คนใต้หวันจะเป็นชาวบ้านบางระจันหมดยุคพึ่งทหารโจร

กระทู้คำถาม
เพื่อนที่รู้ว่าผมอยู่ที่ไต้หวัน ต่างส่งข้อความอันน่าตกใจมาหามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น "ผมหวังว่าคุณจะพกเสื้อเกราะกันกระสุนติดตัวไปด้วยนะ" และ “โรงแรมของคุณมีที่พักอยู่มีหลุมหลบภัยไหม”
พวกเขาคงได้เห็นข้อความอันเกรี้ยวกราดที่มาจากสื่อของรัฐจีน โดยเฉพาะสื่อใหญ่อย่าง Global Times และได้ข้อสรุปว่าการเยือนไต้หวันของ แนนซี เพโลซี อาจลงเอยอย่างไม่สู้ดีนัก 
นักวิชาการชาวจีนที่มีชื่อเสียงมากหลายรายในสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้เช่นเดียวกัน โดยอธิบายว่าการเยือนไต้หวันของเพโลซีครั้งนี้เป็นการ “ประมาทเลินเล่อ” และเตือนว่าอย่า “ต้อนให้ปักกิ่งต้องจนมุม”
แต่คนที่ไต้หวันไม่คิดเช่นนั้น 
แนนซี เพโลซี พบประธานาธิบดีไต้หวันครั้งประวัติศาสตร์
นักการเมืองหญิงที่กล้ากระตุกหนวดมังกร ด้วยการเยือนไต้หวัน
จีนประณามสหรัฐฯ งดซื้อสินค้าไต้หวัน หลังประธานสภาฯ แนนซี เพโลซี เยือนไทเป
ประธานาธิบดีจีนเตือนโจ ไบเดน อย่า "เล่นกับไฟ" กรณีไต้หวัน
เฟรดดี้ ลิม เป็นอดีตนักร้องเฮฟวีเมทัล และในปัจจุบันเขาเป็น ส.ส. ของพรรครัฐบาล ทุกวันนี้ เฟรดดี้เล่นกีฬา ตัดผมสั้น และสวมเสื้อเชิ้ตที่ดูภูมิฐาน แต่รอยสักจากวันวานที่เคยเป็นศิลปินยังคงมองเห็นได้จากใต้แขนเสื้อของเขา
“เรามีหลักการพื้นฐานที่จะต้อนรับนักการเมืองระดับสูงอย่างแนนซี เพโลซี ที่เดินทางมาไต้หวัน  ซึ่งมันสำคัญมาก นี่ไม่ใช่เป็นการยั่วยุจีน แต่เป็นการต้อนรับพันธมิตรตามปกติเหมือนกับประเทศอื่นๆ” เขากล่าว บีบีซี
นี่คือสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองหลักในไต้หวันเห็นด้วย
ชาล์ส เฉิน เป็น ส.ส. ของพรรค KMT (ก๊กมินตั๋ง) ฝ่ายค้านและอดีตโฆษกประธานาธิบดี
“ผมคิดว่าครั้ง นี้หากประธานฯ เพโลซี สามารถมาไต้หวันได้ มันจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับสหรัฐฯ ที่จะแสดงการสนับสนุนไต้หวัน ต่อประชาธิปไตยของไต้หวัน” เขากล่าว
จากมุมมองของไต้หวัน การมาถึงของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดอันดับสามในสหรัฐฯ มาถึงที่นี่มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์อย่างมาก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ทำให้การมาเยือนระดับสูงเป็นปกติ ซึ่งไต้หวันอยากเห็นอีกมาก โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 25 ปีที่แล้ว
HANDOUT
ไต้หวันแสดงแสงยานุภาพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่ายังล้าหลังมากเมื่อเทียบกับจีน
แต่การมาเยือนของแนนซี เพโลซี ด้วยตัวเองไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสถานะของไต้หวันในฐานะสังคมเสรีและประชาธิปไตยกำลังตกอยู่ในอันตราย
มีความตระหนักเพิ่มมากขึ้นว่าภัยคุกคามของจีนในการ "รวมเกาะอีกครั้งโดยใช้กำลังหากจำเป็น” จะเป็นเรื่องจริง และขณะนี้จีนมีขีดความสามารถทางทหารเหนือกว่าไต้หวันอย่างมากมาย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไต้หวันแสดงพลังทางทหารของตนในการซ้อมยิงจริงและการซ้อมรบทางอากาศและทางเรือที่มีชื่อว่า “ฮั่นกวง 38” เป็นเวลาห้าวัน
สำหรับผู้สังเกตการณ์ทั่วไป นี่เป็นการแสดงศักยภาพทางการทหารสมัยใหม่ที่น่าประทับใจ ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญพวกเขามองว่ามันเป็นการแสดงให้เห็นว่าไต้หวันตามหลังจีนไปไกลแค่ไหน
ไต้หวันมี รถถัง ปืนใหญ่ เครื่องบินขับไล่สภาพเก่า เรือรบขาดระบบเรดาร์และขีปนาวุธที่ทันสมัยที่สุด นอกจากนี้ยังไม่มีเรือดำน้ำที่ทันสมัย
มีข้อสงสัยเล็กน้อยว่าในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวว่าจีนจะชนะ แต่อะไรจะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้จีนเริ่มโจมตี สำหรับปักกิ่ง ฟางเส้นสุดท้ายคือการประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการของไต้หวัน
ชาล์ส เฉิน จากพรรคฝ่ายค้าน "ก๊กมินตั๋ง" กล่าวว่าการเยือนไต้หวันของเพโลซีจะแสดงการสนับสนุนไต้หวัน
นายเฉินกล่าวว่ารัฐบาลปัจจุบันของประธานาธิบดี ไช่ อิง-เหวิน และพรรคประชาธิปัตย์ก้าวหน้า (Democratic Progressive Party หรือ DPP) ของเธอใกล้จะถึงขั้นอันตรายแล้ว
“เงื่อนไขสำหรับปักกิ่งที่จะโจมตีไต้หวันอาจเป็นเพราะเชื่อว่าไต้หวันจะเป็นอิสระและไม่มีทางที่จะหันหลังกลับได้” เขากล่าว
“ดังนั้น หากในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไป ผู้สมัครจากพรรค DPP ชนะอีกครั้ง บางทีปักกิ่งอาจจะตัดสินใจโจมตีไต้หวันก่อนกำหนดเพื่อป้องกันไม่ให้ไต้หวันเป็นอิสระ”
นั่นเป็นการโต้เถียงกันแบบเอารัดเอาเปรียบจากพรรคพวกที่ต้องการกลับเข้าสู่อำนาจ แต่มันแสดงให้เห็นถึงเส้นแบ่งในการเมืองไต้หวัน
ด้านหนึ่งคือพรรค KMT ซึ่งต้องการรับรองปักกิ่งว่าไต้หวันจะไม่เปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ ในอีกทางหนึ่งคือคนอย่างเฟรดดี้ ลิม ซึ่งเชื่อว่าการทำให้จีนสงบลงนั้นล้มเหลว และคำตอบเดียวก็คือให้ไต้หวันมีแนวตั้งรับที่แข็งแกร่งกว่า
“เราพยายามเอาใจจีนมาหลายสิบปีแล้ว และมันเป็นการพิสูจน์ว่าเราไม่สามารถเอาใจพวกเขาได้” เขากล่าว
EPA
ชาวไต้หวันวิ่งหาที่หลบภัยในการฝึกซ้อมป้องกันภัยทางอากาศเมื่อต้นเดือนนี้
“หลังสงครามยูเครน ผลการสำรวจแสดงให้เห็นชัดเจนว่าชาวไต้หวันสนับสนุนให้มีการป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้น... โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แสดงเจตจำนงอันแข็งแกร่งที่จะปกป้องประเทศของเรา”
นายลิมพูดถูกที่สงครามยูเครนส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่ไต้หวัน
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่อาคารโรงงานร้างซึ่งห่างจากเมืองไทเปออกไปครึ่งชั่วโมง ผู้ซื่อข่าวบีบีซีได้ร่วมสังเกตการณ์ชายหนุ่มและหญิงสาวราว 30 คน เรียนรู้ทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ปืน โดยอาวุธที่ใช้ฝึกซ้อมนั้นเป็นปืนอัดลม ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับของจริง โดยบริษัทที่ฝึกอบรมนี้ดำเนินการโดยแม็กซ์ เชียง
“ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จำนวนผู้เข้าร่วมฝึกซ้อมเพิ่มขึ้น 50% และจำนวนผู้หญิงที่เข้าร่วมขณะนี้อยู่ที่ 40-50% ในบางชั้นเรียน" เชียงบอกผู้สื่อข่าว
“ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความจริงที่ว่าประเทศที่แข็งแกร่งกว่าสามารถบุกประเทศเพื่อนบ้านที่มีขนาดเล็กกว่า พวกเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนและมันแสดงให้เห็นว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่ได้”
แม็กซ์ เชียง ผู้จัดการฝึกอบรมเทคนิคการป้องกันตัวเองกล่าวว่ามีผู้สมัครเข้าเรียนของเขาเพิ่มขึ้น 50%
ในอาคารที่อยู่ติดกันกับสถานที่ฝึกซ้อมยิงปืน มีอีกกลุ่มที่ล้ำหน้ากว่ากำลังฝึกซ้อมการเผชิญสถานการณ์การต่อสู้บนท้องถนน กลุ่มนี้มีการอำพรางตัวเอง พร้อมชุดเกราะ หมวกกันกระสุน และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร
“ถ้าความตึงเครียดของเรากับจีนนำไปสู่สงคราม ฉันจะยืนขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว นั่นคือเหตุผลที่ฉันเรียนรู้การใช้ปืน” ลิซ่า เซื่อ ที่กำลังบรรจุกระสุนลงในปืนฝึกซ้อมของเธอกล่าว
“ผู้หญิงอย่างฉันไม่ไปออกต่อสู้ที่แนวหน้า แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้น เราจะได้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองเพื่อปกป้องบ้านของเราได้”
ผู้สื่อข่าวบีบีซีถามเธอว่า ทำไมเธอถึงคิดว่าการเตรียมตัวลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อไต้หวันเป็นเรื่องสำคัญ
“ฉันหวงแหนเสรีภาพของเรา เราอาศัยอยู่ในประเทศประชาธิปไตย ดังนั้น นี่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเรา และเราต้องรักษาค่านิยมเหล่านี้” เธอตอบ
"จีนเป็นประเทศที่ไม่มีสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ฉันจึงรู้สึกโชคดีที่เติบโตขึ้นมาในไต้หวัน"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่