" สัตว์ "---ตอนที่ 12 :...สัตว์ไปได้อัตตา..ในแบบต่างๆ..ที่ทรงแสดงแก่..ท่านโปฏฐปาทะ..และ...ท่านจิตตะ...

กระทู้สนทนา


https://etipitaka.com/read/thai/9/252/
๙. โปฏฐปาทสูตร 

….
[๓๐๒] ดูกรโปฏฐปาทะ ความได้อัตตา ๓ เหล่านี้ คือ 
- ได้อัตตาที่หยาบ ๑
- ได้อัตตา ที่สำเร็จด้วยใจ ๑
- ได้อัตตาที่หารูปมิได้ ๑

ความได้อัตตาที่หยาบเป็นไฉน 
คือ อัตตาที่มีรูป ประกอบด้วยมหาภูต ๔ บริโภคกวลิงการาหาร นี้ความได้อัตตาที่หยาบ 

ความได้อัตตาที่สำเร็จ ด้วยใจเป็นไฉน 
คือ อัตตาที่มีรูปสำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง นี้ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ 

ความได้อัตตาที่หารูปมิได้เป็นไฉน 
คือ อัตตาอันหารูปมิได้ สำเร็จ ด้วยสัญญา นี้ความได้อัตตาที่หารูปมิได้. 

[๓๐๓] ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาที่หยาบ
ว่า พวกท่าน ปฏิบัติอย่างไรจึงจะละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น 
พวกท่านจักทำความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง
ด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่.

[๓๐๔] ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อละความได้อัตตาแม้ที่สำเร็จด้วยใจ
ว่า พวกท่านปฏิบัติอย่างไร จึงจักละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น 
พวกท่านจัก ทำความบริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง
ด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.

[๓๐๕] ดูกรโปฏฐปาทะ เราจะแสดงธรรมเพื่อความได้อัตตาแม้ที่หารูปมิได้
ว่า พวกท่าน ปฏิบัติอย่างไร จึงจักละสังกิเลสธรรมได้ โวทานิยธรรมจักเจริญยิ่งขึ้น 
พวกท่านจักทำความ บริบูรณ์ และความไพบูลย์แห่งปัญญาให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง
ด้วยตนเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่.



[๓๑๒] ดูกรจิตตะ อย่างนั้นแหละ 
สมัยใด มีการได้อัตตาที่หยาบ 
- สมัยนั้น ไม่นับว่า ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
- ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว. 

ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ 
- สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
- ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว. 

ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้ 
- สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
- ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้อย่างเดียว. 

ดูกรจิตตะ เหมือนอย่างว่า   👈...อันนี้สำคัญ...มันมีสิ่งหนึ่ง..ที่แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งต่างๆ
- นมสด..จาก..แม่โค
- นมส้ม..จาก..นมสด
- เนยข้น..จาก..นมส้ม
- เนยใส..จาก..เนยข้น
- หัวเนยใส..จาก..เนยใส

สมัยใดเป็นนมสด 
- สมัยนั้น ไม่นับว่านมส้ม เนยข้น เนยใส หัวเนยใส
นับว่านมสดอย่างเดียวเท่านั้น 

สมัยใดเป็นนมส้ม 
- สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด เนยข้น เนยใส หัวเนยใส
นับว่าเป็นนมส้มอย่างเดียวเท่านั้น 

สมัยใดเป็นเนยข้น 
- สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยใส หัวเนยใส
นับว่าเป็นเนยข้นอย่างเดียวเท่านั้น 

สมัยใดเป็น เนยใส 
- สมัยนั้นไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น หัวเนยใส
นับว่าเป็นเนยใสอย่างเดียวเท่านั้น 

สมัยใดเป็นหัวเนยใส 
- สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น เนยใส นับว่าเป็นหัวเนยใส
อย่างเดียวเท่านั้น 

ฉันใด ดูกรจิตตะ ฉันนั้นเหมือนกัน 
สมัยใดมีการได้อัตตาที่หยาบ
- สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
- ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว เท่านั้น 

สมัยใดมีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ 
- สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
- ไม่นับว่าได้ อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียวเท่านั้น 

สมัยใดมีการได้อัตตาที่หารูป มิได้ 
- สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ
- ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
นับว่าได้อัตตาที่หารูป มิได้อย่างเดียวเท่านั้น. 

ดูกรจิตตะ เหล่านี้แลเป็นชื่อตามโลก เป็นภาษาของโลก เป็นโวหารของโลก เป็นบัญญัติ ของโลก 
ที่ตถาคตกล่าวอยู่ มิได้ยึดถือ.

สรุป

จะเห็นได้ว่า...มันมีสิ่งหนึ่งที่..ไปเป็น...
นมสด -> นมส้ม  -> เนยข้น -> เนยใส -> หัวเนยใส

ก็เช่นเดียวกับ...สิ่งหนึ่ง..ไปทำให้เกิดมี..อัตตามีรูป(กามภพ),  อัตตาที่เกิดจากใจ(รูปภพ) 
และ..อัตตาที่เกิดจากสัญญา(อรูปภพ)
สิ่งนั้นมีตัณหาอุปาทานในขันธ์๕..เพราะเหตุแห่งอวิชชา...ดังนั้นจึงเรียกสิ่งนั้นว่า " สัตว์ ".... 

อัตตา3..กับ..นมสด, นมส้ม, เนยข้น, เนยใส, หัวเนยใส <--เหล่านี้มันก็เป็นเพียงชื่อเรียกของ
สถาวะ...สถานะต่าง...ที่ " สิ่งๆหนึ่ง "...ไปได้สภาวะต่างๆ...
แต้ไม่ได้หมายว่าสภาวะนั้นมันไม่มีจริง...มันมีจริง..

กลับมาที่ " สัตว์ " vs " ขันธ์๕ "...  
สัตว์...ไม่ใช่..ขันธ์๕
ขันธ์๕...ก็ไม่ใช่...สัตว์

ปุถุชนผู้ที่มิได้สดับในธรรม..ไม่ได้รับการแนะนำจากพระอริยเจ้า..ก็จะเข้าใจว่า..
" ขันธ์๕...เป็น...สัตว์ - เป็นบุคคล, เป็นตน, เป็นตัวตน "...

ส่วน..อริยสาวกผู้ได้สดับในธรรม.ได้รับการแนะนำจากพระอริยเจ้า..ก็จะเข้าใจว่า..
" ขันธ์๕...ไม่ใช่...สัตว์ - ไม่ป็นบุคคล, ไม่เป็นตน, ไม่เป็นตัวตน "...
เราคือผู้ที่มายึดมั่นถือมั่นในอุปาทานขันธ๕..     ไม่ใช่..ไม่มีเรา " <---นี่มันอุจเฉททิฏฐิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่