ต้องคน baby boomer generation อย่างเราที่อายุ เกือบๆ 72 ถึงจะรู้ประวัติความเป็นมาของ ม.ราชภัฎ จะเล่าให้ฟัง
ในยุคที่ระดับมัธยมมี ม.1-ม.8 และมีการสอบเอ็นเข้ามหาลัยยุคเก่าน่ะ มีเด็กเป็นจำนวนมากที่เอ็นไม่ติดแล้วเคว้ง สมัยนั้นใครเข้ามหาลัยไม่ได้ถือว่าอนาคตค่อนข้างตัน และมีสิทธิ์ตกงาน
เด็กเอ็นไม่ติดตกงานกันเพียบ รัฐบาลยุคนั้นพยายามแก้ปัญหาโดยการเปิดวิทยาลัยครูขึ้นมาหลายแห่งในประเทศ เพื่อช่วยให้เด็กที่เรียนไม่เก่งเอ็นไม่ติดได้เรียนจบปริญญาจะได้มีอาชีพ เด็กเอ็นไม่ติดต่างก็แห่กันไปเรียนวิทยาลัยครูเหล่านั้น (รู้สึกจะเป็นช่วงรอยต่อกัน ที่กลายเป็นเข้ายุคระดับมัธยม เปลี่ยนเป็น มศ.1 - มศ.5)  พอวิทยาลัยครูเหล่านั้นผลิตครูออกมาตั้งมากมาย แต่กลายเป็นไม่ช่วยให้พวกเค้าได้งานครูทำ เพราะคนจบครูพวกนี้ไปสมัครงาน แล้วโดนเด็กจบจุฬาธรรมศาสตร์แย่งตำแหน่งครูไปหมด!

*****เด็กจบวิทยาลัยครูทั่วประเทศก็เลยรวมตัวกันเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วย "สงวนอาชีพครูไว้ให้พวกเขา" ไม่ให้โดนแย่งงาน*****

ผลที่ได้ก็คือ รัฐบาลออกกฎหมายใบอนุญาตครูเพื่อสงวนอาชีพครูไว้ให้เด็กจบวิทยาลัยครู และต่อมาวิทยาลัยครูทั่วประเทศก็เปลี่ยนชื่อเป็นราชภัฎ ทุกวันนี้การศึกษาไทยจึงตกต่ำลง เพราะคนเรียนเก่งๆจบ ม.ดังๆ หรือจบจากต่างประเทศ ก็เป็นครูในระบบไม่ได้ ต้องไปอบรมหรือผ่านขั้นตอนอะไรต่อมิอะไรให้ยุ่งยากมากๆ จนคนเก่งๆไม่มีใครอยากเป็นครูในระบบแล้ว!

^
ในระหว่างเกิดเหตุการณ์ตามที่เล่าให้ฟัง เราใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษ และจะท้าวความ จากกระทู้ pantip อันหนึ่งขำๆ คือมีคนตั้งกระทู้ถามว่า "คิดไงกับเด็กจบไหม่ที่เรียกเงินเดือน 35k+++"

คำตอบเรา (ตอบที่นี่ แต่ไม่ได้ไปตอบกระทู้ต้นสังกัด) ก็คือ แนะนำว่าให้ไปทำงานกรรมกรก่อสร้างใน London
ตอนปี 1987 เราตกงาน เลยลองทำงานกรรมกรก่อสร้างดู ทำงาน 8 ชม. ได้ค่าจ้าง 100 ปอนด์ เทียบเท่าเงินไทย 4,203.60 บาท (ตอนนั้นเงิน 1 ปอนด์เท่ากับ 42.036 บาท)
นี่เราทำแบบ unskilled labor นะ ยังได้ขนาดนี้ ถ้าทำแบบ skilled labor สงสัยได้เยอะกว่านี้อะ555
ตอนปี 1987 ค่าครองชีพในอังกฤษไม่น่าจะสูงว่าไทยตอนปี 2021 นะ (ปีที่มีคนตั้งกระทู้นี้ใน pantip)

เท่านั้นไม่พอคนอังกฤษยังเล่าลือกันอีกด้วยว่าที่ Australia ค่าแรงกรรมกรก่อสร้างแพงยิ่งกว่านี้อีก!
แต่โทษที เราทำงานกรรมกร (ซ่อมแซม ตกแต่งบ้านเก่า (เป็นลูกมือเค้า)) แค่วันเดียวเผ่นเลย วันรุ่งขึ้นไม่ไปทำต่อแล้ว โห! เหนื่อยปางตาย! นอนซมลุกไม่ขึ้นเลย ปวดระบมไปทั้งร่าง สู้ไม่ไหวจริงๆอะ ม่ายงั้นป่านนี้เราคงรวยเละไปแล้ว เพราะมีคนอังกฤษรวยเป็นมหาเศรษฐีจากการทำงานเป็นกรรมกรเยอะสุดๆ555

เรื่องตลกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนเราเรียนระดับมัธยมในอังกฤษเมื่อหลายปีก่อนที่จะไปทำงานและตกงานนั้น เราค่อนข้างแปลกใจที่พอถามเพื่อนๆนักเรียนที่เป็นคนอังกฤษว่าจะไปเรียนต่อ ป. ตรี สาขาไหนกัน พวกเค้าเกือบทุกคนตอบว่า จะไปทำงานหรือฝึกวิชาชีพ เช่นงานช่างไม้ ช่างปูน หรือช่างก่อสร้าง อะไรทำนองเนี้ย แทบไม่มีใครอยากเรียน ป. ตรีเลย...!!???...
ตอนเราเรียนมัธยม ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองทุรกันดาร นะ คืออยู่ในนคร Cambridge ซึ่งมี colleges ดังๆตั้งมากมาย ที่อยู่ในสังกัด University of Cambridge ใครเรียนจบ college อันใดอันหนึ่งในบรรดา colleges เหล่านั้น ก็ได้ชื่อว่าเรียนจบ Cambridge University (ถ้าเขียนแบบเป็นทางการก็คือ University of Cambridge)

พอฟังเด็กฝรั่งบอกไม่อยากเรียนต่อมหาลัย ในใจเราก็คิดว่า "หวานหมูพวกข้าคนไทย พวกเธอเสร็จพวกข้าคนไทยแหงๆ555 เด็กไทยตื่นตัวกันเรียนให้จบสูงๆกันนะโว้ย แล้วก็มีมหาลัยไทยเปิดใหม่แบบผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเลย(ตอนนั้นยังตามข่าวเมืองไทย) อีกหน่อยคนไทยก็จะมีการศึกษาสูงกว่าฝรั่ง และประเทศไทยต้องเจริญก้าวหน้าแซงประเทศอังกฤษไปแน่ๆ55555"

พอปี 1990 เราก็ได้ยินข่าวว่า John Major ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยเป็นนายกคนแรกของอังกฤษที่ไม่มีปริญญาเลยซักกะใบ ข่าวนี้ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่าเข้าไปใหญ่ว่า ประเทศอังกฤษต้องล้าหลังจนตามประเทศไทยไม่ทันแน่ๆ
เห็นไหมว่าเราคิดการไกลได้ฉลาดขนาดไหน55555
ฝันเฟื่องมาจนถึงตอนนี้ ปี 2022 ประเทศไทยก็ยังไม่เจริญก้าวหน้าแซงประเทศอังกฤษไปได้ซักที โอ้ฝันกลางวันแสกๆ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย555 ใครช่วยบอกหน่อยซิว่าสมองเราคิดค้นใช้เหตุผลผิดตรงไหนเนี่ย...!!???...
55555+++

^
อ่านเรื่องนี้แล้วตอบได้ปะว่า เด็กอังกฤษตอนเรียนระดับมัธยมอยากไปเป็นกรรมกรก่อสร้างตั้งมากมาย แต่เด็กไทยอยากเรียนปริญญาซะมากกว่า แต่ทำไมประเทศไทยเจริญตามประเทศอังกฤษไม่ทันซักที?
ตอบ: เพราะมหาลัยที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดในไทย ต้องลดเกณฑ์การสอบผ่านให้ต่ำลง หากมิเช่นนั้นเด็กที่เรียนอ่อนๆจะไม่มีใครได้รับปริญญา แล้วมหาลัยก็จะล้มละลาย เพราะไม่มีใครมาเรียนนั่นเอง!

*****สรุปแล้วการมีบัณฑิตมากขึ้นก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่ามันจะพัฒนาประเทศไปได้รวดเร็ว เพราะมหาลัยส่วนใหญ่ต้องลดเกณฑ์การสอบผ่านและรับปริญญา ให้ต่ำลง แบบ "จ่ายเงินครบเรียนจบแน่ๆ!" เพื่อดึงดูดให้มีคนมาเรียนเยอะๆ ดึงดูดเด็กเรียนอ่อนๆเป็นจำนวนมาก ให้มั่นใจว่า "จบง่ายถ้าจ่ายค่าเรียนครบ!" เพื่อให้มหาลัยทำกำไร เพื่อความอยู่รอดของมหาลัย!*****

แต่จะอย่างไรก็ตาม โปรดอย่าบ้าเรื่องระดับชั้นมหาลัยกันให้มากนักเลย เพราะว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว! ในยุคนี้ใครๆก็เรียนศาสตร์ต่างๆจากสื่อ online ได้ ยกตัวอย่างเช่น programmers ฝรั่งเก่งๆที่พัฒนาระบบอะไรล้ำยุคขึ้นมาจนร่ำรวยมหาศาล หลายๆคนไม่จบปริญญา แต่เรียนเขียน programs (coding) โดยการค้นข้อมูลหาสื่อ online มาเรียนด้วยตัวเอง และเดี๋ยวนี้มันก็มีวิธีหาเงิน online ตั้งมากมายที่ไม่ต้องใช้ใบปริญญา แค่มีความสามารถจริงก็หาเงินได้ตั้งมากมายโดยการทำงานอิสระแบบ work from home!