JJNY : เครียดตกงาน ปลิดชีวิตดับ│คนจีนปลูกทุเรียนสำเร็จ!│ยันจัดม็อบ 10 สิงหา ใต้กรอบกม.│ไทเปจวกจีน ซ้อมบุกโจมตีไต้หวัน

ชายวัย 48 เครียดตกงาน ขาดรายได้ ปลิดชีวิตดับในรถ มีซากน้องหมาอยู่เคียงข้าง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3492411
  
เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 6 สิงหาคม ร.ต.ท.กรกฤษฎิ์ ปรึกษากร รอง สว.(สอบสวน) สภ.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุชาย รมควันเสียชีวิต อยู่ภายในรถยนต์จอดไว้ในพื้นที่โล่งริมคลองแม่กลอง ฝั่งตรงข้ามวัดน้อยเสงจันทร์ พื้นที่หมู่ 5 ต.นางตะเคียน อ.เมืองสมุทรสงคราม จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กู้ภัยมูลนิธิสรรพราเชนสมุทรสงคราม รีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
 
เบื้องต้นพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า CHR ไฮบริด สีบรอนซ์เทา เครื่องยนต์ยังติดอยู่ แต่ประตูล๊อค เจ้าหน้าที่จึงทุบกระจกด้านหลังเปิดประตูเข้าไปตรวจสอบพบศพ นายศรัณย์กร (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ชาว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง นุ่งกางเกงสีดำ ปรับเบาะนอนเสียชีวิตบนเบาะฝั่งคนขับ โดยตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร้าย เบาะหลังฝั่งข้างคนขับ พบเตาอั้งโล่ และถ่านหุงต้มจำนวนหนึ่ง ที่อยู่ในเตาและถูกเผาไหม้ไปแล้ว คาดว่าผู้ตายคงรมควันฆ่าตัวตาย
 
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบสุนัขพันธุ์ชิสุ เพศผู้ สีน้ำตาล นอนเสียชีวิตบนพื้นบริเวณเบาะหลังฝั่งข้างคนขับ และพบขวดและกระป๋องเบียร์อยู่ในรถจำนวนหนึ่ง โดยมีน้องสาวร่ำไห้เสียใจ

สอบถามน้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า นายศรัณย์กรทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่ต่างจังหวัด โดยไม่ได้กลับบ้านมานานหลายปี แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ตกงานขาดรายได้จึงเครียดไม่ยอมพูดยอมจากับใคร ก่อนเกิดเหตุ ญาติๆ พยายามโทรหา แต่นายศรัณย์กร ก็ไม่ยอมรับสายกระทั่งมาทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่
 
ตรวจสอบเฟซบุ๊ก ของนายศรัณย์กร โพสต์เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ข้อความว่า “หมดเวลา” ซึ่งเข้ามีเพื่อนๆเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจจำนวนมาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายเกิดความเครียดจากการตกงานขาดรายได้ ประกอบกับเป็นคนรักสุนัข จึงพาสุนัขมาเป็นเพื่อน กินเบียร์ย้อมใจ และจุดเตาถ่านรมควัน เสียชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
  

  
ส่งออกทุเรียนไทยแสนล้านสะเทือน คนจีนปลูกทุเรียนสำเร็จ!
https://www.prachachat.net/economy/news-1005934

“ทุเรียน” ราชาผลไม้ ที่สร้างรายได้ส่งออกให้ประเทศไทยปีละกว่า 1 แสนล้านบาท กำลังถูกท้าทาย เมื่อ “จีน” ในฐานะลูกค้ารายใหญ่ประกาศความสำเร็จการทดลองปลูกทุเรียนสายพันธุ์มูซานคิง และพันธุ์หนามดํา เตรียมเก็บผลผลิตตุลาคมนี้
 
วันที่ 6 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทย ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เปิดเผยว่า เกษตรกรมณฑลม้าวหมิง  มณฑลกวางตุ้งประสบความสําเร็จในการปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงและพันธุ์หนามดํา ที่นําต้นกล้ามาจากมาเลเซีย โดยพบว่าต้นทุเรียนออกผลผลิตออกมาครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2565 หลังจากได้เริ่มทดลองปลูกเมื่อปี 2561
 
สำหรับพื้นที่ทดลองปลูกทุเรียนทั้งสองพันธุ์ ตั้งอยู่ที่ตําบลกวนจู เมืองม้าวหมิง เป็นสวนผลไม้ของนายเติ้ง ยู่เฉียง (Deng Yuqiang) มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 300 หมู่ (ประมาณ 125 ไร่) โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปลูกลิ้นจี่และไม้กฤษณา 200 หมู่ (ประมาณ 83.33 ไร่)
  
และพื้นที่ทดลองปลูกทุเรียน 900 หมู่ (ประมาณ 41.66 ไร่) ปัจจุบันมีต้นกล้าที่ติดตาต่อกิ่งแล้ว จํานวน 20,000 ต้น และคาดว่าจะติดตาต่อกิ่งเพิ่มเติมจนครบ 200,000 ต้นในอนาคต
 
ทั้งนี้ในช่วงก่อนเริ่มต้นการทดลองปลูกทุเรียน นายเติ้ง ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรจีนตอนใต้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรชั้นนําของจีน ที่นครกว่างโจว รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซียมาให้คําปรึกษาและแนะนําเกี่ยวกับการทดลองเพาะปลูกทุเรียน
 
นายเติ้งกล่าวว่า พื้นที่ทดลองปลูกทุเรียนนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่มีแผนที่จะพัฒนาสายพันธุ์มูซานคิงและหนามดําจากมาเลเซียเท่านั้น เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ทุเรียนที่มีราคาในตลาดค่อนข้างสูง
 
ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564 จีนนำเข้าทุเรียนจำนวน 809,200 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,132 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 144,620 ล้านบาท) ถือเป็นทั้งปริมาณและมูลค่าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
 
นอกจากนี้พบว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ความต้องการบริโภคทุเรียนที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ราคานำเข้าทุเรียนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยในปี 2563 ราคานำเข้าทุเรียนในจีนเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 4 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม (ประมาณ 140 บาทต่อกิโลกรัม) และในปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.11 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม (ประมาณ 178.85 บาทต่อกิโลกรัม) และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ยังเป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง และการผ่านขั้นตอนพิธีการ ศุลกากรต่าง ๆ จึงทำให้ราคานำเข้าทุเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
จากมูลค่าการนําเข้าทุเรียนอันมหาศาลนี้ ทําให้เกษตกรจีนเริ่มหันมาให้ความสนใจทดลองปลูกทุเรียน โดยเมื่อปี 2557 เกษตรกรจีนทดลองเพาะปลูกทุเรียนโดยใช้ต้นกล้าที่นําเข้ามาจากเวียดนามเป็นครั้งแรกที่มณฑลไห่หนาน ซึ่งเพาะปลูกเป็นผลสําเร็จเมื่อปี 2562
 
ดังนั้นการทดลองปลูกทุเรียนที่เมืองม้าวหมิงนับในครั้งนี้ จึงถือเป็นความสําเร็จในการทดลองปลูกทุเรียนครั้งที่ 2 ของจีน
 
ทั้งนี้จากความนิยมบริโภคทุเรียนของชาวจีน ทำให้เกษตรกรจีนให้ความสนใจการทดลองปลูกทุเรียนมาก แน่นอนว่าประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศผู้ส่งออกทุเรียนรายใหญ่สู่ประเทศจีน กำลังถูกท้าทาย
 
ขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การขยายตลาดเป้าหมายการส่งออกแห่งใหม่นอกจากประเทศจีน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาจีนเพียงตลาดเดียว เพราะปัจจุบันการส่งออกผลไม้ของไทยทั้งทุเรียน มังคุด ลำไย พึ่งพาตลาดจีนเป็นหลัก
 

 
แนวร่วม-สภานศ.มธ. ยันจัดม็อบ 10 สิงหา ใต้กรอบกม. เรียกรวมพลสร้าง ปวศ. ‘ลานพญานาค’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3492545

แนวร่วม-สภานศ.มธ. ยันจัดม็อบ 10 สิงหา ใต้กรอบกม. เรียกรวมพลสร้าง ปวศ. ‘ลานพญานาค’
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ สภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พรรคโดมปฏิวัติ, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จัดงานแถลงข่าว ‘กิจกรรมชุมนุม 10 สิงหาคม 2565’ นำโดย นายศรัณย์ สัชชานนท์ รองประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรัณย์เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ความว่า พวกเราตัวแทนจากสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และตัวแทนจากแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เรามาอยู่ที่นี่ในวันนี้เพราะมีจุดประสงค์เพื่อประกาศข้อความไปยังประชาชนทุกคน โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้เวลา 17.00 น. เราขอนัดหมายทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเป็นสักขีพยานแด่ก้าวต่อไปของประชาธิปไตย ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จุดประสงค์ของเราคือ การระลึกถึงเจตนารมณ์ของ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ดำรงอยู่เคียงคู่กับจิตวิญญาณแห่งประชาธิปไตยตลอดมา เพื่อย้ำเตือนต่อประชาคมธรรมศาสตร์และประชาชนว่า ธรรมศาสตร์จะยังคงยืนหยัดเป็นหลักชัย เคียงข้างไปกับประชาชน และร่วมต่อสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ไม่มีการโอนอ่อนและยอมจำนนแก่ความไม่ยุติธรรมและอุปสรรคใดๆ ที่มาขวางกั้น
 
ในวันนั้น เราจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาในการแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยสันติวิธี โดยที่ทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย และเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงการมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสังคม ถึงแม้ว่าการแสดงออกในครั้งนี้จะถูกขัดขวางในทุกๆ กระบวนการจากทางมหาวิทยาลัย ที่มักจะสมาทานตนเองว่า เป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ก็ยืนหยัดที่จะต่อต้านการกระทำอันขาดเขลาและหวาดกลัวต่ออำนาจที่ไม่ยุติธรรมในมหาวิทยาลัย โดยยืนยันที่จะดำเนินการจัดงานนี้อย่างภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของประชาชน ที่ไม่ยอมศิโรราบให้เกิดการกดขี่ใดใด
 
นายศรัณย์กล่าวต่อไปว่า และเราขอยืนยันว่า การจัดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ผู้จัดได้คำนึงถึงเงื่อนไขและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะให้กิจกรรมเกิดขึ้น อย่างเป็นไปโดยชอบตามข้อกำหนดของกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ
 
“วันนี้เราขอให้คำมั่นอย่างซื่อตรงว่าๆ การกระทำทั้งปวงเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สุดท้ายนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้คนมากหน้าหลายตาจะมาเดินกันถนนสายเดียวกัน เพื่อเป็นสักขีพยานและเป็นบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ร่วมกัน ณ ลานพญานาคมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เวลา 17.00 น เป็นต้นไป ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้
 
นายศรัณย์กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝาก 1 บทกลอน เพื่อนักศึกษาและประชาคมธรรมศาสตร์แ ละประชาชนทุกคน

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ดั้นด้นทุรนทุราย
ตะกายไขว่คว้าเสรี
 
ฉันจึงนัดพบเพื่อนใหม่
ร่วมเดิน ร่วมเป็นสักขี
ณ ลานมวลชนแห่งนี้
ด้วยรัก ด้วยมีอุดมการณ์
 
จากนั้น ตัวแทนนักศึกษาอีกราย อ่านแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีเนื้อหาใจความเดียวกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่