เราห้ามคนที่เรารักทำผิด แต่กลับโดนรังเกียจเป็นสิ่งตองแทน

สวัสดีค่า คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เรา เป็นเด็กกำพร้าค่ะ พ่อเสียตั้งแต่เราเด็กๆส่วนแม่ก้ไปมีครอบครัวใหม่ค่ะ แต่ติดต่อได้เจอกันได้แต่ถามว่าช่วยเหลืออะไรมั๊ยก็น้อยค่ะ เราเลยได้มาอยู่กับปู่ย่าซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งพ่อจนวันหนึ่งปู่เราก้เสียค่ะ ส่วนย่าเราก็แก่แล้วน้าสาวเราที่เป็นน้องแท้ๆของพ่อก็เลยรับช่วงดูแลเราต่อค่ะ
น้าส่งเสียค่าเล่าเรียนทุกอย่างค่ากินค่าอยู่คือดูแลเราเหมือนลูกคนนึงเลยค่ะ เราก็เลยรักน้าเหมือนแม่คนหนึ่งเลย

มีช่วงนึงค่ะบ้านเราค้าขายไม่ค่อยดี น้าเราหมุนเงินไม่ค่อยทันค่ะ ก็เลยต้องออกไปทำงานนอกประเทศส่งเงินมาแทนบวกกับช่วงนั้นลุงเราพี่ชายของน้าอีกคนก็มาเส้นเลือดในสมองแตกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ย่าเราก็เริ่มมีโรคแทรคซ้อนจากโรคเบาหวาน ภาระทุกอย่างเลยมาตกที่น้าเราคนเดียวค่ะ ส่วนเราก็ช่วยดูแลทั้งลุกทั้งย่าและลูกของน้าอีก2คนค่ะ ส่วนน้าก็ส่งเงินมาให้ใช่ทุกๆเดือนเลยค่ะ จากที่เรียนโรงเรียนเอกชนก็ต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล แต่เราไม่ซีเรียทนะคะ เพราะเราเข้าใจว่าบ้านเรามีปัญหา จนวันนึ่งต้องขายบ้านค่ะเพราะน้าเราผ่อนต่อไม่ไหว ที่ที่บ้านเราปลูกไว้ครึ่งนึ่งเป็นที่ของเราค่ะเพราะเป็นมรดกที่พ่อเราทิ้งไว้ให้ ก็จะเป็นคนละครึ่งกับน้าแต่เราก็ยอมให้น้าขายไปค่ะเพราะน้าพูดกับเราว่าจะส่งเราเรียนจนจบ ถ้าจะเอาเป็นเงินก็ต้องเอาไปบริหารเองเพราะน้าจะไม่ส่งให้เราอีก แล้วก็ยังมีที่ที่สุโขทัยที่เป็นของเราอยู่1ส่วนน้าเราก็ขายออกไปเพราะว่าเหตุผลเดียวกันและพูดกันเราเหมือนกับตอนที่จะขายบ้าน เราก็ไม่ได้ขัดอะไรค่ะเพราะตอนนั้นยังเด็กแล้วก็คิดว่าจะขายหรือไม่ขายมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเราตอนนั้น

จนน้าเราไปทำงานที่มาเลเซียค่ะ อย่างที่บอกว่าน้าส่งเงินมาให้ทุกเดือน แต่ก็ไม่พอใช้ค่ะไหนจะค่ายาไหนจะค่าเช่าบ้านค่ากินต่างๆ อดมื้อกินมื้อค่ะแต่เราก็ทนกันได้ค่ะ อยู่มาวันนึ่งค่ะน้าเราได้แฟนที่นู่นค่ะเป็นคนมาเลเซีย เค้าเหมือนเทวดามาโปรดเลยค่ะเค้าค่อนข้างมีเงินมีฐานะเลยทีเดียว น้าเราคบกับเค้าได้ประมาน5เดือนค่ะ ขอเรียกแฟนน้าว่าฮันละกันนะคะ แล้วน้าเรากับฮับก็แต่งงานกันค่ะ ฮันซื้อบ้านซื้อรถ คือทำให้ครอบครัวเราสบายขึ้นมากเลยค่ะ เราก็กลับไปเรียนโรงเรียนเอกชนเหมือนเดิมม คือจากที่ลำบากก็กลายเป็ยสบายไปเลยค่ะ อะไรที่อยากได้ก็จะได้อยากไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ไปค่ะ คือครอบครัวเรากลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพ้อมตา จนน้ามีลูกกับฮันค่าชื่อว่าน้องมะลิ ตอนนี้ได้สองขวบครึ่งแล้ว

เรื่องมันมาเริ่มตอนนี้เหละค่ะ พอน้าเรามีเงินก็มีคนเข้าหาน้าเราแบบไม่ขาดสายค่ะ บางคนมาเพื่อกินเพื่อเที่ยว บางคนก็มายืมเงินขอความช่วยเหลือ เยอะมากค่ะ จนน้าเราเริ่มมีนิสัยที่เปลี่ยนไปเลยค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่าน้าเรากับฮันไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันค่ะเพราะฮันต้องบินไปทำงานหลายที่ค่ะ 1 เดือนจะมาอยู่บ้านที่ไทยแค่1-2อาทิตย์ ช่วงที่ฮันไม่อยู่น้าเราก็จะเที่ยวไม่ค่อยจะสนใจคนในบ้านเท่าไหร่ค่ะ เอาง่ายๆคือติดเพื่อนนั้นแหละค่ะ น้าในให้ไว้แค่เงินของแต่ละคนแล้วก็ไปดูแลกันเองเหมือนว่าให้เงินแล้วก็จบค่ะ น้าเราไม่ได้ทำงานนะคะเพราะว่าฮันไม่ยอมให้ทำ น้าเราเที่ยวหนักมากค่ะเราก็เลยต้องนอนเฝ้าน้องจัสมินแทบทุกคืนเลยค่ะ  พอน้าเที่ยวมันก็จะมีผู้ชายมาพัวพันกันน้าเรา มาทั้งดีแล้วด็ไม่ดีค่ะ น้าเราแอบคบกับคนอื่นแต่เราไม่ได้พูดอะไรนะคะเพราะไม่กล้าขัด หลังมาพอเราขอเงินคนที่บ้านขอเงินน้าน้าก็จะเริ่มบ่นว่าใช้เงินฟุ่มเฟื่อยน้าเหนื่อยที่ต้องหาเงินมาให้ใช้ แต่การกระทำของน้ามันคือตรงข้ามค่ะน้าเราเที่ยวทุกวันแถวยังเปย์ผู้ชายที่น้าแอบคบอยู่แบบไม่อั้นใช้คำว่าไม่อั้นได้เลยค่ะ จนมาช่วงโควิดฮันก็ไม่ได้ทำงานเพราะเดือนทางต่างประเทศไม่ได้ รายได้จากที่ได้100%ก็เหลือแค่20%ค่าใช้ายจ่ายเท่าเดิมแต่ก้ไม่ถือว่าทำให้บ้านเราลำบากนะคะแค่แบบว่ามีเงินแค่พอใช้กับคนในบ้านแค่นั้น หลังจากที่รายรับน้อยลงน้าเรากับฮันก็เริ่มทะเลาะกันบ่อย ฮันเริ่มสงสัยในตัวน้าว่ามีคนอื่นมั๊ยแต่ก้ไม่เคยจับได้แบบจิงจังเป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆค่ะ วันนึ่งฮันป่วยค่ะเส้นเลือดในสมองแตกแล้วน้าเราก็พาไม่รักษาเสียเงินหลายแสนเลยค่ะเพราะฮันไม่ใช่คนไทย เงินเก็บที่มีก็เอาไปรักษาฮันจนหมดค่าประกันก้ไม่ได้เพราะฮันอยู่ไทยนานเกิน1ปีประกันเลยไม่เครม แล้วพ่อแม่ฮันก็พาฮันไปรักษาที่มาเลเซียค่ะ ระหว่างนี้รายได้ที่บ้านก็ไม่มีเลยค่ะ เราก็เลยต้องออกไปทำงายแล้วก็เรียนไปด้วย น้องเราก็เสียสละดรอปเรียนไปก่อนเพื่อที่ว่ามะลิน้องคนเล้กจะได้เข้าโรงเรียนค่ะ น้าเราเลยตัดสินใจขายที่ที่สุโขทัยที่เหลือ แล้วก็ทะยอยทวงหนี้จากเพื่อนที่เคยมายืมเป็นคนๆไปค่ะบางคนเอาที่ดินมาจำนองใครเกินกำหนดมาน้าเราก็ยึดแล้วก็ขายออกไป จนได้เงินมาก้อนใหญ่ก้อนนึ่งค่ะ

จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากตรงนี้ค่ะ พอน้ามีเงินน้าก็เที่ยวเหมือนเดิมค่ะ แต่มะลิก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียน น้าเราไม่สนใจอะไรเลยค่ะเอาแต่อ้างว่าที่ออกไปข้างนอกเพราะไปทำงาน แต่ที่เราเห็นคือน้าเราไปเที่ยวค่ะไม่ได้ไปทำงานอย่างที่ว่า น้าเราไม่สนใจคนที่บ้านเลยค่ะ เวลาน้องเราย่าเราขอเงินน้าใช้น้าจำบอกว่าไปม่แล้วก็บ่นว่าเหนื่อยที่ต้องหาเงินมาให้ทุกคนในบ้านใช้ แต่เราตอนนี้คือใช้เงินตัวเองเล้วค่ะไม่ได้ขอเงินน้ามาเป็นปีแล้ว จะขอแค่เรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องเรียนค่ะถ้าใช้ส่วนตัวนี่จะเป็นเงินเราเอง วันหนึ่งน้องเราทักมาขอเงินเราค่ะวอกว่าเงินผู้สูงอายุย่าหมดแล้ว น้องเราก็ไม่มีเงินใช้ ส่วนมะละก้ไม่ค่อยได้กินข้าวเพราะน้าเราไม่สนใจที่บ้านเลยเพราะออกบ้านทุกวัน อยู่ๆน้าก็พาผู้ชายคนนึงค่ะชื่อตั้มอายุเท่าเราเลยค่ะ 22 ปี เหมือนเค้าจะเจอกันที่บาร์โฮทค่ะแล้วก็คบกับแล้วน้าก็พามาที่บ้านค่ะ ตอนแรกก็มาแค่กินข้าวดูหนังแล้วก้กลับ แต่หลังๆมาเริ่มมามาอยู่ด้วยมาใช้ชีวิตเหมือนเป็นคนในบ้านคือมาอยู่เลยค่ะเป็นเดือนๆ เราที่ออกมาอยู่นอกบ้านมาทำงานก็ไม่รู้เรื่องค่ะ จนกลับบ้านไปแล้วเห็นเค้ากินข้าวด้วยกันค่ะตอนแรกก็ไปคิดอะไรค่ะเพราะไม่คิดจะยุ่งเลย จนเห็นคนชื่อตั้มเดินขึ้นห้องนอนน้าเราไปแบบเหมือนบ้านตัวเองเลยค่ะ แล้วยังถามน้าเราอีกว่าเราเป็นใครทำไมมีกุญแจบ้าน เราแอบโกรธนะคะวันนั้นเลยไม่นอนที่บ้านค่ะเลยกลับมาที่หอเลย เราเลยทักไปถามน้องสาวลูกของน้าค่ะว่าคนชื่อตั้มนี้เป็นใคร จนเรารู้ว่าคบกับน้าเราแล้วก้มานอนบ้านเราเป็นเดือนแล้ว น้องเราไม่ชอบที่น้าเราทำแบบนี้แต่ก็ไม่กล้าขัดค่ะ เพราะกลัวน้าเราโกรธ น้องเรายังเล่าให้ฟังอีกว่าน้าไม่ใช้เงินคนในบ้านใช้เลย ย่าเราก็ต้องใช้เงินที่ได้จากเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ600ใช้กับลุง(ลุงเราช่วยเหลือตัวเองได้แล้วนะคะแต่เปลี่ยนจากคนที่เฮฮาร่าเริงเป็นคนที่ไม่พูดเลยแล้วก็ร่างกายซีกขวาใช้งานได้ไม่เหมือนเดิมแต่อาการดีขึ้นจากแต่ก่อนมากค่ะ)ส่วนน้องเรากับมะลิก็ต้องรอเงินจากน้าค่ะ ส่วนเราถ้าพอมีก็จะโอนให้น้องให้ย่าบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากค่ะ น้องเราโทรมาร้องไห้เพราะน้อยใจมราน้าเราไม่สนใจไม่ดูแลเลย เพราะมัวแต่อยู่กับคนที่ชื่อตั้ม จนไม่สนใจอะไรเลยค่ะ เราถามน้องว่ามะลิได้ไปโรงเรียนรึยังก้ไม่ได้ไปจนตอนนี้จะ3ขวบละค่ะ เราสงสารที่บ้านมากแต่พูดอะไรไม่ได้ แล้วน้องเรายังบอกอีกว่าตั้งแต่ตนชื่อตั้มมาอยู่ก็ไม่เห็นออกไปทำงานอีกเลย
จนวันนึงเราไปส่งเฟสน้าเราค่ะ แล้วก้เข้าไปดูที่คนกดหัวใจให้น้าเราจนไปเจอเฟสของตั้มเราเลยเข้าไปส่งดูค่ะ ภาพที่เห็นคือน้าเรากับตั้มไปเที่ยวไปกินอาหารบนห้างหรูๆ ไปเที่ยวละเลย ไปนอนดอย เที่ยวร้านเหล้า คือกินดีอยู่ดีชีวิตแอปปี้มีความสุขกับน้าเรา2คน แล้วตัดภาพมาที่คนในบ้านเหมือนหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ แต่น้าเรายังเป็นสามีภรรยากับฮันอยู่นะคะ ก้คือคนชื่อตั้มเนี่ยเป็นชู้ค่ะ เราเห็นแล้วก็รู้สึกโกรธมากกก โกรธแบบไม่เคยโกรธน้าเราเท่านี้มากก่อนเลยค่ะ เราเลยทักไปถามว่าทำไมถึงให้มาอยู่บ้านของเราแต่คำตอบที่ได้คือบอกว่าแค่คบกับ ไม่ได้จิงจัง เราเลยกลับบ้านไปค่ะขึ้นไปที่ห้องของน้าเอา เสื้อผ้าของกับของใช้ของตั้มคือเต็มห้องไปหมด รูปแต่งงานของน้าเรากับฮันก็ไม่เหลือเลย ยิ่งทำให้เราโกรธมากขึ้นเพราะน้าไม่น้าทำเรื่องผิดๆแบบนี้ได้ น้าเราไม่อยู่บ้านเพราะออกไปเที่ยวผับกับตั้มเราโทรเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา ทะเลาะกันหนักมากแล้วก็ใช้คำพูดที่รุนแรงมากจนอยู่ๆน้าเราก็พูดมาว่า"กุไม่ใช่แม่ไม่มีสิทธิ์มายิ้มกับเรื่องของกู"พร้อมกับทวงบุญคุญชุดใหญ่กับคนทั้งบ้านว่าหาเงินมาให้ใช้ จนเรารู้สึกว่าเราอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปไม่ได้ เราก็เลยลาย่าลาน้องลามะลิออกมากแล้วส่งเงินให้แทน น้าเราตัดขาดความสัสพันธ์ของเราออก บอกว่าไม่ต้องมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก เราเสียใจมากเพราะไม่คิดว่าจะต้องเจออะไรแบบนี้ ที่เราทำเพราะเรารู้สึกว่าน้ากำลังทำเรื่องที่มันผิด แถมยังเอาเรื่องที่เราออกมาอยู่แล้วก็ทำงานกับแฟนว่าทีเรายังอยากอยู่กับผัวตัวเอง แต่ที่น้ากำลังเรียกร้องแล้วก็ปกป้องอยู่คนคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครับ เราแค่ไม่อยากให้น้าทำเรื่องที่มันผิดศีลธรมมแบบนี้ อยากให้น้าตามไปดูแลสามีตัวเองที่กำลังรักษาตัวอยู่ อยากให้น้าดูแลคนในครอบครัวด้วยความรักไม่ใช่แค่เงินอย่างเดียว จนตอนนี้เราก็กลายเป็นคนเนรคุณไปเลย น้าโพสด่าเราแทบทุกวันจนตอนนี้เรื่องผ่านมาเป็นสองอาทิตย์แล้วนี้ก็ยังด่ายังแช่งเราอยู่
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ เราแค่อยากมาระบายความรู้สึกแล้วก็ไม่รู้จะจัดการกับควานรู้สึกนี้ยังไงค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ชีวิตเหมือนละครเลยนะครับ หวังว่าสักวันหนึ่งน้าคงคิดได้เองแบบตอนจบในละคร แต่ไม่รู้ต้องเสียอะไรอีกเท่าไหร่

เป็นกำลังใจให้ จขกท และน้องมะลิครับ

เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องของเราก็ปล่อยไปเถอะครับ อยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่