ฉันเป็นคนฝันลูซิดดรีมค่ะ (การฝันแบบรู้ตัวว่าฝัน)
ครั้งแรกที่เป็น มันเกิดขึ้นตอนช่วงปิดเทอมวัยมัธยม ช่วงนั้นติดเกมออนไลน์มาก นอนดึกบ่อย บางทีนอนเช้า บางทีไม่นอนเลยสองสามวัน พอนอนไม่พอ นอนไม่เป็นเวลามันเลยง่วงบ่อย เพลีย และงีบได้ตลอดทั้งวัน (แต่จะคึกตอนเล่นเกมทุกที สมัยนั้นบ้าเกมแนวเก็บเวล ต้องอาศัยความขยัน ยิ่งเวลสูงยิ่งเก่งทำนองนั้นค่ะมันสนุกมากจนไม่หลับไม่นอน เพราะแข่งกันกับเพื่อน)
ครั้งแรกที่ดิฉันได้รู้จักกับอาการลูซิดดรีมคือ นอนอยู่แล้วมีอาการที่เรียกว่าผีอำ ขยับตัวไม่ได้ ปกติคนที่เกิดอาการนี้ก็จะพยายามดิ้นสู้ ดิฉันก็ดิ้นสู้ ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มีแรง เหนื่อยมาก แต่สุดท้ายก็สู้ได้ทุกครั้ง คือพยายามสะบัดหัว ถ้าขยับหัวอาการนี้จะหลุดเอง แต่ถ้าหลุดแล้วอย่านอนต่อทันที เพราะจะถูกอำอีก ให้ลุกนั่ง หรือเดินไปกินน้ำให้สดชื่น แต่ก็ไม่รับประกันว่าพอกลับมานอนอีกแล้วจะไม่โดนอำอีกนะคะ ในกรณีของดิฉันนั้นเป็นบ่อยมาก ช่วงแรกเป็นทุกครั้งที่ใกล้จะเคลิ้มหลับ จนดิฉันปล่อยให้ตัวเองโดนอำไปเลย แบบไม่ขืนสู้ ปล่อยมัน ลองดูว่าจะเป็นยังไง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ ร่างกายมันหนักมากๆ เหมือนมีอะไรมาทับจนตัวดิฉันจมลงไปลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่อึดอัดแบบเหมือนจะขาดใจ หายใจไม่ออก ช่วงเวลานี้คือผ่านไปยากมาก หลักๆเลยเพราะความรู้สึกกลัวตาย ยิ่งกลัวก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด คือดิฉันต้องพยายามตั้งสติ พยายามไม่ตื่นตระหนก พยายามหายใจ พยายามสงบสติให้ได้
พอผ่านช่วงนี้ไปได้ ร่างกายจะรู้สึกโล่ง เบาหวิวมาก เหมือนไร้มวลใดๆ ไร้น้ำหนัก เหมือนเป็นวิญญาณ (ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ คือเหมือนวิญญาณมันหลุดลอยออกจากร่างค่ะ) ซึ่งแบบนี้เรียกว่าเข้าสู่ฝันลูซิดดรีมแล้ว
ตอนแรกดิฉันก็ไม่รู้ว่านี่คือฝัน เพราะความรู้สึกมันต่อเนื่องจากความจริง กล่าวคือ ดิฉันงีบอยู่ยังไม่หลับสนิท>> เกิดอาการผีอำ>> แล้ววิญญาณก็หลุดจากร่าง>> หันไปเห็นตัวเองนอนอยู่ ครั้งแรกคือตกใจมาก WTF!! หัวใจมันเต้นแรงเกินเหตุจนร่างกายจริงๆของดิฉันรู้ตัว แล้วก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น ตอนนั้นจึงได้ตรัสรู้ว่าตัวเองแค่ฝันไป โล่งอก
ผีอำครั้งต่อมาดิฉันก็พยายามควบคุมสติ คือจิตต้องนิ่งมากเพื่อผ่านช่วงผีอำไปให้ได้ (นั่งสมาธิช่วยได้) ฝันลูซิดดรีมเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก ทำได้ทุกอย่าง จะเหาะเหินเดินอากาศ คือทำได้หมด (แต่ดิฉันไม่เคยไปถึงนอกอวกาศ แบบมองเห็นทั้งกาแล็กซี่อะไรแบบนั้น ทำได้มากสุดแค่ลอยอยู่ในที่มืดๆ แต่ถ้าฝึกจนเก่งอาจจะทำได้ อยากไปเห็นขอบจักรวาลเหมือนกัน555
ขอแค่อย่าตื่นตระหนก อย่าตกใจเกินเหตุเวลาเห็นอะไร หรือสามรถทำอะไรที่ผิดธรรมชาติ อะไรที่ขัดหลักความเป็นจริงของโลกใบนี้ เพราะความตื่นเต้น และอัตราเต้นของหัวใจมีผลทำให้รู้สึกตัวตื่นจากฝันง่ายมาก และที่สำคัญที่สุดคืออย่ารู้สึกกลัว เพราะว่าความกลัวในขณะที่กำลังฝันลูซิดดรีมมันน่ากลัวมากกว่าความกลัวปกติมาก
ดิฉันจะอธิบายให้ฟัง ขณะฝันลูซิดดรีมสมองเราจะรู้สึกเกินขอบเขตความเป็นจริง บางอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ความกลัวอธิบายได้ คือมันจะทวีคูณจากเดิมเป็นหลายเท่า เรียกได้ว่าอะไรคือความกลัวที่อยู่ใต้จิตสำนึก สมองแทบจะเค้นออกหมด มันทำให้เราจินตนาการถึงสิ่งที่เรากลัวมากที่สุดอัตโนมัติ
ซึ่งดิฉันเคยผ่านประสบการณ์ความกลัวขึ้นสมองนี้มาแล้ว55555 (ไม่รู้ว่าคนอื่นที่ฝันลูซิดดรีมเป็นมั้ยนะ) ดิฉันถึงขนาดไม่กล้านอนเพราะกลัวว่าจะฝันไปหลายวันเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็นึกกลัวอยู่ แต่น้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะพยายามีสติมากขึ้น
จึงอยากจะขอเตือนทุกท่านว่า หากท่านอยากจะฝึกเป็นนักผจญภัยความฝัน หรือฝึกลูซิดดรีม คุณจะต้องเตียมใจให้พร้อม55555 มีอะไรมากมายที่จะทำให้ประหลาดใจได้ตลอด การนั่งสมาธิวันละ1ชม. สามารถช่วยทำให้จิตแข็งแรงขึ้น สามาถเข้าสู่ลูซิดดรีมง่ายขึ้น มันช่วยได้มากค่ะ พอเรามีสติ รู้ตัวอยู่ตลอด ปัญญาจะเกิด เป็นความกระจ่างแจ้ง เราจะรับรู้ได้ถึงความเป็นไปของสิ่งที่กำลังเกิด จะหาวิธีรับมือกับมัน แล้วความหวาดระแวงจะน้อยลง เราจะสามารถฝันได้นาน และสำรวจโลกในความฝันได้ไกลมากขึ้น
แต่ปัจจุบัน ดิฉันไม่ค่อยมีอาการผีอำแล้ว เหมือนสมองกับร่างการของดิฉันรู้วิธีรับมือกับสภาวะนั้น มันเลยไม่ค่อยเกิดขึ้น เฉลี่ยเดือนนึงจะเกิดแค่ครั้งสองครั้ง
แต่ดิฉันก็พยายามหาวิธีอื่นๆที่จะทำให้เกิดลูซิดดรีม ไม่ว่าจะเป็นวิธีต่างๆที่เขาฝึกกันตามอินเตอร์เน็ต จดบันทึกความฝันบ้าง พยายามบอกตัวเองว่าฉันจะรู้ตัวว่าฝัน ฉันจะรู้ตัวว่าฝัน แต่มันได้ผลแค่ครั้งเดียว ส่วนใหญ่ไม่ได้ผล 55555
คือหงิดหงุดทุกครั้งที่ต้องตื่นมาแล้วบ่นกับตัวเองว่า ทำไมไม่สังเกตุตรงนั้นตรงนี้ เช่นห้องนอนของดิฉันในความเป็นจริงหน้าต่างมันไม่ใช่แบบนี้ -..- คือองค์ประกอบในฝันมันจะมีอะไรที่ผิดๆเพี้ยนๆจากความจริงอยู่ เพียงแค่เราสังเกตุเห็นเราก็จะรู้เลย แต่การพลาดบ่อยๆมันก็ดี ทำให้ดิฉันมีประสบการณ์ แล้วก็ยอมรับความจริง ว่าวิธีนี้ดิฉันทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ เลยต้องหาวิธีใหม่ ซึ่งดิฉันก็ค้นพบวิธีฝันลูซิดดรีมแบบที่ไม่ต้องพึ่งอาการผีอำ หรือคอยบอกกับตัวเองก่อนนอนว่าจะรู้ตัวว่าฝัน
แต่วิธีนี้ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าลูซิดดรีมแบบผีอำค่ะ เพราะจากอาการผีอำคือเรารู้ตัวตั้งแต่เริ่มนอน มันมีขั้นตอนไปตามสเตป คือ เคลิ้มหลับ >> ผีอำ >> จิตออกจากร่างเข้าสู่ลูซิดดรีม แต่วิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือการใช้สติสัมปชัญญะล้วนๆ มันยากกว่า และประสิทธิภาพน้อยกว่า เพราะมีทั้งโอกาสเกิดและไม่เกิด วิธีนี้ต้องอาศัยสติและการฝึกฝน
ซึ่งการฝันแบบนอนหลับทั่วไป คือเราจะไม่รู้ตัวหรอกว่าฝัน เราจะรู้ว่าฝันได้ก็ต่อเมื่อสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติ แต่ณ ขณะที่ฝันนั้นใครมันจะไปนึกขึ้นได้ว่าต้องสังเกตุหาสิ่งผิดปกติ5555 นี่แหละตรงที่มันยาก อย่างที่บอก วิธีนี้ดิฉันทำได้แค่ครั้งเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในฝันครั้งนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นจริงไปหมาดๆ(คืนงานวันเกิด) ในฝันดิฉันเห็นเค้กซึ่งมันเป็นเค้กคนละแบบกับที่พึ่งเป่าไป ตอนแรกก็งงๆ นึกอยู่นาน ก่อนจะเริ่มเอะใจ และรู้ว่ากำลังฝันแน่ๆ และจากนั้นรู้สึกตื่นเลย การฝันลูซิดดรีมลักษณะนี้จะฝันได้ไม่นาน ดิฉันเลยลองวิธีใหม่
คือก่อนนอน ดิฉันจะนอนสมาธิ เหมือนนั่งสมาธิเลยค่ะ หายใจเข้าพุท หายใจออกโท หรือนับเลขตามจังหวะการเต้นของหัวใจ นับได้ซัก300 สมาธิจะเริ่มนิ่ง แล้วหยุดนับ เราจะเริ่มกึ่มๆ เริ่มง่วง และมันจะมีความรู้สึกหวื้ดๆแบบกำลังจะหวืดหลับอะค่ะ เคยรู้สึกมั้ย ลองสังเกตุอาการนี้ดู เป็นตอนที่สติกำลังจะไปแล้ว มันจะเกิดขึ้นเพียงแว๊บหนึ่ง และไวมากๆ ซึ่งตอนนี้แหละให้พยายามตั้งสติดีๆ อย่าเผลอหลับเด็ดขาด ถ้าพลาดก็คือหลับเลย (ดิฉันก็พลาดบ่อยมากค่ะ555)
ถ้าทำได้เราจะรู้ตัวว่าร่างกายกำลังเข้าสู่โหมดนอนหลับ คือเริ่มรู้สึกเหมือนส่วนหัวกับส่วนลำตัวมันแยกออกจากกัน คือตั้งแต่คอลงไปจะเริ่มนิ่งๆลอยๆแบบไม่มีความรู้สึก แต่ที่ยังรู้สึกว่ามันมีความรู้สึกก็เพราะได้เข้าสู่ลูซิดดรีมแล้ว ประมาณว่าไอ้ที่กำลังรู้สึกอยู่นั่นคือร่างกายในความฝันค่ะ ร่างกายจริงหลับอยู่ ทีนี้ก็อย่าตื่นเต้น อย่าตื่นตระหนก ค่อยๆลืมตาและขยับร่างกายดู คุณจะพบว่าวิญญาณได้หลุดจากร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อิอิ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ทั้งหมดเป็นแค่ความฝันค่ะ ถ้ารู้สึกกลัวปุ๊บจะตื่นเลย กฏของของนักท่องความฝันคือ ห้ามกลัว!
เมื่อออกจากร่างได้แล้วทุกอย่างมันจะเบาหวิวแบบสามารถเดินกึ่งลอยได้เลยประมาณนั้น กระโดดทีนึงพุ่งขึ้นฟ้า5555 (อันนี้จะทำได้ต้องฝึกนะ เพราะธรรมชาติของคนเราเมื่ออยู่ที่สูงทุกคนมักจะกลัวตก แรกๆการจะเหาะได้มันก็ยากหน่อย ถึงทำได้ก็แปบเดียวล่วง เพราะตอนมองลงไปเผลอนึกกลัวตกขึ้นมาเฉย555 เลยสะดุ้งตื่นซะก่อน เพราะฉะนั้นสติจึงสำคัญมาก พึงระลึกเสมอว่านี่คือความฝัน แล้วเราจะไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น อิอิ
เสริมนิดนึง* คือดิฉันก็ไม่ทราบจริงๆว่ากระบวนการจิตตื่น หรือลูซิดดรีมจริงๆแล้วมันคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง (สมองทำงานสัมพันธ์กับระบบต่างๆในร่างกาย กายภายนอกสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมส่งข้อมูลไปวิเคราะห์ในสมอง สมองปล่อยสารเคมีส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ควบคุมการแสดงออกพฤติกรรม แต่อะไรส่งข้อมูลให้สมองในขณะที่ร่างกายหลับ เรามีความรู้สึกและรับรู้ได้แทบเสมือนจริง100%ขณะฝัน ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันมันเป็นแค่กระบวนการทางสมอง (ดึงข้อมูลมาจากความทรงจำ) โดยปราศจากตัวกลางอย่างร่างกายที่ใช้เป็นสื่อสัมผัส ซึ่งด้วยกลไกเหล่านี้ ดิฉันก็งงนิดๆ ว่าสมองมันทำงานยังไง ถ้าสมองสามารถจำลองความความรู้สึกเสมือนจริงได้ขนาดนี้ ร่างกายเนื้อหนังยังจำเป็นอยู่มั้ย?)
ในสมองยังมีอะโรที่นอกเหนือจากเซลล์ประสาทและสารเคมี? ไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องจิต พลังงานที่มีอยู่จริงในจักรวาลให้ฟังค่ะ
มีอะไรอยู่ในสมองของมนุษย์? ||แชร์ประสบการณ์ การฝันแบบ Lucid dream||
ครั้งแรกที่เป็น มันเกิดขึ้นตอนช่วงปิดเทอมวัยมัธยม ช่วงนั้นติดเกมออนไลน์มาก นอนดึกบ่อย บางทีนอนเช้า บางทีไม่นอนเลยสองสามวัน พอนอนไม่พอ นอนไม่เป็นเวลามันเลยง่วงบ่อย เพลีย และงีบได้ตลอดทั้งวัน (แต่จะคึกตอนเล่นเกมทุกที สมัยนั้นบ้าเกมแนวเก็บเวล ต้องอาศัยความขยัน ยิ่งเวลสูงยิ่งเก่งทำนองนั้นค่ะมันสนุกมากจนไม่หลับไม่นอน เพราะแข่งกันกับเพื่อน)
ครั้งแรกที่ดิฉันได้รู้จักกับอาการลูซิดดรีมคือ นอนอยู่แล้วมีอาการที่เรียกว่าผีอำ ขยับตัวไม่ได้ ปกติคนที่เกิดอาการนี้ก็จะพยายามดิ้นสู้ ดิฉันก็ดิ้นสู้ ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็เหมือนไม่มีแรง เหนื่อยมาก แต่สุดท้ายก็สู้ได้ทุกครั้ง คือพยายามสะบัดหัว ถ้าขยับหัวอาการนี้จะหลุดเอง แต่ถ้าหลุดแล้วอย่านอนต่อทันที เพราะจะถูกอำอีก ให้ลุกนั่ง หรือเดินไปกินน้ำให้สดชื่น แต่ก็ไม่รับประกันว่าพอกลับมานอนอีกแล้วจะไม่โดนอำอีกนะคะ ในกรณีของดิฉันนั้นเป็นบ่อยมาก ช่วงแรกเป็นทุกครั้งที่ใกล้จะเคลิ้มหลับ จนดิฉันปล่อยให้ตัวเองโดนอำไปเลย แบบไม่ขืนสู้ ปล่อยมัน ลองดูว่าจะเป็นยังไง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ ร่างกายมันหนักมากๆ เหมือนมีอะไรมาทับจนตัวดิฉันจมลงไปลงไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่อึดอัดแบบเหมือนจะขาดใจ หายใจไม่ออก ช่วงเวลานี้คือผ่านไปยากมาก หลักๆเลยเพราะความรู้สึกกลัวตาย ยิ่งกลัวก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด คือดิฉันต้องพยายามตั้งสติ พยายามไม่ตื่นตระหนก พยายามหายใจ พยายามสงบสติให้ได้
พอผ่านช่วงนี้ไปได้ ร่างกายจะรู้สึกโล่ง เบาหวิวมาก เหมือนไร้มวลใดๆ ไร้น้ำหนัก เหมือนเป็นวิญญาณ (ไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ คือเหมือนวิญญาณมันหลุดลอยออกจากร่างค่ะ) ซึ่งแบบนี้เรียกว่าเข้าสู่ฝันลูซิดดรีมแล้ว
ตอนแรกดิฉันก็ไม่รู้ว่านี่คือฝัน เพราะความรู้สึกมันต่อเนื่องจากความจริง กล่าวคือ ดิฉันงีบอยู่ยังไม่หลับสนิท>> เกิดอาการผีอำ>> แล้ววิญญาณก็หลุดจากร่าง>> หันไปเห็นตัวเองนอนอยู่ ครั้งแรกคือตกใจมาก WTF!! หัวใจมันเต้นแรงเกินเหตุจนร่างกายจริงๆของดิฉันรู้ตัว แล้วก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น ตอนนั้นจึงได้ตรัสรู้ว่าตัวเองแค่ฝันไป โล่งอก
ผีอำครั้งต่อมาดิฉันก็พยายามควบคุมสติ คือจิตต้องนิ่งมากเพื่อผ่านช่วงผีอำไปให้ได้ (นั่งสมาธิช่วยได้) ฝันลูซิดดรีมเป็นอะไรที่สนุกสนานมาก ทำได้ทุกอย่าง จะเหาะเหินเดินอากาศ คือทำได้หมด (แต่ดิฉันไม่เคยไปถึงนอกอวกาศ แบบมองเห็นทั้งกาแล็กซี่อะไรแบบนั้น ทำได้มากสุดแค่ลอยอยู่ในที่มืดๆ แต่ถ้าฝึกจนเก่งอาจจะทำได้ อยากไปเห็นขอบจักรวาลเหมือนกัน555
ขอแค่อย่าตื่นตระหนก อย่าตกใจเกินเหตุเวลาเห็นอะไร หรือสามรถทำอะไรที่ผิดธรรมชาติ อะไรที่ขัดหลักความเป็นจริงของโลกใบนี้ เพราะความตื่นเต้น และอัตราเต้นของหัวใจมีผลทำให้รู้สึกตัวตื่นจากฝันง่ายมาก และที่สำคัญที่สุดคืออย่ารู้สึกกลัว เพราะว่าความกลัวในขณะที่กำลังฝันลูซิดดรีมมันน่ากลัวมากกว่าความกลัวปกติมาก
ดิฉันจะอธิบายให้ฟัง ขณะฝันลูซิดดรีมสมองเราจะรู้สึกเกินขอบเขตความเป็นจริง บางอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ความกลัวอธิบายได้ คือมันจะทวีคูณจากเดิมเป็นหลายเท่า เรียกได้ว่าอะไรคือความกลัวที่อยู่ใต้จิตสำนึก สมองแทบจะเค้นออกหมด มันทำให้เราจินตนาการถึงสิ่งที่เรากลัวมากที่สุดอัตโนมัติ
ซึ่งดิฉันเคยผ่านประสบการณ์ความกลัวขึ้นสมองนี้มาแล้ว55555 (ไม่รู้ว่าคนอื่นที่ฝันลูซิดดรีมเป็นมั้ยนะ) ดิฉันถึงขนาดไม่กล้านอนเพราะกลัวว่าจะฝันไปหลายวันเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็นึกกลัวอยู่ แต่น้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะพยายามีสติมากขึ้น
จึงอยากจะขอเตือนทุกท่านว่า หากท่านอยากจะฝึกเป็นนักผจญภัยความฝัน หรือฝึกลูซิดดรีม คุณจะต้องเตียมใจให้พร้อม55555 มีอะไรมากมายที่จะทำให้ประหลาดใจได้ตลอด การนั่งสมาธิวันละ1ชม. สามารถช่วยทำให้จิตแข็งแรงขึ้น สามาถเข้าสู่ลูซิดดรีมง่ายขึ้น มันช่วยได้มากค่ะ พอเรามีสติ รู้ตัวอยู่ตลอด ปัญญาจะเกิด เป็นความกระจ่างแจ้ง เราจะรับรู้ได้ถึงความเป็นไปของสิ่งที่กำลังเกิด จะหาวิธีรับมือกับมัน แล้วความหวาดระแวงจะน้อยลง เราจะสามารถฝันได้นาน และสำรวจโลกในความฝันได้ไกลมากขึ้น
แต่ปัจจุบัน ดิฉันไม่ค่อยมีอาการผีอำแล้ว เหมือนสมองกับร่างการของดิฉันรู้วิธีรับมือกับสภาวะนั้น มันเลยไม่ค่อยเกิดขึ้น เฉลี่ยเดือนนึงจะเกิดแค่ครั้งสองครั้ง
แต่ดิฉันก็พยายามหาวิธีอื่นๆที่จะทำให้เกิดลูซิดดรีม ไม่ว่าจะเป็นวิธีต่างๆที่เขาฝึกกันตามอินเตอร์เน็ต จดบันทึกความฝันบ้าง พยายามบอกตัวเองว่าฉันจะรู้ตัวว่าฝัน ฉันจะรู้ตัวว่าฝัน แต่มันได้ผลแค่ครั้งเดียว ส่วนใหญ่ไม่ได้ผล 55555
คือหงิดหงุดทุกครั้งที่ต้องตื่นมาแล้วบ่นกับตัวเองว่า ทำไมไม่สังเกตุตรงนั้นตรงนี้ เช่นห้องนอนของดิฉันในความเป็นจริงหน้าต่างมันไม่ใช่แบบนี้ -..- คือองค์ประกอบในฝันมันจะมีอะไรที่ผิดๆเพี้ยนๆจากความจริงอยู่ เพียงแค่เราสังเกตุเห็นเราก็จะรู้เลย แต่การพลาดบ่อยๆมันก็ดี ทำให้ดิฉันมีประสบการณ์ แล้วก็ยอมรับความจริง ว่าวิธีนี้ดิฉันทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ เลยต้องหาวิธีใหม่ ซึ่งดิฉันก็ค้นพบวิธีฝันลูซิดดรีมแบบที่ไม่ต้องพึ่งอาการผีอำ หรือคอยบอกกับตัวเองก่อนนอนว่าจะรู้ตัวว่าฝัน
แต่วิธีนี้ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าลูซิดดรีมแบบผีอำค่ะ เพราะจากอาการผีอำคือเรารู้ตัวตั้งแต่เริ่มนอน มันมีขั้นตอนไปตามสเตป คือ เคลิ้มหลับ >> ผีอำ >> จิตออกจากร่างเข้าสู่ลูซิดดรีม แต่วิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือการใช้สติสัมปชัญญะล้วนๆ มันยากกว่า และประสิทธิภาพน้อยกว่า เพราะมีทั้งโอกาสเกิดและไม่เกิด วิธีนี้ต้องอาศัยสติและการฝึกฝน
ซึ่งการฝันแบบนอนหลับทั่วไป คือเราจะไม่รู้ตัวหรอกว่าฝัน เราจะรู้ว่าฝันได้ก็ต่อเมื่อสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติ แต่ณ ขณะที่ฝันนั้นใครมันจะไปนึกขึ้นได้ว่าต้องสังเกตุหาสิ่งผิดปกติ5555 นี่แหละตรงที่มันยาก อย่างที่บอก วิธีนี้ดิฉันทำได้แค่ครั้งเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในฝันครั้งนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นจริงไปหมาดๆ(คืนงานวันเกิด) ในฝันดิฉันเห็นเค้กซึ่งมันเป็นเค้กคนละแบบกับที่พึ่งเป่าไป ตอนแรกก็งงๆ นึกอยู่นาน ก่อนจะเริ่มเอะใจ และรู้ว่ากำลังฝันแน่ๆ และจากนั้นรู้สึกตื่นเลย การฝันลูซิดดรีมลักษณะนี้จะฝันได้ไม่นาน ดิฉันเลยลองวิธีใหม่
คือก่อนนอน ดิฉันจะนอนสมาธิ เหมือนนั่งสมาธิเลยค่ะ หายใจเข้าพุท หายใจออกโท หรือนับเลขตามจังหวะการเต้นของหัวใจ นับได้ซัก300 สมาธิจะเริ่มนิ่ง แล้วหยุดนับ เราจะเริ่มกึ่มๆ เริ่มง่วง และมันจะมีความรู้สึกหวื้ดๆแบบกำลังจะหวืดหลับอะค่ะ เคยรู้สึกมั้ย ลองสังเกตุอาการนี้ดู เป็นตอนที่สติกำลังจะไปแล้ว มันจะเกิดขึ้นเพียงแว๊บหนึ่ง และไวมากๆ ซึ่งตอนนี้แหละให้พยายามตั้งสติดีๆ อย่าเผลอหลับเด็ดขาด ถ้าพลาดก็คือหลับเลย (ดิฉันก็พลาดบ่อยมากค่ะ555)
ถ้าทำได้เราจะรู้ตัวว่าร่างกายกำลังเข้าสู่โหมดนอนหลับ คือเริ่มรู้สึกเหมือนส่วนหัวกับส่วนลำตัวมันแยกออกจากกัน คือตั้งแต่คอลงไปจะเริ่มนิ่งๆลอยๆแบบไม่มีความรู้สึก แต่ที่ยังรู้สึกว่ามันมีความรู้สึกก็เพราะได้เข้าสู่ลูซิดดรีมแล้ว ประมาณว่าไอ้ที่กำลังรู้สึกอยู่นั่นคือร่างกายในความฝันค่ะ ร่างกายจริงหลับอยู่ ทีนี้ก็อย่าตื่นเต้น อย่าตื่นตระหนก ค่อยๆลืมตาและขยับร่างกายดู คุณจะพบว่าวิญญาณได้หลุดจากร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อิอิ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวว่าวิญญาณจะกลับเข้าร่างไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ทั้งหมดเป็นแค่ความฝันค่ะ ถ้ารู้สึกกลัวปุ๊บจะตื่นเลย กฏของของนักท่องความฝันคือ ห้ามกลัว!
เมื่อออกจากร่างได้แล้วทุกอย่างมันจะเบาหวิวแบบสามารถเดินกึ่งลอยได้เลยประมาณนั้น กระโดดทีนึงพุ่งขึ้นฟ้า5555 (อันนี้จะทำได้ต้องฝึกนะ เพราะธรรมชาติของคนเราเมื่ออยู่ที่สูงทุกคนมักจะกลัวตก แรกๆการจะเหาะได้มันก็ยากหน่อย ถึงทำได้ก็แปบเดียวล่วง เพราะตอนมองลงไปเผลอนึกกลัวตกขึ้นมาเฉย555 เลยสะดุ้งตื่นซะก่อน เพราะฉะนั้นสติจึงสำคัญมาก พึงระลึกเสมอว่านี่คือความฝัน แล้วเราจะไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น อิอิ
เสริมนิดนึง* คือดิฉันก็ไม่ทราบจริงๆว่ากระบวนการจิตตื่น หรือลูซิดดรีมจริงๆแล้วมันคืออะไร เกิดขึ้นได้ยังไง (สมองทำงานสัมพันธ์กับระบบต่างๆในร่างกาย กายภายนอกสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมส่งข้อมูลไปวิเคราะห์ในสมอง สมองปล่อยสารเคมีส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ควบคุมการแสดงออกพฤติกรรม แต่อะไรส่งข้อมูลให้สมองในขณะที่ร่างกายหลับ เรามีความรู้สึกและรับรู้ได้แทบเสมือนจริง100%ขณะฝัน ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันมันเป็นแค่กระบวนการทางสมอง (ดึงข้อมูลมาจากความทรงจำ) โดยปราศจากตัวกลางอย่างร่างกายที่ใช้เป็นสื่อสัมผัส ซึ่งด้วยกลไกเหล่านี้ ดิฉันก็งงนิดๆ ว่าสมองมันทำงานยังไง ถ้าสมองสามารถจำลองความความรู้สึกเสมือนจริงได้ขนาดนี้ ร่างกายเนื้อหนังยังจำเป็นอยู่มั้ย?)
ในสมองยังมีอะโรที่นอกเหนือจากเซลล์ประสาทและสารเคมี? ไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องจิต พลังงานที่มีอยู่จริงในจักรวาลให้ฟังค่ะ