ตัวเลขเงินเฟ้อ เดือนที่ผ่านมาประกาศเรียบร้อย 8.5 ต่ำกว่าเดือนที่แล้วที่ 9.1 และต่ำกว่าคาดที่ 8.7
หลังจากนี้ เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง เพราะการขึ้นของโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อ ไม่ใช่การขึ้นเพียวๆของความต้องการสินค้า แต่ขึ้นเพราะแรงเก็งกำไรของกองทุนต่างๆด้วย เมื่อทุกคนตระหนักว่า เงินเฟ้อมีโอกาส peak แล้วเราอาจเข้าสู่ภาวะ recession ได้ เงินส่วนนี้ จะไหลออกอย่างรุนแรงจากการเก็งกำไร commodities ไปสู่จุดเก็งกำไรจุดอื่นต่อๆไป
ส่วนตัวผมเชื่อว่าเงินเฟ้อ peak ไปแล้ว ตามที่ผมเคยคาดไว้ตั้งแต่กลางปี ว่าเต็มที่ไม่เกินกันยายน (ซึ่งผมพูดตลอดในหลายกระทู้ก่อนหน้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมาเลย)
ในขณะที่ทุกคนกำลังกลัวเงินเฟ้อถึงขีดสุด US10y yield กำลังวิ่งขึ้นไม่หยุด และตลาดหุ้นลงจนเละเทะ จนไม่มีใครกล้าถือหุ้นกันแล้ว และทุกคนเชื่อว่าเงินเฟ้อจะล่อไป 10 กว่า% แน่นวล ผมกลับเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับไปหาจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และได้โพสต์กระทู้ว่า เรามีโอกาสมากกว่า 75% ในการกลับไป New High
https://ppantip.com/topic/41445553
ในที่สุด ช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตลาดก็ทำ bottom เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้น ไม่ว่าข่าวร้ายจะมาอีท่าไหน ตลาดก็วิ่งขึ้นไม่หยุด Mr Market ทำหน้าที่ของมันอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง โดยปล่อยให้รายย่อยจมกับข่าวร้ายไปอีกหน จนกว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน ให้เลิกกลัวโลภตามข่าวเกินจริงที่ถูกประเคนให้เพียงปลายนิ้วเลื่อนกันเสียที
แน่นอนว่าการสวนกระแสมันยากตั้งแต่เริ่มคิดจะทำแล้ว เพราะมันผิดธรรมชาติความเป็นสัตว์สังคมของพวกเรา มันฝังอยู่ในสมองส่วนลึก แต่ถ้าเรากล้าทำ แล้วผลตอบแทนเมื่อเวลาผ่านไปมันพิสูจน์ว่าได้จริง เราจะเริ่มเชื่อในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่มีพลวัตรสูง เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดได้แบบเป๊ะๆ เพราะเกมเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกนาที ไปตามการกระทำของผู้เล่นแต่ละคนในเกมแห่งผลประโยชน์นี้ และผู้เล่นแต่ละคนหวังจะเป็นผู้ชนะในเกม และทุกคนเก่งหมด
เพราะเนื่องจากทุกคนเก่งหมด กำไรจะแบ่งกันได้ไม่มาก ถ้าลองคิดในมุมกลับ ว่าตามสถิติคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะได้ในตลาดเก็งกำไร ดังนั้น การคิดว่าเราจะลองเป็นคนส่วนน้อยโดยการยอมเป็นผู้แพ้ดูบ้าง หลายครั้งกลับทำให้เรากลายเป็นผู้ชนะได้อย่างไม่น่าเชื่อก็มีหลายครั้ง it’s so bad that it’s good
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หากว่าครั้งนี้คือ cyclical bear market(ไม่ใช่ภาวะถดถอยยาวนาน) ในบรรดา cyclical bear market ตั้งแต่ปี 1950 ได้เกิดมาแล้วก่อนหน้าทั้งหมด 10 ครั้งพอดี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 % ลดลงจาก peak ค่าเฉลี่ยคือ -27% (รอบนี้ -24) ดูผลตอบแทนระยะ 6 เดือน เฉลี่ย 28% และ 1 ปี 42% แค่นี้ ปีหน้าก็ new high แล้ว
ในกระทู้นี้ผมจะลองขยายโอกาส75% ในกลับไป new high เป็น 3 scenarios ที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
Inflation peak ไปแล้ว ตลาดหุ้นอเมริกาเจอ bottom เรียบร้อย และเรามีโอกาสมากกว่า 75% ในการกลับไป New High
หลังจากนี้ เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง เพราะการขึ้นของโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อ ไม่ใช่การขึ้นเพียวๆของความต้องการสินค้า แต่ขึ้นเพราะแรงเก็งกำไรของกองทุนต่างๆด้วย เมื่อทุกคนตระหนักว่า เงินเฟ้อมีโอกาส peak แล้วเราอาจเข้าสู่ภาวะ recession ได้ เงินส่วนนี้ จะไหลออกอย่างรุนแรงจากการเก็งกำไร commodities ไปสู่จุดเก็งกำไรจุดอื่นต่อๆไป
ส่วนตัวผมเชื่อว่าเงินเฟ้อ peak ไปแล้ว ตามที่ผมเคยคาดไว้ตั้งแต่กลางปี ว่าเต็มที่ไม่เกินกันยายน (ซึ่งผมพูดตลอดในหลายกระทู้ก่อนหน้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมมาเลย)
ในขณะที่ทุกคนกำลังกลัวเงินเฟ้อถึงขีดสุด US10y yield กำลังวิ่งขึ้นไม่หยุด และตลาดหุ้นลงจนเละเทะ จนไม่มีใครกล้าถือหุ้นกันแล้ว และทุกคนเชื่อว่าเงินเฟ้อจะล่อไป 10 กว่า% แน่นวล ผมกลับเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะกลับไปหาจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และได้โพสต์กระทู้ว่า เรามีโอกาสมากกว่า 75% ในการกลับไป New High
https://ppantip.com/topic/41445553
ในที่สุด ช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตลาดก็ทำ bottom เป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้น ไม่ว่าข่าวร้ายจะมาอีท่าไหน ตลาดก็วิ่งขึ้นไม่หยุด Mr Market ทำหน้าที่ของมันอย่างเคร่งครัดอีกครั้ง โดยปล่อยให้รายย่อยจมกับข่าวร้ายไปอีกหน จนกว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน ให้เลิกกลัวโลภตามข่าวเกินจริงที่ถูกประเคนให้เพียงปลายนิ้วเลื่อนกันเสียที
แน่นอนว่าการสวนกระแสมันยากตั้งแต่เริ่มคิดจะทำแล้ว เพราะมันผิดธรรมชาติความเป็นสัตว์สังคมของพวกเรา มันฝังอยู่ในสมองส่วนลึก แต่ถ้าเรากล้าทำ แล้วผลตอบแทนเมื่อเวลาผ่านไปมันพิสูจน์ว่าได้จริง เราจะเริ่มเชื่อในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่มีพลวัตรสูง เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดได้แบบเป๊ะๆ เพราะเกมเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกนาที ไปตามการกระทำของผู้เล่นแต่ละคนในเกมแห่งผลประโยชน์นี้ และผู้เล่นแต่ละคนหวังจะเป็นผู้ชนะในเกม และทุกคนเก่งหมด
เพราะเนื่องจากทุกคนเก่งหมด กำไรจะแบ่งกันได้ไม่มาก ถ้าลองคิดในมุมกลับ ว่าตามสถิติคนส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นผู้ชนะได้ในตลาดเก็งกำไร ดังนั้น การคิดว่าเราจะลองเป็นคนส่วนน้อยโดยการยอมเป็นผู้แพ้ดูบ้าง หลายครั้งกลับทำให้เรากลายเป็นผู้ชนะได้อย่างไม่น่าเชื่อก็มีหลายครั้ง it’s so bad that it’s good
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หากว่าครั้งนี้คือ cyclical bear market(ไม่ใช่ภาวะถดถอยยาวนาน) ในบรรดา cyclical bear market ตั้งแต่ปี 1950 ได้เกิดมาแล้วก่อนหน้าทั้งหมด 10 ครั้งพอดี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 % ลดลงจาก peak ค่าเฉลี่ยคือ -27% (รอบนี้ -24) ดูผลตอบแทนระยะ 6 เดือน เฉลี่ย 28% และ 1 ปี 42% แค่นี้ ปีหน้าก็ new high แล้ว
ในกระทู้นี้ผมจะลองขยายโอกาส75% ในกลับไป new high เป็น 3 scenarios ที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้