พูดคุย แชร์ประสบการณ์ ตาที่ 3 ของมนุษย์กัน (ในมุมมองวิทยาศาสตร์)

ช่วงหลังเริ่มศึกษาเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และได้ประสบการณ์เปิดตาที่ 3 ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ที่มีแค่ 2 ตา

ตาที่ 3 มาจากการที่สมองของเราจินตนาการภาพต่างๆ และนึกถึงภาพเหล่านั่นในสมองเรานั่นเอง คนปกติทั่วๆไป เวลาจินตนาการถึงภาพต่างๆที่เคยเห็น เราจะเห็นได้แค่ภาพลางๆ หรือภาพขาวดำ ที่มีเคล้าโครงแต่ไม่สามารถเห็นภาพที่คมชัด มีสีสันสมจริง เหมือนภาพที่เห็นจากดวงตาปกติได้

แต่ถ้าเราได้รับการฝึกที่เหมาะสม และสถานการณ์ที่เหมาะสมจะสามารถมองเห็นภาพที่เราจินตนาการขึ้นมาได้สมจริง ไม่ต่างจากดวงตาของเรา (จึงขอนิยาม ว่า ตาที่ 3)

จริงๆ เรื่องนี้มีอยู่ในทุกๆ สถานที่ของโลกนี้ เปลียนไปตามความเชื่อต่างๆ บางกลุ่มคนพบเจอก็คิดว่า เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ผี เห็นอนาคตได้ หรือเห็นนิมิต และอื่นๆ ตามแต่ความเชื่อของกลุ่มคนเหล่านั่น

การที่จะเปิดตาที่ 3 ได้ (จากประสบการณ์ส่วนตัว)
- แบบที่ 1 (ครั้งแรกที่เปิดประสบการณ์นี้) จากการใช้สารบางประเภท (ไม่ขอกล่างถึง และไม่ควรเลียนแบบ) เป็นสารในกลุ่มหลอนประสาท เป็นสารที่เพิ่มความสามารถในการจินตนาการสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ภาพ สีสันต่างๆ ชัดเจนขึ้น ภาพที่เห็นสามารถบิด ดัดแปลง ได้ (สมัยก่อนนิยมใช้ในทางลัทธิ ความเชื่อต่างๆ จึงไม่แปลกใจที่ทำให้เกิดภาพต่างๆ ของผู้ที่เข้าร่วม จนแยกความจริงกับจินตนาการไม่ออก) ต่อ* จนทำให้เวลาหลับตาสามารถเห็นภาพต่างๆ ในหัวได้ เสมือนจริง ช่วงแรกจะเห็นภาพที่ขาว/ดำ สักพักจะเริ่มเห็นภาพที่เป็นสีสัน (โดยไม่ต้องพยายาม)

- แบบที่ 2 (โดยบังเอิญ) เกิดจากอาการผีอำ (Sleep Paralysis)  เวลาเราโดนผีอำนั่น เราจะไม่รู้ตัวว่าตัวเราฝันอยู่ เราสามารถเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ แต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ หรือขยับยากมาก (ขอไม่ลงรายละเอียด) เชื่อหรือไม่ตอนโดนผีอำ เราหลับตาอยู่!  ถ้าไม่เชื่อลองเอากล้องวงจรปิดมาถ่าย (ผมทำแล้ว) ภาพที่เห็นรอบตัวล้วนมาจากการที่สมองสร้างขึ้นมา ซึ่งมันชัดมาก เหมือนเราลืมตา เราจึงเห็นสิ่งแปลก สิ่งเหนือธรรมชาติได้ แต่มันไม่มีอยู่จริง ปกติเป็นคนโดนผีอำบ่อยมาก โดนตอนนอนผิดเวลา หรือนอนกลางวัน บางช่วงนี่วันเว้นวัน (น่าจะจากพันธุกรรม)  พอหลังๆ โดนจนชิน และไม่กลัวก็สามารถเห็นภาพได้มากขึ้น ชัดขึ้น (เพราะมีสติ) 

- แบบที่ 3 (โดยตั้งใจ) พอค้นพบความสามารถนี้ความสนุกก็เกิดขึ้น วิธีการที่ใช้คือ 
1. นอนหลับตาในห้องที่เปิดไฟ หรือมีแสงสว่าง พยายามไม่คิดอะไร โดยปิดแค่เปลือกตาลง แต่ตายังทำงานอยู่มองไปที่เปลือกตานั่น
2. ปล่อยให้ภาพในสายตามันไหลไปโดยไม่คิดอะไร มีสมาธิอยู่ที่ภาพนั่น (ภาพจะเป็นภาพดำๆ มีอุโมงขาวๆ มีแสงลอดเข้ามาได้เล็กน้อยจากเปลือกตาที่หลับอยู่)
3. ให้เวลากับมัน อาจจะ 15-60 นาที แล้วแต่ครั้ง สักพักภาพจะเริ่มมีภาพที่ชัดและมีสีสัน แว็บเข้ามา (ช่วงแรกพยายามอย่าคิดอะไร) หลังจากนั่นจะเริ่มคิดภาพที่อยากเห็น ภาพที่อยากเห็นเราจะไม่เห็นภาพนั่นสะทีเดียว แต่จะเห็นเป็นภาพที่คล้ายกัน แต่ต่างมุมมองซึ่งมีองประกอบอื่นๆ ในภาพด้วย (ที่สมองเราสร้างขึ้นมาเองโดยเราไม่ได้กำหนด)

ที่สำคัญคือสภาพแวดล้อม ต้องเงียบ ไม่มีคนรบกวน และสามารถใช้เวลากับตัวเองได้ โดยไม่ต้องกลัวใครเข้ามาขัดจังหวะ ส่วนตัวจะนอนแล้วยกขาขึ้นสูงเล็กน้อย

บทวิเคราะห์ คิดว่า การเปิดตาที่ 3 มีส่วนสัมพันธ์กับการฝัน Lucid dream (หรือมันคือการฝันแบบหนึ่ง) และการรับสารหลอนประสาทบางประเภท เพราะการจะเกิดขึ้นได้ โดยง่ายนั่น สมองเราต้องอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น คิดว่าในช่วงนั่นสมองเราได้ปลดปล่อยศักยภาพด้านจินตนาการได้อย่างเต็มที่ จึงสามารถสร้างภาพขึ้นมาได้อย่างละเอียด

ถ้าฝึกจนชำนาญคุณสามารถ คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันแค่ในช่วงฝันอีกต่อไป คุณสามารถดึงมันมาใช้ในชีวิตได้ ควบคุมมันได้ อยากเห็นอะไร หลับตา มีสมาธิกับมัน ลืมตาแล้ว อยากเห็นภาพเดิมต่อ ก็สามารถทำได้ ยิ่งถ้ามีสติ บางครั้งคุณจะสามารถขยับตัว หรือเดินไปเดินมาได้ ได้กลิ่นได้ ได้ยินเสียง รับรสชาติได้ เจ็บได้อีกด้วย (เคยตบหน้าตัวเองไปทีหน้าชาเลย) (โดยคุณไม่ได้ไปจริง) ทุกอย่างสมจริงหมด หรือคือการตื่นรู้ในฝันนั่นเอง (กรณีนี้ที่ขยับตัวได้ได้คือสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น) 

คำเตือน! ภาพที่คุณเห็น ถ้าคุณไม่มีสติมากพอ คุณจะไม่สามารถบังคับมันได้ มันจะเป็นภาพจากจิตใต้สำนึกของคุณ ซึ่งอาจจะมีทั้งด้านดี และด้านร้าย อย่าตื่นตระหนก มีสติอยู่เสมอ ท่องในใจมันไม่ใช่ความจริง บางครั้งภาพที่เราเห็นก็คือภาพที่เรากลัวในใจมากที่สุด (เช่นภาพ คนที่เรารักเสียชีวิต ซึ่งมันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่นิมิต ไม่ใช่การเห็นอนาคต อย่าไปกลัวมัน) แล้วคุณจะผ่านมันไปได้ 

ประโยชน์ ทำแล้วได้อะไร
- ได้ดึงศักยภาพของสมองมาใช้อย่างเต็มที่ ส่วนตัวผมเห็นภาพต่างๆ จุดต่างๆ ที่เราไม่เคยคิดถึง ความสามารถด้านศิลป์สูงขึ้น จินตนาการช่วงนั่นดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ สามารถนำมาสร้างสรร ผลงานแปลกใหม่ได้ คุณเชื่อไหม ผมแค่คิดถึงภาพ ภาพนึงในสมองขณะกำลังทำ สมองเราสามารถเติมแต่งภาพนั่น จนสวยงาม แปลกใหม่ แต่งเป็นเรื่องราวต่างๆ โดยที่เราไม่ได้ไปกำหนดมันเลย (บางเรื่องราวเอาไปเป็นพร็อตหนัง แฟนตาซี ได้เลย) เราทำตัวเป็นแค่ผู้มอง ให้จินตนาการมันวาดภาพขึ้นมาเอง (อารมณ์เหมือนสั่งให้ AI วาดภาพ แต่เราสามารถใช้สมองทำแบบนั่นได้ด้วย โดยไม่ต้องพยายาม และไม่เหนื่อยเลย)
- ได้รู้ว่าจิตใต้สำนึกเรามีอะไรซ้อนอยู่ ซึ่งในเวลาปกติคุณจะไม่สามารถรู้ถึงมันได้ อาจจะเอาไปใช้ในการบำบัด พัฒนาตนเองได้ในอนาคต
- สนุก และผ่อนคลาย
- ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำได้ในชีวิตจริง

สุดท้ายทุกอย่างที่กล่าวเกิดจากการทดลองด้วยตัวเอง มีการจดบันทึกเวลาที่ใช้ ประสบการณ์ที่เจอ และทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก จริงๆ มีอีกหลายการทดลองที่ทำด้วยตนเอง รอบหน้าเรามาคุยเรื่อง "ภาพหลอน" กันครับ

* ใครมีทฤษฎี เรื่องนี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เสริมได้เลยนะครับ สมองส่วนไหน กระบวนการไหน สารสื่อประสาทตัวไหน ถึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ และเราจะพัฒนา ฝึกฝนมันได้อย่างไร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่