Whaddhup, homie?!
โอเค! เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว บทสุดท้ายขอพูดถึง โครงสร้างประโยค (sentence structure) โดยโฟกัสที่หัวข้อการเรียงคำ (word order) น่าจะช่วยเป็นพื้นฐานในการแต่งประโยคได้ดี (และไขข้อสงสัยให้เราได้ในหลาย ๆ เรื่อง)
มาดูกันเลย!
1) โครงสร้างประโยคให้ภาษาอังกฤษหลัก ๆ คือ "ประธาน (subject) + กริยา (verb) + กรรม (object)" โดย native speaker จะคิดง่าย ๆ ว่า 'กริยาจะอยู่ติดกับกรรม' เช่น He plays the piano very well. (เล่น + เปียโน) หรือ She loves her city very much. (รัก + เมืองของเธอ) เรามักจะไม่เจอโครงสร้างประเภท He plays very well the piano หรือ She loves very much her city เพราะมันจับใจความค่อนข้างยาก
2) ในประโยคไม่มีกรรม ส่วนมากก็เพราะสิ่งที่ตามหลัก verb มันเป็นส่วนขยาย ซึ่งอาจจะเป็น action (การกระทำ), time (เวลา), หรือ place (สถานที่ ตัวอย่างเช่น I want to sleep. (want + to sleep (to infinitive)) หรือ She went shopping yesterday. (went + shopping (gerund) + yesterday (time))
3) Native speaker มีวิธีเรียงส่วนขยายที่คล้ายกันคือ "สถานที่ + เวลา" (เราต้องพูดถึงสถานที่ก่อนเวลาเสมอ) ยกตัวอย่างเช่น John goes to the library (place) every weekend (time). (ไม่ใช่ John goes every weekend to the library แค่อ่านดูก็รู้สึกแปลกแล้ว 555) หรือ I have lived in this city for almost 15 years. (in this city = สถานที่ / for almost 15 years = ช่วงเวลา) *ไม่จำเป็นต้องเป็น เวลา เท่านั้น (tomorrow, 10 pm, last night) แต่เป็นช่วงเวลา (for 20 years, since August, for a while) ก็ได้
4) พูดถึงเรื่องการเรียงคำ มีอีกเรื่องที่น่าสนใจคือ "adjective order" (การจัดลำดับคำคุณศัพท์) ที่จะพูดถึงการเรียงส่วนขยายข้างหน้าคำนาม (คำคุณศัพท์) มีหลักการเรียงดังนี้ คำนำหน้านาม + ปริมาณ/จำนวน + คุณภาพ/ความคิดเห็น + ขนาด + รูปร่าง + อายุ + สี + เชื้อชาติ + วัสดุที่เป็นองค์ประกอบหลัก + จุดประสงค์ (determiner + quantity/number + quality/opinion + size + shape + age + colour + nationality + material + purpose)
5) ยกตัวอย่างคำแต่ละประเภท เช่น
- คำนำหน้านาม (determiner) - this, that, a, an, the, some etc.
- ปริมาณ/จำนวน (quantity/number) - one, two, three, some, many etc.
- คุณภาพ/คุณสมบัติ (quality) - good, best, standard, bad, worst, cheap etc. *บางทีอาจบอกว่านี่คือความคิดเห็น (opinion) ก็ได้
- ขนาด (size) - big, small, tiny, short, tall etc.
- รูปร่าง (shape) - round, flat, straight, square etc.
- อายุ (age) - old, young, twelve-year-old, new etc.
- สี (colour) - red, blue, orange etc.
- เชื้อชาติ (nationality) - English, American, Siamese etc.
- ตัววัสดุ (material) - glass, plastic, wooden, metal etc.
- จุดประสงค์ (purpose) - writing, frying, shopping etc.
6) ยกตัวอย่างวลี เช่น I like those two cheap big old blue American metal frying pans. (ผมชอบกะทะอเมริกันเหล็กใบใหญ่สีน้ำเงินที่ดูเก่า ๆ และราคาถูกสองอันนั้น) ผมสาบานเลยว่าชีวิตจริงไม่เคยเจอใครเรียง adjective ยาวขนาดนี้ 5555
7) ในชีวิตส่วนมาก เราเจอมากสุดไม่เกินสามอันหรอก พยายามเรียงให้ถูกละกันนะ ตัวอย่างเช่น A good old wooden chair (เก้าไม้ตัวเก่าแต่สภาพดี) / The giant ancient green dragons / A red plastic writing pad เป็นต้น มันจะมาประมาณนี้แหละ จำง่าย ๆ ว่า ความคิดเห็น + ขนาด + วัสดุ ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว!
8) พูดถึง adjective ก็คงต้องพูดถึง adverb ด้วย โดยส่วนมากเราจะวาง adverb of frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่) ไว้หลังเวิร์บช่วย (Auxiliary verb ได้แก่ verb to be, modal verb, verb to do, verb to have) แต่วางไว้หน้ากริยาแท้ (Main verb เช่น go, take, play etc.) ซึ่งถ้าประโยคมีทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ adverb of frequency ก็จะแทรกอยู่ตรงกลางนั่นเอง
9) ตัวอย่าง adverb of frequency เช่น always, often, usually, sometimes, never, rarely พอมาอยู่ในประโยค เช่น I usually wake up early./I don't usually wake up early. หรือ We will always miss you./Do you usually go to work by train? จะเห็นว่า adverb จะอยู่หน้ากริยาแท้เสมอ (กฏการเรียงนี้ยังครอบคลุมถึง adverb เช่น also, already, just, all, both ไรงี้ด้วย เช่น I have just come home./We were both screwed.
10) อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือ adverb of time (เช่น now, soon, tomorrow, next month, recently, forever etc.) เหล่านี้มักจะวางอยู่ท้ายสุดของประโยค เช่น I need to go now. / He will get it done tomorrow. / Can we be lovers forever? เป็นต้น ย้ำอีกทีว่ามันมักจะว่างอยู่หลัง adverb of place (เช่น here, outside, somewhere, north, left etc.) เช่น Let's go somewhere tomorrow. / I am here now. / They went outside ten minutes ago.
ประมาณนี้ครับ จบกันไปกับเซคชันแกรมมาร์ ถือว่าเลทมา 5 วันเนื่องจากเดือนนี้ค่อนข้างวุ่น (ในเพจก็มีคนทักมาสอบถามปัญหาภาษาอังกฤษเยอะมาก) หาเวลามาเขียนพันทิพไม่ค่อยมีเลย อีกอย่างเหมือน community พันทิพจะเงียบเหงาลงไปเยอะ เลยรู้สึกไม่ค่อยกระตือรือร้นจะเข้ามาเขียนเท่าไหร่ แต่ไม่หายไปไหนแน่นอนครับ! สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ เราจะกลับมาต่อกับเซคชัน "ความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับคนไทย" นะครับ จะเป็นตอนที่ 11 - 20 นะ แล้วเจอกัน!
*พิมพ์ผิด/พิมพ์ตกตรงไหน รบกวนทวงแก้หน่อยนะคร้าบ บางทีก็ตาเบลอมองข้ามไปตลอด
"ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
Stay tuned
JGC.
พื้นฐานหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ (Part 10) - Word order *End of July's Edition
โอเค! เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว บทสุดท้ายขอพูดถึง โครงสร้างประโยค (sentence structure) โดยโฟกัสที่หัวข้อการเรียงคำ (word order) น่าจะช่วยเป็นพื้นฐานในการแต่งประโยคได้ดี (และไขข้อสงสัยให้เราได้ในหลาย ๆ เรื่อง)
มาดูกันเลย!
1) โครงสร้างประโยคให้ภาษาอังกฤษหลัก ๆ คือ "ประธาน (subject) + กริยา (verb) + กรรม (object)" โดย native speaker จะคิดง่าย ๆ ว่า 'กริยาจะอยู่ติดกับกรรม' เช่น He plays the piano very well. (เล่น + เปียโน) หรือ She loves her city very much. (รัก + เมืองของเธอ) เรามักจะไม่เจอโครงสร้างประเภท He plays very well the piano หรือ She loves very much her city เพราะมันจับใจความค่อนข้างยาก
2) ในประโยคไม่มีกรรม ส่วนมากก็เพราะสิ่งที่ตามหลัก verb มันเป็นส่วนขยาย ซึ่งอาจจะเป็น action (การกระทำ), time (เวลา), หรือ place (สถานที่ ตัวอย่างเช่น I want to sleep. (want + to sleep (to infinitive)) หรือ She went shopping yesterday. (went + shopping (gerund) + yesterday (time))
3) Native speaker มีวิธีเรียงส่วนขยายที่คล้ายกันคือ "สถานที่ + เวลา" (เราต้องพูดถึงสถานที่ก่อนเวลาเสมอ) ยกตัวอย่างเช่น John goes to the library (place) every weekend (time). (ไม่ใช่ John goes every weekend to the library แค่อ่านดูก็รู้สึกแปลกแล้ว 555) หรือ I have lived in this city for almost 15 years. (in this city = สถานที่ / for almost 15 years = ช่วงเวลา) *ไม่จำเป็นต้องเป็น เวลา เท่านั้น (tomorrow, 10 pm, last night) แต่เป็นช่วงเวลา (for 20 years, since August, for a while) ก็ได้
4) พูดถึงเรื่องการเรียงคำ มีอีกเรื่องที่น่าสนใจคือ "adjective order" (การจัดลำดับคำคุณศัพท์) ที่จะพูดถึงการเรียงส่วนขยายข้างหน้าคำนาม (คำคุณศัพท์) มีหลักการเรียงดังนี้ คำนำหน้านาม + ปริมาณ/จำนวน + คุณภาพ/ความคิดเห็น + ขนาด + รูปร่าง + อายุ + สี + เชื้อชาติ + วัสดุที่เป็นองค์ประกอบหลัก + จุดประสงค์ (determiner + quantity/number + quality/opinion + size + shape + age + colour + nationality + material + purpose)
5) ยกตัวอย่างคำแต่ละประเภท เช่น
- คำนำหน้านาม (determiner) - this, that, a, an, the, some etc.
- ปริมาณ/จำนวน (quantity/number) - one, two, three, some, many etc.
- คุณภาพ/คุณสมบัติ (quality) - good, best, standard, bad, worst, cheap etc. *บางทีอาจบอกว่านี่คือความคิดเห็น (opinion) ก็ได้
- ขนาด (size) - big, small, tiny, short, tall etc.
- รูปร่าง (shape) - round, flat, straight, square etc.
- อายุ (age) - old, young, twelve-year-old, new etc.
- สี (colour) - red, blue, orange etc.
- เชื้อชาติ (nationality) - English, American, Siamese etc.
- ตัววัสดุ (material) - glass, plastic, wooden, metal etc.
- จุดประสงค์ (purpose) - writing, frying, shopping etc.
6) ยกตัวอย่างวลี เช่น I like those two cheap big old blue American metal frying pans. (ผมชอบกะทะอเมริกันเหล็กใบใหญ่สีน้ำเงินที่ดูเก่า ๆ และราคาถูกสองอันนั้น) ผมสาบานเลยว่าชีวิตจริงไม่เคยเจอใครเรียง adjective ยาวขนาดนี้ 5555
7) ในชีวิตส่วนมาก เราเจอมากสุดไม่เกินสามอันหรอก พยายามเรียงให้ถูกละกันนะ ตัวอย่างเช่น A good old wooden chair (เก้าไม้ตัวเก่าแต่สภาพดี) / The giant ancient green dragons / A red plastic writing pad เป็นต้น มันจะมาประมาณนี้แหละ จำง่าย ๆ ว่า ความคิดเห็น + ขนาด + วัสดุ ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว!
8) พูดถึง adjective ก็คงต้องพูดถึง adverb ด้วย โดยส่วนมากเราจะวาง adverb of frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่) ไว้หลังเวิร์บช่วย (Auxiliary verb ได้แก่ verb to be, modal verb, verb to do, verb to have) แต่วางไว้หน้ากริยาแท้ (Main verb เช่น go, take, play etc.) ซึ่งถ้าประโยคมีทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ adverb of frequency ก็จะแทรกอยู่ตรงกลางนั่นเอง
9) ตัวอย่าง adverb of frequency เช่น always, often, usually, sometimes, never, rarely พอมาอยู่ในประโยค เช่น I usually wake up early./I don't usually wake up early. หรือ We will always miss you./Do you usually go to work by train? จะเห็นว่า adverb จะอยู่หน้ากริยาแท้เสมอ (กฏการเรียงนี้ยังครอบคลุมถึง adverb เช่น also, already, just, all, both ไรงี้ด้วย เช่น I have just come home./We were both screwed.
10) อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือ adverb of time (เช่น now, soon, tomorrow, next month, recently, forever etc.) เหล่านี้มักจะวางอยู่ท้ายสุดของประโยค เช่น I need to go now. / He will get it done tomorrow. / Can we be lovers forever? เป็นต้น ย้ำอีกทีว่ามันมักจะว่างอยู่หลัง adverb of place (เช่น here, outside, somewhere, north, left etc.) เช่น Let's go somewhere tomorrow. / I am here now. / They went outside ten minutes ago.
ประมาณนี้ครับ จบกันไปกับเซคชันแกรมมาร์ ถือว่าเลทมา 5 วันเนื่องจากเดือนนี้ค่อนข้างวุ่น (ในเพจก็มีคนทักมาสอบถามปัญหาภาษาอังกฤษเยอะมาก) หาเวลามาเขียนพันทิพไม่ค่อยมีเลย อีกอย่างเหมือน community พันทิพจะเงียบเหงาลงไปเยอะ เลยรู้สึกไม่ค่อยกระตือรือร้นจะเข้ามาเขียนเท่าไหร่ แต่ไม่หายไปไหนแน่นอนครับ! สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ เราจะกลับมาต่อกับเซคชัน "ความรู้ภาษาอังกฤษสำหรับคนไทย" นะครับ จะเป็นตอนที่ 11 - 20 นะ แล้วเจอกัน!
*พิมพ์ผิด/พิมพ์ตกตรงไหน รบกวนทวงแก้หน่อยนะคร้าบ บางทีก็ตาเบลอมองข้ามไปตลอด
"ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ แค่รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
Stay tuned
JGC.