ถ้าคุณอึดอัดการเข้ามาของลูกพี่ลูกน้องสามี..ควรทำอย่างไร

กระทู้ยาวค่ะ เพราะเครียด คิดมากมาหลายวันแล้ว เหมือนพายเรือในอ่าง ขอระบายในนี้นะคะ คุยกับสามีก็ทะเลาะกัน จะไปคุยกับใครก็มองไม่เห็นใครจริงๆค่ะ เลยนึกถึง Pantip เพราะเรามี User อยู่ ..

- เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน น้องสาวสามีอายุประมาณ 22-25 ปี (ลูกของน้องชายของแม่สามี) ถูกพ่อของเค้า (น้าชาย) เรียกตัวกลับมาจาก กทม. ให้มาอยู่พัทยาด้วยกันกับครอบครัวของเค้าเพื่อให้อยู่ในสายตา ซึ่งนางก็เรียนจบปริญญาตรี(ครู)แล้ว (น้าชายไม่ได้ส่งเสีย..ย่าของนางส่งจนจบ) โดยทางน้าชายได้หาฝากงาน (กับเพื่อน) ทางโรงแรมให้ (เป็นเด็กเสิร์ฟ) และบอกว่าไปทำในฐานะหลานของ GM เหตุการณ์ก็ปกติดี จนกระทั่งนางมีปัญหากับแม่เลี้ยง (แฟนน้าชาย) เรื่องรถ จยย. เพราะต้องใช้รถของแม่เลี้ยงขี่ไปทำงานและความประพฤติ จนทางครอบครัวของน้าชายทะเลาะกันน้าผู้หญิงก็เอาข้าวของเสื้อผ้าของนางออกมาไว้นอกบ้าน
- นางก็เลยโทรปรึกษาสามีเราและบอกจะย้ายออกจากบ้านพ่อนางสิ้นเดือนตุลา สามีก็ร้อนใจพาไปหาหอพักหาบ้านเช่าเป็นธุระให้ โดยยังไม่ได้ปรึกษาเราเลย จนพวกเค้าตกลงว่าจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน โดยสามีจะย้ายครอบครัวเราไปอยู่กับนางด้วย (เพราะเป็นห่วงเป็นผู้หญิงคนเดียวเป็นเหตุผลที่สามีบอกเราตอนขอให้เราย้ายบ้าน) เราก็รู้สึกไม่ดีนึดนึงแล้วตอนที่เค้าตัดสินใจจะย้ายบ้านกันโดยไม่ถามเราเลย แต่ก็ตามน้ำไปก่อนไปหาบ้านและลองหาวิธีคุยกับน้องสาวสามีแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย
- จนสรุปได้บ้าน 1 หลัง ราคาเช่าเดือนละ 8,000 บาท เป็นบ้านเปล่า คชจ.ตอนเข้าอยู่ 16,000 บาท อยู่ห่างจากโรงเรียนลูกสาวประมาณ 10 ก.ม. (ที่เดิมเป็นอพาร์ทเมนท์อยู่ข้างโรงเรียนลูกสาว) โดยสามีตกลงกับน้องสาวว่าจะให้นางออกเงิน 6,000 บาท และส่วนของสามี 10,000 บาท เราก็อึ้งๆ และเริ่มหนักใจมากขึ้น จึงลองถามนางว่า ถ้าสมมติพวกพี่ไม่ได้อยู่พัทยา ไม่มีใครช่วยเรื่องย้ายออกจากบ้านพ่อเนี่ย เธอจะอดทนและยังอยู่กับพ่อเธอมั้ย นางก็ตอบว่าต้องทน เพราะไม่มีใครให้พึ่ง..
- ระหว่างที่รอสิ้นเดือน เรายังมีเวลาปฏิเสธทุกอย่าง เพราะอยู่ๆ เราต้องย้ายจากที่พัก ลูกเราต้องตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาเจอรถติดสาหัสก่อนไปโรงเรียน มี คชจ. เพิ่มมาอีกตอนย้ายบ้านสิ้นเดือน 5,000 บาท (ปกติจ่ายค่าห้องประมาณ 5,000 บาท) แต่เดือนต่อไปต้องจ่าย คชบ. อีกเดือนละ 6,000 บาท (ตามข้อตกลงของสามีกับน้องสาวว่าจะให้นางออก คชบ. 3,000 บาทส่วนสามีจะออก คชบ.รวมน้ำไฟ 6,000 บาท) เราก็คิดหนักและไม่รู้จะปรึกษาใคร (ไม่เคยคิดจะปรึกษาแม่เรา เพราะแม่กับน้องสาวเราเค้าไม่เคยยุ่งเรื่องครอบครัวของเรา และไม่ชอบขี้หน้าสามีเราตั้งแต่เริ่มแต่งงานอยู่กินกัน ก็เลยคิดว่าไม่ปรึกษาดีกว่าเพราะเค้าอาจจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับสามีเราเพิ่มอีก) เราก็เลยเลือกที่จะปรึกษา "ป้า (พี่สาวพ่อสามี)" ที่เค้าไม่มีลูกและรักสามีเป็นหลานคนโปรดด้วย
- คำแนะนำจากป้า คร่าวๆ เราเล่าตามเนื้อความด้านบนและบอกป้าว่า สิ้นเดือนนี้เราต้องย้ายบ้านตามที่สามีตัดสินใจไป ป้าก็ยื่นคำขาดมาว่าไม่ต้องย้าย และไม่ต้องไปสนใจอะไรกับการตัดสินใจของสามีนั้น ให้เราอยู่ที่เดิมกับลูกสาวขาดเหลืออะไรป้าจะช่วยดูแลเราเอง หากสามีอยากช่วยเหลือเด็กคนนั้นให้ช่วยไปและบ่นยาวๆ ว่าไม่มีคิดถึงลูกเลย มาถึงตอนนี้เราสับสน แต่คำแนะนำของป้านั้นตรงกับใจเราคือเราไม่อยากย้ายแต่แรก มันกะทันหันและไม่ใช่เรื่องเลย แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าสามีจะย้ายไปอยู่กับน้องสาวจริงๆ และเราอาจจะทะเลาะจนต้องเลิกกัน
- หลังจากคุยกับป้าเสร็จ (คุยตอนอยู่ที่ทำงาน) เราเลิกงานกลับบ้านพอดีประจวบกับน้องสาวต้นเหตุ ขนข้าวของมาอยู่ที่ห้องของเราโดยสามีของเราไปรับมาจากบ้านพ่อนางและขอนอนห้องเราก่อนจนกว่าจะย้ายไปบ้านใหม่!!! เราโมโหมาก (อารมณ์ตอนนั้นคือ ถือวิสาสะกันมากเกินไปมั้ย เห็นเราเป็นหัวหลักหัวตอ) น้องสาวพอนางเจอหน้าเราก็ยกมือไหว้สวัสดีแบบงงๆ (เราก็งง) เราก็เลยขอคุยกับนางทั้งคู่ ทั้งสามีและน้องสาวต้นเหตุ
- ทุกคำพูด ทุกอารมณ์ที่สะสมมาตลอด 1 สัปดาห์ตั้งแต่ที่เกิดเรื่อง ก็ถูกระบายออกมาเป็นคำๆ ทั้งคำสอน คำตำหนิ คำขู่ต่างๆนานา ว่าเราเป็นคนขี้บ่นนะ จุกจิกจู้จี้ หวงของ ไม่ใช้ของปนกับคนอื่น ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบคนที่ไม่มีกาละเทศะ และเป็นคนที่โมโหร้ายพูดจาแรง ถ้าผิดก็จะด่าเลย และถ้าวันนึงที่เราอยู่ด้วยกันแล้วนางทนไม่ได้กับนิสัยเรา อยู่ๆนางย้ายออก (แบบที่ย้ายออกจากบ้านพ่อนาง) ภาระ คชบ. 8,000 บาท จะตกเป็นภาระของครอบครัวเรา กะว่าเพื่อให้นางกลัวโกรธเราหรือเกรงใจเพื่อนางจะได้ตัดสินใจขอไปที่อื่นเองหรือกลับไปอยู่กับย่าของนาง แต่...ไม่ใช่!! นางตาใส และบอกว่ารับได้ อยู่ได้ ปรับตัวได้ นางโอเค แต่เราไม่โอเค ซึ่งเราก็บอกไปว่าเราไม่โอเค และเราจะพักที่เดิม จะไม่ย้ายไปไหน ถ้าอยากย้ายก็ย้ายไปกันเอง
- สามีแสนดีของเราก็เครียด คิดหนักและบอกว่า ไม่ย้ายก็ไม่ย้าย เดี๋ยวจะหาห้องให้น้องสาวอยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้ดูแลกันได้ เราก็เลยประชดว่า ห้องข้างๆมั้ยล่ะว่างพอดี ทั้งคู่ก็รีบตอบทันควันว่า "ดีเลย!!!" (เราประชดดด) และบอกให้เราโทรคุยกับเจ้าของอพาร์ทเมนท์ให้ด้วยเลย .. เราก็ทำ .. หลังจากเราคุยจองห้องและขอเข้าอยู่ก่อนเลยพรุ่งนี้และขอจ่ายค่าห้องสิ้นเดือนแทน (คืนนั้นนางนอนห้องเรา) เป็นอันเรียบร้อย เราก็เริ่มสบายใจมานิดนึง (นิดนึงจริงๆ) ซึ่งเราคิดว่าน่าจะดีแล้ว แต่...
- วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เราเลิกงาน เราก็คิดว่าเราจะเข้าไปเอากุญแจห้องนางเพื่อเข้าไปดูห้องให้ก่อน แต่สามีบอกว่า นางใช้ให้ไปขนของและเสื้อผ้าที่บ้านพ่อของนางให้หน่อย (!!???) เราก็ถามว่าทำไมไม่รอนางเลิกงานกลับมาแล้วพาไปขนด้วย ทำไมต้องไปขนให้เอง มันน่าเกลียด สามีก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เองสงสารน้องและไปขนมา (ของที่มีคือ กระเป๋าเสื้อผ้า รองเท้ากับตะกร้าผ้าใส่แล้ว..) เราก็ไม่พอใจ จึงต่อว่าสามีไปหลายคำว่า ต้องขนเสื้อผ้าใช้แล้วให้ด้วยเนี่ยนะ (ชุดชั้นในด้วย??) เราไม่ช่วยยกขึ้นไปบนห้องแน่นอนอยากขนก็ขนขึ้นไปเอง (มีประมาณ 5 กล่องรวมตะกร้า) สามีก็หัวเสียและบอกประมาณว่าไม่ขนก็ไม่ขนให้น้องสาวมาขนเองตอนเลิกงาน
- หลังจากได้กุญแจห้องนางมาแล้ว สามีก็เข้าไปดูห้องดูความเรียบร้อยแล้วก็ปิดไว้รอนางกลับมาตอนเลิกงาน แต่ก็นั่นแหละ พอนางเลิกงานกลับมาประมาณ 3-4 ทุ่มได้ (นางใช้รถ จยย.ของสามีไปทำงานทุกวัน ส่วนสามีให้เราไปส่งที่ทำงานแทน..ซึ่งปกติเรากับสามีต่างคนต่างเอารถไปทำงานเอง สามีใช้รถ จยย. ส่วนเราใช้รถยนต์ เพราะที่ทำงานเราอยู่ไกลประมาณ 25-30 ก.ม.จากที่พัก) พอนางกลับมาถึงก็กุลีกุจอกันลงไปช่วยกันขนของขึ้นมาบนห้อง (สุดท้ายสามีก็ไปขนขึ้นมาอยู่ดี) เราก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย (ใจดำ..นั่งดูทีวีอยู่ในห้อง) สามีก็ขอผ้าปูที่นอนกับหมอนพร้อมผ้าห่มไปให้น้องสาว เราก็โอเค เลือกให้ (ผ้าปูผืนเก่าของลูกสาวเอาไว้ปูรองนอน 1 ผืน, ผ้าห่มผ้าสำลี 1 ผืน, หมอน 1 ใบ, สบู่ ยาสระผม แป้ง ยาสีฟัน ของใหม่หมดเลยเพราะเราซื้อยกแพ็ค, ตะกร้าผ้า 1 ใบ) คิดว่าน่าจะจบและคืนนั้นนอนหลับฝันดีได้แล้ว แต่...
- ทางฝั่งพ่อและแม่เลี้ยงของนาง) ก็ส่งข้อความมากลางดึกคืนนั้นเพื่อต่อว่าสามีทางไลน์ทำนองประชดประชันว่า ตอนนี้นางมี ผปค. คนใหม่ละ ดูแลดีถึงขนาดมาขนข้าวขนของออกจากบ้านให้โดยไม่เห็นหัวคนในบ้านเลย ฯลฯ สามีก็เครียดนอนไม่หลับเลยออกไปนั่งคุยกับนางหน้าห้อง (เวลานั้นประมาณห้าทุ่มนิดๆ แต่สามีเราต้องเข้างานต่อตี 2 เราก็ต้องทำงานเช้าวันรุ่งขึ้น) เรารอนางคุยกันจนตี 1 ครึ่งเราทนไม่ไหวเลยเดินออกไปถามด้วยอารมณ์โมโหว่า คุยกันคืนนี้แล้วทุกอย่างมันจะจบมั้ย งานไม่มีต้องทำต้องรับผิดชอบกันหรือไง สามีก็โมโหว่าเราไม่ให้เกียรติหักหน้าเค้าต่อหน้านาง เราก็โมโหตัวเองที่ไม่ยอมนอน เพราะมาเจอเรื่องแบบนี้ เรานอนไม่หลับจริงๆ จนคืนนั้นเรากับสามีทะเลาะกันหนักมาก สามีว่าเราไม่ให้เกียรติเค้า เราก็ขอโทษและขอให้จบทุกอย่าง เราจะไปเอง ขอหย่ากันและขอเอาลูกไปเลี้ยงเอง ให้เค้าดูแลน้องสาวของเค้าไปให้เต็มที่
- คืนที่ทะเลาะกัน เราขอหย่า เราอดทนมามากแล้วกับคำพูดทำร้ายจิตใจจากสามี เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันสามีจะบอกว่าเราไม่เอาญาติของเค้าเลย ซึ่งสิ่งที่เราทำให้ญาติเค้าฝั่งพ่อของสามี เราทำทุกอย่าง เรารักทุกคนทั้งพี่ป้าน้าอาย่าและน้องๆ ซึ่งครอบครัวฝั่งพ่อของสามี มีมารยาทและมีความเกรงใจ ควรค่าแก่การเคารพมาตลอดและเราไม่เคยข้ามหัวใคร เกรงใจและสุภาพกับทุกคน เพราะไม่มีใครที่จะทำไม่ดีกับเรา แต่ฝั่งแม่ของสามีแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง สุดท้ายก่อนที่สามีจะต้องไปทำงาน (ตี2) สามีจบด้วยการไม่หย่าและตกลงว่าจะพยายามไม่ยุ่งกับน้องสาวมากเหมือนแต่ก่อน
- วันรุ่งขึ้น สามีเอาผ้าห่มนวมผืนใหม่ (เราซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง 4 ปีก่อนไม่ค่อยได้ใช้จะเอาออกมาใช้ก็ต่อเมื่ออากาศหนาวมาก) เอาไปให้น้องสาวพร้อมผ้าปูที่นอนผืนที่ใช้สลับเปลี่ยนกับผืนปัจจุบัน โดยไม่บอกเราก่อน และไม้แขวนจำนวนหนึ่งจนเราไม่พอใช้ ก็บอกให้ไปซื้อมาใหม่ แต่สามีไปขอไม้แขวนเพื่อนมาใช้?? โดยน้องสาวต้นเหตุไม่เคยเดินเข้ามาในห้องเราและขอหรือขอบคุณเราเลยซักคำ
- นอกจากนั้นในวันที่เราไม่อยู่ห้องไปทำงานบ้างไปธุระนอกบ้านบ้าง นางจะขนเสื้อผ้ามาซักในห้องเราและใช้เตารีด เราเคยถามสามีแล้วว่าทำไมไม่เข้ามาใช้ตอนเราอยู่ห้อง (ปกติเราเป็นนางห้องชอบอยู่ห้องไม่ชอบเที่ยวหรืออกไปไหนนอกจากทำงานหรือไปธุระ) ก็ไม่ได้คำตอบ กลายเป็นการทะเลาะย่อยๆอีกครั้ง และอีกครั้งกับการถือวิสาสะเข้าห้องมาเอากรรไกร (กรรไกรอันใหญ่เราไว้ในครัวเป็นกรรไกรสำหรับตัดอาหาร พวกผัก เนื้อสัตว์ ฯลฯ) เราก็ไม่รู้ว่ากรรไกรหายไปไหนหากันวุ่นเพราะเราจะทำกับข้าว จึงคิดว่าสามีเอาไปใช้อะไรแล้วไม่เก็บเข้าครัว หามา 2 วัน หงุดหงิดมาก ปรากฏว่า สามีไปเจออยู่ที่ห้องของน้องสาวต้นเหตุ ซึ่งนางไม่ขอใคร เข้ามาหยิบไปเฉยๆ เอาไปตัด...อะไรก็ไม่รู้ เราก็โมโหมากๆ ถือวิสาสะอะไร แต่ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเพราะลูกสาวเราอยู่ด้วย เราก็บอกว่า ไม่เป็นไร ให้นางไป เดี๋ยวเราซื้อใหม่ และยกเตารีดอันเก่าให้อีกอันจะได้มีใช้สะดวก สามีก็รีบเอาไปให้ถึงห้อง .. และเช่นเคย ไม่มีสามัญสำนึกใด หรือคำขอบคุณ หรือคำขอโทษใดๆ ออกมาจากปากของนาง
- 2 สัปดาห์มาแล้วที่ทุกครั้งที่เราได้คุยกับสามีจะมีเรื่องของนางปนเข้ามาตลอด หลายครั้งที่เราเงียบไม่คุยกัน ถ้าอยู่กัน 2 คน หลายครั้งที่เราพูดอะไรไปสามีก็ไม่ได้ฟังบ้าง เราเข้าใจว่าคงกำลังเครียดหลายเรื่อง เพราะสามีไปรับปากกับแม่และย่าของนางว่าจะดูแลเอง แต่มามีปัญหากับเรา ซึ่งเราปวดหัวมาก ทำงานได้ไม่เต็มที่ นอนหลับไม่เต็มที่เพราะเครียด คิดแต่เรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา ว่าสามีเราแคร์น้องสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องขนาดนี้เลยหรอ เราอึดอัดมาก ไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ ตอนแรกไม่มีอคติกับนาง แต่การกระทำของนางมีแต่สิ่งที่เราไม่ชอบ เราก็มีน้องสาว แต่น้องสาวเราไม่เคยยุ่งกับของส่วนตัวของเราหรือของครอบครัวเรา ต่างคนต่างซื้อใช้เอง ... ตั้งแต่นางเข้ามา ชีวิตครอบครัวของเราก็เปลี่ยนไป เราไม่มีความสุขเลย ไม่อยากกลับบ้าน ไม่มีอารมณ์ที่จะคุยดีๆกับสามี จนตอนนี้รู้สึกจะเป็นโรคประสาทไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่เราเริ่มพูดเรื่องพวกนี้กับสามี ถึงจะพูดดีๆ เค้าจะเครียดและทะเลาะกัน ถามเราว่าน้องสาวของเค้ามาทำอะไรเรานักหนา หรือเราเกลียดน้องสาวของเค้าอะไรขนาดนี้
- เราตัดสินใจขอเค้าหย่าอีกครั้ง โดยขอเวลาอีก 1 ปี หลังจากนี้เพื่อเราจะได้ย้ายไปอยู่กับลูกที่ชลบุรี เพราะลูกต้องไปเรียนที่นั่นอยู่แล้ว เราไม่อยากอยู่แบบอึดอัดใจและไม่มีความสุขแบบนี้อีก มันทำให้เราป่วย จิตตก งานเราดร็อปลง เราคุยเล่นกับลูกน้อยลง จนลูกสัมผัสได้ว่าเราเครียดและมักจะกอดและเข้ามาหอมแก้มให้กำลังใจเราเสมอๆ การตัดสินใจหย่าครั้งนี้ สามีไม่ยอมอีกเหมือนเดิม เค้าขอโทษและขอโอกาสเพื่อจัดการกับน้องสาวคนนี้อีกครั้ง
- ปัจจุบันยังเหมือนเดิม น้องสาวคนเดิม นิสัยเดิม เราบอกว่านี่สิ้นเดือนแล้ว เงินเดือนออกแล้ว ให้เอาผ้าไปหยอดเครื่องซักผ้าใต้ตึกนะ เราไม่สะดวก เราบอกสามีไปแบบนี้ เพราะตอนนี้นางมีอุปกรณ์ครบแทบไม่ต้องซื้ออะไรเลย แต่สามีไม่พอใจหาว่าเรารังเกียจนาง และเริ่มจะทะเลาะกันอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เราอยากถามว่า เราผิดมั้ย และควรทำยังไง ปรับตัวยังไง เพราะตอนนี้ในหัวของเราคิดวนไปแต่เรื่องพวกนี้ ทำงานไม่ได้ จะประสาทอยู่แล้ว ตอนเราป่วยเราไปหาหมอเอง แต่ตอนนางป่วย สามีเราพานางไปหาหมอ เราจิตตกมาก และมากขึ้นทุกวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่