มัดรวมหลายๆเรื่อง ไว้ในกระทู้เดียวละกัน คิดว่า น่าจะพอมีประโยชน์ ครับ

รถ HONDA CR-V G3 2.0S (2WD) ปี 2011

เคลมประกันภัย
อันนี้ไม่มีอะไรมาก กันชนหน้า มีรอย ก็เลยแจ้งเคลมประกันภัยไป รถผมใช้ ชั้น 1 ซ่อมห้าง ของกรุงเทพประกันภัย


ขั้นตอนกับประกันภัย
1. โทร.เข้า เบอร์รับแจ้งเหตุของกรุงเทพประกันภัย แจ้งรายละเอียด สถานที่เกิดเหตุ วันเวลาไป ของผมเป็นการเคลมที่เรียกว่า เคลมแห้ง คือ ไม่ได้เกิดเหตุกับรถยนต์บนถนน ทางประกันก็จะไม่ได้ส่ง จนท มา

2. จากนั้น จนท จะขอ Line ID แล้ว add มาครับ แล้วก็ขอรายละเอียดภาพถ่าย
- เลขไมล์
- ใบขับขี่
- แผลที่เสียหาย
- ภาพรวมหน้ารถ เห็นทะเบียน

3. พอส่งกลับไป สักพัก เค้าก็จะส่ง เอกสารใบเคลม (e-claim) กลับมา ซึ่งนำเอกสารนี้ติดต่อศูนย์ HONDA ได้เลยครับ

ขั้นตอนกับศูนย์ HONDA
- อันนี้ ด้วยความคุ้นเคยส่วนตัวครับ ก็ไลน์ส่งเอกสารทั้งหมดให้ทางศูนย์ไปก่อน เพื่อศูนย์จะได้นำไปติดต่อประกันภัย เพื่อขออนุมัติงานซ่อม (แต่ปกติ รายการเดียว ตรงเคลม ไม่มีเสียหายต่อเนื่อง กรุงเทพ แทบจะอนุมัติซ่อมกลับมาทันทีแหละ)

- ศูนย์แจ้งว่า ขอเวลา 2 วันครับ ซึ่งผมก็ เอารถไปทิ้งเช้า 28 กรกฎาคม และ วันอาทิตย์ที่ 31 เช้า ก็ไปรับ โดยมีรายการเพิ่มเติม ดังนี้

3.1 เช็คเครื่องสั่น รอบนิ่ง แต่เครื่องสั่น คาดว่า ยางแท่นเครื่อง (ศูนย์แจ้งว่า เดี๋ยวเบิกของรอยกชุด .. อันนี้เค้ารู้นิสัยผมอยู่แล้วว่า ยังไงก็ยกชุด)
3.2 เช็คความร้อนอยู่ที่ 95 หลังจาก เปลี่ยนท่อน้ำ และ ถ่ายน้ำหล่อเย็น เมื่อ 1 หมื่นกม.ที่แล้ว

ปัญหาเครื่องสั่น
- ตามคาด ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ ยกชุด ครับ อันนี้ รถน้องสาวผม ที่อายุมากกว่ารถผม 2 ปี โดนไปก่อนละ เมื่อเดือนก่อน ก็ยกชุดกันไป รวมถึง ศูนย์ขอล้างปีกผีเสื้อด้วย เนื่องจากสกปรก ก็อนุมัติไป (ล้างครั้งสุดท้าย เกิน 2 ปีละ)

- อัพเดทราคา ยางแท่นเครื่อง / ยางแท่นเกียร์ นะครับ ส่วนค่าแรงเปลี่ยน ราวๆ 1,1XX บาทครับ



ปัญหาความร้อน
- ตอนครบ 10 ปี สั่งเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น / ท่อทางเดินน้ำทุกเส้น / วาล์วน้ำ / ฝาหม้อน้ำ / เซนเซอร์อุณหภูมิ เรียกว่า ยกชุดทั้งระบบเลย ทีนี้ ก่อนเปลี่ยน อุณหภูมิตามเกจ์ OBD2 มันจะนิ่งๆ อยู่ 84 - 87 ในการขับปกติ จะมีขึ้น 95 - 103 ก็ต่อเมื่อขึ้นเขาชันๆอย่างดอยภูคา หรือ ปิดคอมแอร์แล้วเดินหน้าถอยหลัง เอารถเข้าบ้าน

- แต่พอจัดการระบบระบายความร้อน อุณหภูมิดันโชว์ 95 จะลงมา 92 ก็ต่อเมื่อมีการเร่งแซง ใช้รอบสูงๆ แต่ .. เอาขึ้นดอยภูคา Max Temp ก็เท่าเดิมนะ ทีแรกนึกว่า ไล่น้ำไม่ดี ให้ศูนย์ไล่ใหม่รอบนึง แล้วก็มานั่งไล่เอง ไล่จนน้ำไม่ยุบละ ก็ยังเป็นแบบเดิม

รอบนี้ มีเวลา เลยให้ศูนย์ดูให้หน่อย ... พร้อมกับบอกศูนย์ว่า ตอนไล่น้ำ สังเกตว่า วาล์วน้ำเปิดที่ 95 องศาเลยนะ มีอะไรผิดปกติไหม ? ซึ่งทางศูนย์ได้ประสานงานกับทางเทคนิคของ สนญ ให้แล้ว คำตอบก็คือ

1. วาล์วน้ำ ทำงานถูกต้องแล้ว เปิดสุดที่ 95 องศา (ตามที่ผมเห็น) และได้ถอดมาเช็คแล้ว ไม่มีอะไรติดขัดเสียหาย
2. อ้าว แล้วก่อนหน้านี้ ทำไม มันวิ่งแค่ 84 - 87 องศาล่ะ ? ... คำอธิบาย ก็คือ ของเดิม ใช้งานมา 10 ปี สปริงของวาล์วน้ำ น่าจะล้า ทำให้มันเปิดก่อน หรือ เปิดมากกว่า ที่ควรจะเป็น
3. เพื่อนผม ที่มี service manual ของรถรุ่นนี้ ก็ยืนยันว่า operation temp ของเครื่องตัวนี้ คือ 94 องศานะ

หมดข้อกังขา ขอบพระคุณทาง HONDA ครับ 

รับรถดีกว่า
- เนื่องจาก วันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นวันทำงาน เลยมารับรถวันอาทิตย์ แต่วันเสาร์ช่วงบ่าย ทางศูนย์ก็โทรแจ้งความคืบหน้าของรถตลอดแหละ มีส่งภาพถ่ายมาว่า มีตำหนิจากงานสีหน่อยนึง จะขอทำใหม่ ผมก็เลยว่า ขอภาพมาดูก่อน ซึ่งดูภาพแล้ว ผมก็แจ้งกลับไปว่า ผมให้ผ่านนะ มี 2 จุด แต่เล็กมาก และอยู่ตำแหน่งต่ำครับ (รถใหม่จากไลน์ผลิต แผล ลักษณะนี้ ให้ Judge ผ่านได้ครับ) อีกอย่าง พอเป็นกันชน วิ่งต่างจังหวัดสักรอบ เดี๋ยวก็โดนหินดีดใส่ ได้แผลละ

- เช้าวันอาทิตย์ จองรถตู้จากนิคม 304 รอบแรกครับ ตี 4 !!! ให้มารับหน้าหมู่บ้าน ซึ่ง ตี 4 เป๊ะ ก็ยืนรอละ (ตี 4 รถออกจากท่ารถ มาถึงผมก็บวกอีก 5 นาที) รอบนี้ เป็นรถใหญ่ 20 ที่นั่ง แต่เป็นรถจีนแฮะ ไม่ใช่ TOYOTA COASTER ดังนั้น ช่วงล่างก็จะแข็งหน่อย แต่เนื้อที่วางเท้า จะกว้างกว่า TOYOTA นะ รถวิ่งมาถึงบ้านโพธิ์ และเลี้ยวออกไปทางลาดกระบัง ไปขึ้น มอเตอร์เวย์ ทางนั้น (เพิ่งรู้ว่า ถนนเสร็จแล้ว ขากลับเลยลองมั่ง หลบรถติดได้ดี) ค่ารถ ขึ้นเป็น 150 บาทละ (นานๆนั่งที รอบก่อน 130 บาท)

- ถึง เอกมัย 6.30 น. พอดี จากนั้นก็ต่อ BTS ไปลงอโศก มุดลงใต้ดิน (ใต้ดิน ใช้บัตรเครดิต แตะจ่ายได้ สะดวกดี) ไปลงสถานีบางอ้อ แล้วเดินย้อนกลับมาศูนย์พระราม 7 ครับ วันอาทิตย์เค้าเปิด 8.00 น. ก็มาช่วยเค้าเปิดศูนย์ครับ 55+

ตรวจเช็ครถก็เรียบร้อยดี แผลที่แจ้ง ส่องแล้วส่องอีก กว่าจะเห็น ดังนั้น ไม่สนใจ รอบนี้จ่ายตังค์ไป 13,XXX บาท ครับ (ค่ายางแท่นเครื่อง) จริงๆลืมให้เค้าตั้งวาล์วนะเนี่ย เคยตั้งไปรอบเดียวเอง ไหนๆก็จอดนานละ

.......................
Remap ECU
- เพื่อนในคลับ CRV ชวนให้ไปลองครับ คือ ต้องบอกก่อนว่า ปกติ ไม่ค่อยสนใจตรงนี้สักเท่าไหร่ ยิ่งเครื่อง NA ด้วย ทำแล้ว ไม่น่าจะได้อะไรมาก เต็มที่ก็ปรับคันเร่งให้หน่วงน้อยลง ซึ่งผมก็ใส่กล่องคันเร่งมา 5 ปีละ มันก็ใช้งานได้ดีนะ

แต่ .. มีคนแถวนี้ ที่เคยขับ Pulsar 1.8 เอาไป remap มา (คันนั้น ทำกับช่างวิชัย) ก็บอกว่า รถขับดีขึ้นนะ ขับสนุกขึ้น .. รอบนี้มีคนชวนเลยลองสักหน่อย

- รับรถจากศูนย์ก็วิ่งไป ECU STUDIO ลาดปลาเค้า 50 ครับ .. สัมผัสแรกคือ รถมันนิ่มจัง เครื่องไม่สั่นละ (สั่นในเกณฑ์ปกติ ของ CRV รุ่นนี้) 

- ขั้นตอนในการทำเห็นแค่เค้าดูดไฟล์จากกล่องเดิมผ่าน OBD2 เข้า Notebook แล้วก็ไปเอาไฟล์ใหม่ มา Load ใส่ให้ โดยก่อนทำ ก็จะมีการซักถาม เรื่องสไตล์การขับขี่ และ ความต้องการของผมก่อน ซึ่งผมก็แจ้งว่า ผมขับไม่เร็วนะ แต่ผมต้องการรถที่ตอบสนองดี ของเดิมที่ใส่กล่องคันเร่ง เพราะคันเร่งมันหน่วงมาก กดแล้วนับ 1 .. 2 มันถึงพุ่ง และพอใส่กล่องคันเร่ง ที่มี 12 ระดับ (Jumper Horse) ผมก็ปรับแค่เบอร์ 3 ซึ่งก็จะกำลังดี วิ่งเหมือนรถยี่ห้ออื่นเค้า เคยลองเบอร์ 4 แต่มีอาการกระชาก เวลาเร่งๆยกๆ

ขออนุญาตขโมยรูปคันอื่นนะครับ โม้เพลิน ลืมถ่ายรูปรถตัวเอง


ไปลองรถกันครับ

ใช้เวลาไม่นานครับ ไม่เกิน ครึ่งช.ม. จัดการปลดปลั๊กกล่องคันเร่งเดิมทิ้งด้วย รวมถึง ที่เค้าเน้นก็คือ
- กรองอากาศ ต้องสะอาด ไม่ตัน (กรอง BMC เพิ่งล้างมาไม่ถึง 2 พันกม.)
- หัวเทียนดี (เปลี่ยนตามรอบครั้งล่าสุด 100,000 กม. ตอนนี้ 170,000 กม.)
- หัวฉีดดี (ปัญหาของ HONDA ยุคนั้น หัวฉีดชอบตัน ของผมเบิกเปลี่ยนยกชุดไปละ มันไม่เป็นไร แต่อยากเปลี่ยน เพื่อความมั่นใจ)

คันเร่ง .. ไวกว่าเดิมมาก ประมาณใช้กล่องเบอร์ 4 แตะแล้วกระโดด แต่ไม่ถึงขั้น vios เห็บหมา พอขับพ้นหน้าปากซอยก็คุ้นละ ขับเป็นปกติละ เลยบอกเพื่อนว่า ไม่ต้องปรับลง เอาไวๆแบบนี้แหละ (เพื่อนแจ้งว่า การตอบสนองของคันเร่ง ปรับเพิ่มลดได้ ตามความต้องการ) รวมถึง คันเร่งมันละเอียดขึ้น 

- อธิบายคือ ปกติ กล่องคันเร่ง กระดิกเท้านิดเดียว รอบก็ขึ้นไปรอละ และนั่นทำให้กล่องคันเร่ง เปลืองน้ำมันครับ ยิ่งโหมดเบอร์สูง กระดิกนิดรอบขึ้นทันที มาตรวัดอัตราสิ้นเปลือง (Real Time) ลงไปต่ำกว่า 10 กม/ลิตร ทันที

- แต่พอ remap ขับยาวๆ นิ่งๆ แล้วเกิดอยากแซง กระดิกเท้านิดนึง รถมันก็มีกำลังละ  มารตรวัดจากแช่ๆอยู่ 20 กม./ลิตร ก็ลงมาแค่ 15 กม./ลิตร เหมือนเราคุมคันเร่งได้ละเอียดกว่า มองว่า ขับทางไกล น่าจะประหยัดขึ้นนะครับ แต่ถ้าในเมือง เร่งๆหยุดๆ ก็กินเหมือนเดิมแหละ

กำลังเครื่อง .. รถคันนี้ มันจะมีช่วงหนืดของมัน แถวๆ 60 - 80 กม./ช.ม. ที่เหมือนมันลงเกียร์ 5 ไปละ ถ้าอยากแซงแบบเบาๆ กดคันเร่งๆเบา มันจะตื้อ ไม่มีแรง เพราะเกียร์ไม่เปลี่ยนลง ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมนะ

- ที่ต่าง จะเป็นช่วงต่ำกว่า 60 ขับในเมือง โยกซ้าย หลบขวา เร่งแซงขวา พวกนี้ รถตอบสนองดีขึ้น และไม่ต้องใช้รอบสูงแบบสมัยใช้กล่องคันเร่ง รวมถึง การเดินทางไกล การเร่งแซงถนน 2 เลนสวน สัก 100 กม./ช.ม. จุ่มคันเร่งสักครึ่งนึง รอบเครื่องขึ้นไปไม่เกิน 4 พันรอบ ก็พุ่งละ ต่างจากตอนใช้กล่อง ต้องกดให้มันลงไปถึง 3 และ 2 ครับ

ภาพรวม .. ผมว่า รถขับดีขึ้น ขับสนุกขึ้น กดแล้วขึ้นตามเท้า กดแล้วรู้สึกว่า รถมีกำลัง จะไม่ใช่เอารอบไปก่อน แล้วถึงตาม รวมถึง คันเร่งที่ละเอียดขึ้น คุมน้ำหนัก คุมรอบเครื่องได้แม่นขึ้น ละเอียดขึ้นครับ
- แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า  พอเป็นเครื่อง NA มันไม่มีเทอร์โบให้ปรับบูสท์เพิ่มนะ ดังนั้น อย่าไปหวังว่า ทำแล้ว CR-V 2.0 จะวิ่งเป็น CR-V 2.4 อันนี้ ไม่มีทาง ครับ แต่มันขับสนุกขึ้น เปลี่ยนบุคลิครถจากเฉื่อยๆ ให้กระฉับกระเฉง ตอบสนองทันใจ ได้ครับ

ปล.1 .. ไฟหน้าผม เปลี่ยนฝาครอบเลนส์ไปเมื่อ 3 ปีก่อน ฝั่งขวายังปกติดี แต่ ฝั่งซ้ายโดนแดดบ่ายทุกวัน เรียบร้อยไปละ เดี๋ยวรอเปลี่ยนใหม่


ปล.2 .. กรอบป้ายทะเบียน สูงสุด คืนสู่ สามัญ .. กรอบดำๆ screen Modulo อันละเกือบพัน เจอแดดเลียไป 3 ปี พอได้แกะ ก็ขาหักหมด ปล่อยไป เดี๋ยวลุยน้ำท่วมป้ายหายแน่ เลยกลับมากรอบง่ายๆ พื้นๆ ของ HONDA ACCESSORIES มองยังไงก็ไม่สวย ขัดตาเหลือเกิน แต่ทนทาน หายห่วง เก็บขอบดี ไม่มีบาดมือแบบกรอบแถมครับ ด้านหลังเป็นพลาสติค กันเหนียวอีกชั้น ก็ติดกาวสองหน้า 3M VHB เอาให้แน่น ตัวป้าย ก็ยึดกับกรอบพลาสติค ด้วย 3M VHB อีกที .. เรียกว่า ยังไง ก็ไม่หลุดหาย และ ไม่มีเสียงดัง แก๊กๆ จากท้ายรถ (เพราะกรอบป้าย) มากวนใจ


หมดละ ขอบคุณครับ