เรื่องราวจากเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ทารุณมาตลอด19ปี ชีวิตยิ่งกว่านิยาย ทั้งครอบครัวและความรัก

นี้เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ เราอาจจะเล่าไม่เก่งนักจะพยายามอธิบายให้เข้าใจมากที่สุดนะคะ เรื่องนี้อยากจะเล่าให้เป็นกำลังใจสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังท้อกับชีวิต  
           ตอนนี้เรา อายุ 22ปีแล้วค่ะ เราได้ก้าวออกมาจากการทุกข์ทรมานตรงจุดนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
           เริ่มเลยนะคะ ครอบครัวเราตอนเด็กๆทุกคนจะอยู่รวมกันที่บ้านของป้า เป็นทาวเฮ้าส์ ไม่ใหญ่มาก คนที่อยู่ในบ้านจะมี ป้า ย่า พ่อเรา และพวกหลานๆ เราเป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาหลานทั้งหมด 4คน  มีพี่ชาย2 คน แล้วน้องชาย1 คน  ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคนจีน  
ซึ่งในซอยเดียวกันนั้นก็ มีบ้านของอากงอยู่ด้วย และมีอีกที่ธัญบุรี (ขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะจะได้ไม่งงกัน)  
          พ่อกับแม่เรา หย่ากันตั้งแต่เรายังเด็กๆ  ตอนแรกแม่เราก็อยู่กับครอบครัวของพ่อแต่น่าจะทนกับพฤติกรรมของบ้านเราไม่ไหว เราก็ไปอยู่บ้านเกิดของครอบครัวแม่ เรื่องนี้พ่อเราเล่าให้ฟังนะคะ พ่อเราก็ขับรถทางไกลไปแอบดูเราที่บ้านแม่  
พ่อเราบอกว่า : แม่เลี้ยงเราแบบทิ้งขว้าง บ้านแม่อยู่ติดทะเล ก็เลี้ยงเราริมทะเล ปล่อยให้เราเล่นทรายและ ถ้าหิวเราก็จะคลานมาหยิบข้าวกินในจานที่แม่วางไว้ให้ พ่อเราทนไม่ไหวก็เลยไปขโมยเราจากแม่มา

พ่อเราบอกอีกว่า : ตอนนั้นถึงกับขึ้นโรงพักกันเลยละ เอาเราไปซ่อนไว้กับคนอื่น ซึ่งเราเป็นเด็กที่ไม่ดื้อไม่ซนอะค่ะ จับไว้ที่ไหนก็อยู่ตรงนั้น ค่อนข้างเลี้ยงง่าย ตอนเกิดเรายังไม่ร้องเลยค่ะ พ่อเราบอกนึกว่าเราเป็นใบ้   ตอนนั้นพ่อเราบอกว่า พ่อเราแลกทุกอย่างที่มีกับตัวเราเพื่อให้เรามาอยู่กับพ่อ เราก็มาอยู่ที่บ้านป้า ค่ะ พ่อเราทำงานบริษัท ย่าเราจะเป็นคนเลี้ยงเรา พ่อทำงานมาก็จะให้เงินย่าทุกๆเดือนเป็นค่าเลี้ยงดู  

          ที่บ้านเราเขาค่อนข้างเป็นคนเห็นแก่เงิน ย่าเราถ้าพ่อเราไม่มีเงินให้เขาก็จะร้ายย่าเราค่อนข้างรักป้ามากกว่าลูกคนอื่นเพราะบ้านที่ย่าอยู่บ้านเป็นคนออกค่าใช้จ่าย พอเราโตประมาณ3-4 ขวบ น้องชายเราก็เกิด ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนค่ะ เราต้องคอยตามใจน้อง เข้าตำราที่ว่าเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง ทุกคนในบ้านจะคอยตามใจน้องชายเรา  พอเริ่มเข้าร.ร.ได้ เรียนที่ร.ร.เอกชน ย่าเราจะเป็นคนตื่นไปส่ง เราที่ร.ร. ทุกวัน เราเป็นคนหัวช้า ยิ่งวิชาเลขยิ่งย่ำแย่  และการกระทำที่ฝังใจก็เริ่มขึ้นค่ะ การบ้านเลขไงละ  การบ้านพ่อเราเป็นคนสอน ตอนนั้นยังอยู่อนุบาลอยู่เลย ยังใส่เอี้ยมแดงอยู่เลยค่ะ  พ่อเราทำงานกลับมาก็สอนการบ้านเรา เราก็ทำไม่ได้ จะให้ทำยังไงก็คิดไม่ออก  ก็โดนตี ด้วยเข็มขัดค่ะ ทุกวันเราโดนทุกวันจริงๆ  และเมื่อน้องเริ่มเข้าร.ร.ได้ ก็เริ่มมีการเปรียบเทียบค่ะ เพราะน้องเราเก่งมาก หัวไว ทำอะไรก็ดี เมื่อพอน้องเข้าร.ร. เราก็ต้องตื่นเช้ากว่า เพื่อมาแต่งตัวก่อนน้อง และพอน้องตื่นก็ต้องคอยหาเสื้อผ้าให้น้องใส่ ในขณะที่เราอายุเท่านั้นเราต้องทำเองทุกอย่าง ในตอนนั้นเราก็น้อยใจบ้างอะนะ แต่บ้านเราเขาสอนเราแบบ ผู้หญิงโบราณอะค่ะ คือต้องเรียบร้อยอย่างกับผ้าพับไว้ ห้ามเถียงห้ามบ่น สั่งอะไรต้องทำ และเราเป็นคนไม่พูดอีก ต่างหาก   จึงตกอยู่ในสถานะถูกกระทำตลอด เมื่อพอเริ่มโดนตีบ่อยๆ เรื่องการบ้านเราจึงเริ่มโกหก ว่าเราทำแล้วตอนนั้นน่าจะประมาณประถม1-2เราก็เอาออกมาทำนะคะ เราแกล้งทำเป็นทำการบ้าน  พอเราเริ่มโตเราก็ต้องซักผ้าเอง ของตัวเอง และต้องซักถุงเท้าของน้องด้วย  ส่วนเสื้อผ้าน้องย่าเราเป็นคนซัก ละเราต้องรีดผ้าเองด้วยค่ะ ตอนนั้นงานบ้านเริ่มมาอยู่ที่เราค่ะ จะมีย่าทำบ้าง เราจะต้องซักรีดผ้าของตัวเองและ ล้างจานของทุกคน  พอเราเริ่มโกหกเราก็ไม่โดนตีอีกเพราะพ่อไม่เคยตรวจค่ะ เราก็เอาไปทำที่โรงเรียน  เราเคยทะเลาะกับน้องทุกครั้งที่เราทะเลาะกับน้อง เราจะเป็นฝ่ายโดนตี ตลอด ทั้งๆที่น้องเราทำร้ายร่างกายเราทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราเคยโดนตีและย่าเราไล่เราขึ้นไปข้างบน เราก็ไปร้องไห้ข้างบน
และย่าเราตามเราขึ้นมา ตบหน้าเราแล้วพูดว่า “กูไม่ได้ให้ขึ้นมาร้องไห้”
ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก แต่ด้วยความเป็นเด็กอะนะคะ ร้องๆแล้วก็หาย  
แต่ทุกวันเรามักจะรอพ่อเรากลับมาจากที่ทำงานกว่าพ่อเราจะกลับ ก็2ทุ่ม ซึ่งเราต้องนอนตอน2ทุ่ม เราอยากจะให้พ่อเรารู้ว่าเราโดนตี เราโดนน้องแกล้ง ซึ่งเราแทบไม่เคยเจอกัน พ่อขึ้นมาหาเราๆ มีความสุขที่สุดในตอนนั้น เราคิดว่าเรามีพ่อที่เข้าใจเราคนเดียวก็พอแล้ว

           เมื่อพอเราอายุ6ขวบ ตอนนี้เราจำได้ดี ในวันที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา เป็นแม่เลี้ยงของเราซึ่ง เขาไปเจอกับพ่อเราที่มหาวิทยาลัย ซึ่งพ่อเรามีเราตอนยังวัยรุ่นอะค่ะ  เลยยังเรียนอยู่ วันธรรมดาทำงาน วันเสาร์อาทิตย์เรียน ผญ คนนั้นเป็นคนต่างจังหวัดเข้ามาเรียนกรุงเทพ แล้วก็ทำงานไปด้วย เลยได้เจอพ่อเรา พ่อเรากับผญคนนั้นอายุห่างกัน10กว่าปี
            พ่อเราบอกผญคนนั้นว่า ยังไม่มีลูก แล้วเวลาเราไปเจอผญคนนั้น พ่อก็จะบอกนางว่าเราเป็นลูกป้า แต่ที่เราเรียกว่าพ่อเพราะป้าให้เรียก เรื่องนี้ผญคนนั้นเป็นคนเล่าให้ฟัง  แรกๆ นางก็ดีกับเราทุกอย่าง เพราะอายุเราใกล้เคียงกัน คุยกับเด็กๆ เข้าใจ เราอยู่แบบนั้นพ่อเราเริ่มไม่มีเวลาให้เราถ้ามาก็จะพาผญคนนั้นมาด้วย

            คงยังไม่ลืมใช่ไหมคะว่าเรามีพี่ชาย พี่เรามักจะมาช่วยเราจากการโดนน้องแกล้งเสมอ เราจึงคิดว่าเขาเป็นคนดี แต่พี่เราเขาไม่ได้เรียนแล้วเราอายุห่างกัน3ปี เขาไม่ทำงานด้วยเพราะเขาเป็นลูกของป้าเหมือนกับน้องชายเรา พี่เรากะน้องเราเป็นพี่น้องต่างพ่อ พี่เราเลิกเรียนหลังจากตอนที่ป้าเรามีน้อง ก็เหมือนกับเรียกร้องความสนใจประมาณนั้น เราเคยโดนพี่เราเรียกขึ้นไปหาที่ห้องไปกับน้องเราบอกว่าให้ขึ้นไปกินขนมและดูการ์ตูน แต่พี่เรากลับถอดกางเกงเราและใช้นิ้วกดที่อวัยวะเพศเรา และบังคับให้เราอมอวัยวะเพศของเขา ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอเสร็จเขาก็ให้เราลงมา เราไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนในครอบครัว และไม่เคยทำเป็นจำได้ต่อหน้าพี่เราจนถึงปัจจุบัน เมื่อพอถึงจุดๆหนึ่ง พ่อเกิดทะเลาะกับป้าขึ้นมา แล้วป้าเราเอามาลงกับเรา ใช้ไม้แขวนเสื้อเกือบ10อันตีเราและที่บ้านเราชอบดูถูกเราว่า เรียนไม่จบหรอก เดี๋ยวก็ท้องก่อนเรียนจบแล้วละ (เหมือนป้าเราที่ท้องตอนม.3) ตอนที่พ่อเราอยู่ เลยทะเลาะกันใหญ่โต  คืนนั้นเรา2พ่อลูกเลยย้ายออกจากบ้านป้า และไปอยู่ที่ห้องเช่าผญคนนั้น ตอนนั้นเราอยู่ป.5 แล้ว และพ่อเรากำลังมีปัญหาที่ทำงาน ตอนนั้นปัญหาเข้ามาเยอะมาก  เราต้องออกจากร.ร.เอกชน   และมาเข้าร.ร.วัดแถวที่พักผญคนนั้นแทน(ขอแทนชื่อผญคนนั้นว่าน้าแมวนะคะ)  ตอนนี้น้าแมวยังไม่ออกลายค่ะ ตอนนั้นพวกเราไม่มีเงินเลยค่ะ พ่อก็ออกจากงาน ไม่มีงานทำ อยู่กับน้าเป็นแมวเดือน2เดือน นางก็เริ่มทนไม่ไหว ทะเลาะทุกครั้งมีการลงไม้ลงมือทุกครั้ง นางโดนพ่อเราทุบตีตอนนั้นเราก็ร้องไห้หนักมาก เพราะ เงินคำเดียว พ่อเราก็ด่าน้าแมวว่าทำไมไม่รู้จักทำงาน น้าแมวก็บอกแล้วทำไมไม่ทำใช้แต่เงินที่แม่น้าแมวส่งมาให้  ทุกๆครั้งที่เขาทะเลาะกันวันรุ่งขึ้นเราจะโดนน้าแมวเอาความโกรธมาลงที่เราค่ะ โดยการตี จนช้ำ จนเดินแทบไม่ได้ และให้อดข้าว โดยที่พ่อเราไม่รู้ พ่อเราเคยรู้เรื่องครั้งนึง แต่ผลคือพ่อเราซ้อมน้าแมว แล้วก็วนกลับมาเหมือนเดิม คือเราโดนหนักกว่าเดิม เราจึงไม่บอก
        
             ตอนนั้นเราแค่ป.6 เอง เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ ทั้งย้ายโรงเรียน ตั้งต้องมาอยู่กับน้าแมวแล้วต้องเจอเรื่องแบบนี้  เรามาอยู่ร.ร.ใหม่ ก็เจอสิ่งใหม่ๆ เราเจอเพื่อนและ พฤติกรรมของเพื่อนที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต  เราเกือบโดนตบเพียงเพราะ เราพูดว่า ทำไมต้องเข้าข้างคนนั้นกันด้วยละ   แค่นี้ละ เราก็โดนหัวหน้าแก๊งเขม่น เราจึงเริ่มปรับตัว  ผมเราก็ต้องตัดสั้น ติ่งหู เราเคยโดนเพื่อนร่วมห้อง ขโมยเงิน ซึ่งคนที่ขโมยเป็นผช และเรียกว่าขาใหญ่ก็ได้ เราจึงไม่กล้าบอกน้าแมว แต่สุดท้ายก็โดนจำได้ เพราะเราต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย เราโดนตีหนัก เพราะเราไม่ได้บอกว่า เพื่อนขโมยไป เราบอกว่ามันหาย เราเลยโดนตี แต่สุดท้ายเราก็บอกความจริงไป น้าแมวเลยไปเอาเรื่อง แต่ก็ทำไรไม่ได้  พอเพื่อนคนนั้นโดนตักเตือนเราก็ โดนแขวะ ว่าขี้ฟ้องซึ่งเราไม่เคยเจอมาก่อนกับเหตุการณ์แบบนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า มันเป็นเรื่องเล็กแต่สำหรับเรามันเซนซิทีฟมาก เพราะร.ร.เอกชน ไม่มีการกระทำแบบนี้  และเรื่องนี้ก็ผ่านไปแต่ก็มีเพื่อนอยู่คนนึง คนนี้เป็นคนที่สวยหุ่นนางแบบเลยละ เราจริงใจต่อเพื่อนคนนี้มาก เราเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องที่พี่เราทำเรื่องนั้นกับเรา เพื่อนคนนี้ ก็มีแฟนเป็นเพื่อนในห้องนี้ละ (ขอแทนชื่อเพื่อนว่ากันนะคะ)  แล้วแฟนของกัน ก็มีเพื่อนสนิทอีกคน  
ทุกเย็นเราจะไปกันที่บ้านเพื่อนสนิทของแฟนกัน  ช่วงนั้นน้าแมวมีงานทำแล้วทำงานพาสทาม ส่วนพ่อเราไปช่วยป้าเราขายของแทนการทำงานบริษัท เราเลยอยู่คนเดียวก็จะไปที่บ้านเพื่อนคนนั้นก่อนใกล้ห้องพักเราด้วย คงสงสัยใช่ไหมค่ะ ก็ไปทำเรื่องอย่างว่านั้นละ แต่เฉพาะ กันกับแฟนนะคะ ส่วนเรากับเพื่อนรอข้างนอก ไปๆมาๆเราก็ชอบเพื่อนคนนั้น ค่ะ เราก็บอกกันว่าเราชอบเพื่อนของแฟนกัน แล้วไปๆมาๆก็คบกันค่ะเราก็สงสัยค่ะเพราะตอนแรก ได้ยินเขากิ๊กกับเพื่อนเราอีกคนอยู่  แต่เราก็ปล่อยไป ทีนี้เราไปบ้านเขาก็จูบกันค่ะ แค่นั้น ช่วงนี้ที่บ้านเราสงบค่ะ เพราะ เขากลับมากันเราก็นอนแล้ว แต่เราต้องนอนแบบไม่เปิดพัดลมค่ะ เพราะน้าแมวไม่ให้เปิดเขาบอกว่าเปลืองไฟ แค่มาอยู่ด้วยก็เป็นภาระ  ตอนนั้นเราก็ไม่สนใจแล้วค่ะเพราะเรามีแฟน คบกันอยู่ไม่นาน
            จนมารู้ความจริง ว่ากันเป็นคนไปขอให้เพื่อนคนนั้นมาคบกับเราค่ะ เพราะสงสารเรา ทุกอย่างทำเพราะสงสารทั้งหมด ตอนนั้นเราโกรธมากเราเลยเล่าเรื่อง ที่กันไปทำอะไรกับแฟนที่บ้านนั้น  แต่แล้วกันก็เอาคืนโดยการเล่าเรื่อง ที่พี่เราทำแบบนั้นกับเราค่ะ เรื่องนี้เลยดังเลยค่ะ ตอนนั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ เพราะเราไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้และไม่เคยโดนหักหลังแบบนี้  เรื่องก็ผ่านไป แต่เราก็ยังคบกันเป็นเพื่อนอยู่นะคะ ตอนนั้นยังจำได้อยู่เลยค่ะ เราโดนน้าแมวตีหนักมาก เรื่องคือ เรากินข้าวเยอะเกินไปค่ะ ตอนนั้นจนมากๆอะค่ะ ซื้อข้าวมากิน1จาน กินกัน2คน พ่อยังไม่กลับจากขายของ แต่เรากินเยอะแล้วเขาไม่อิ่ม ตอนไปล้างจาน เราโดนเขาเอาเล็บจิกที่หูเราตรงใบหูอะค่ะ จิกแล้วกระชากไปมา จนตอนเช้าไปร.ร. เราก็เป็นลมค่ะ แล้วก็พึ่งเห็นว่า หูเราเลือดไหลเต็มเลยค่ะ ที่รู้เพราะเพื่อนเราทัก แต่เราก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง  ไม่มีใครถามอะไร  เพื่อพอจบป.6  เราก็โดนไล่ออกจากห้องนั้น จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเพราะอะไร  ก็ต้องกลับมาอยู่บ้านย่า ก็กลับมาอยู่สภาพเดิมเป็นเบ๊ ให้น้องชายเหมือนเดิม  ทำทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ต้องไปช่วยป้าขายของด้วย  ตอนเรียนมัธยมเราก็มีเพื่อนและมีแฟน แต่แต่ก็จบลงที่เพื่อนเราแย่งแฟนเรา เราก็เลือกเพื่อนก่อนผช  แต่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว2-ครั้ง แต่เราก็ให้อภัยเพื่อนตลอดเพราะเพื่อนเราบอกแต่ว่ามันไม่ได้คิดอะไร จนเราอยู่ม.3 แล้วเราโดนตีจนตัวเราช้ำไปหมด แล้วอ. ที่ปรึกษาเราเห็นเขาก็สอบถามเราว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็บอกไปว่าแม่เลี้ยงตี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่