การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความสนใจอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน โดยเฉพาะในประเด็นการค้าระหว่างประเทศและความสัมพันธ์กับไต้หวัน เขาเคยกล่าวว่า "หากจีนปิดล้อมไต้หวัน ผมจะตั้งกำแพงภาษีที่อัตรา 150% ถึง 200%"
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสารแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ "ยึดมั่นในหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย" สี จิ้นผิง ย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและประชาคมโลก
อย่างไรก็ตาม สี จิ้นผิง ได้เตือนว่า "การปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์การพัฒนาของจีนอย่างมั่นคงนั้นไม่เปลี่ยนแปลง" ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ในขณะที่ทรัมป์มั่นใจว่า สี จิ้นผิง จะไม่ท้าทายเขา โดยกล่าวว่า "สี จิ้นผิง เคารพผม และเขารู้ดีว่าผมเป็นเช่นไร"
ในฐานะผู้นำจีนยุคใหม่ สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เขาเชื่อว่า "จีนไม่สามารถพัฒนาโดยแยกตัวออกจากโลกได้ และโลกก็ต้องพึ่งพาจีนเพื่อการพัฒนาเช่นกัน" ดังนั้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนและสหรัฐฯ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโลกที่ยุติธรรมและยั่งยืน
การกลับมาของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง เป็นความท้าทายที่จีนต้องรับมือ โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ดังที่สี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า "ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ และความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ"
#AdvancedBizmedia #ABM #sarcasticanalysis #โดนัลด์ทรัมป์ #ทรัมป์ #DonaldTrump #ประธานาธิบดี #จีน #จีนและสหรัฐฯ #china
#สีจิ้นผิง
โดนัลด์ ทรัมป์มาแล้ว สี จิ้นผิง ย้ำ!!! พร้อมทำงานร่วมกันแต่อย่าล้ำเส้นจีน
การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างความสนใจอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่ง ทรัมป์ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน โดยเฉพาะในประเด็นการค้าระหว่างประเทศและความสัมพันธ์กับไต้หวัน เขาเคยกล่าวว่า "หากจีนปิดล้อมไต้หวัน ผมจะตั้งกำแพงภาษีที่อัตรา 150% ถึง 200%"
ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ส่งสารแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศ "ยึดมั่นในหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย" สี จิ้นผิง ย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและประชาคมโลก
อย่างไรก็ตาม สี จิ้นผิง ได้เตือนว่า "การปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์การพัฒนาของจีนอย่างมั่นคงนั้นไม่เปลี่ยนแปลง" ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ในขณะที่ทรัมป์มั่นใจว่า สี จิ้นผิง จะไม่ท้าทายเขา โดยกล่าวว่า "สี จิ้นผิง เคารพผม และเขารู้ดีว่าผมเป็นเช่นไร"
ในฐานะผู้นำจีนยุคใหม่ สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและการพัฒนาร่วมกัน เขาเชื่อว่า "จีนไม่สามารถพัฒนาโดยแยกตัวออกจากโลกได้ และโลกก็ต้องพึ่งพาจีนเพื่อการพัฒนาเช่นกัน" ดังนั้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างจีนและสหรัฐฯ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโลกที่ยุติธรรมและยั่งยืน
การกลับมาของทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง เป็นความท้าทายที่จีนต้องรับมือ โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืน พร้อมทั้งรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ดังที่สี จิ้นผิง ได้กล่าวว่า "ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ และความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ"
#AdvancedBizmedia #ABM #sarcasticanalysis #โดนัลด์ทรัมป์ #ทรัมป์ #DonaldTrump #ประธานาธิบดี #จีน #จีนและสหรัฐฯ #china
#สีจิ้นผิง