสมาธิในชีวิตปัจจุบัน และอีกเหตุผลคือทำเพื่อการทดลอง ไตร่ตรอง พิสูจน์ อะไรหลายๆอย่าง ปกติเป็นคนที่จะไม่เชื่อเรื่องอะไรถ้าไม่ได้พิสูจน์ด้วยตนเอง หรือมีการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว