ตามหัวข้อเลยจ้า...
ขอเล่าเลยแล้วกันค่ะ พอดีเพิ่งเริ่มกลับมาทำงานในกรุงเทพอีกครั้งหลังจากโควิดไปเสียสองปี (อันนี้ไม่เกี่ยวแต่อย่างใด ขอเล่าเกริ่น ๆ เอาก็แล้วกัน)
ในระหว่างนั้นเห็นโปรเลเซอร์ขนรักแร้ ของคลีนิกแห่งหนึ่ง IPL ราคา 9XX โปร 12 ครั้ง และแล้วก็จองไปสิคะ
จ่ายเงินอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ โอนไวมาก หลังจากนั้นก็ติดต่อการไปทำ
จวบจนไปทำ นั่นแหละค่ะ ปัญหาเกิด
เขาบอกมีคอร์ส เลเซอร์แบบเย็น เราก็บอกไม่สะดวกค่ะ ไม่สะดวกเดือนนี้
การคะยั้นคะยอ ถึงสามครั้ง และทั้งสามครั้งคือการอธิบาย เราก็บอกไม่สะดวก ไม่สะดวก เพราะไม่สะดวกจริง ๆ การทำเลเซอร์ขนรักแร้แบบเย็นครั้งละ 3000 กว่า ชั้นยังต้องเอาเงินไปทำอย่างอื่นอีกอีก เอ้าขายเลเซอร์เย็นไม่ได้ก็บอกให้เอามาร์กรักแร้ขาวใสไปแทนก็แล้วกัน ราคาพันกว่า เราก็ยังบอกไม่สะดวกอยู่แบบนั้น
สิ่งที่ได้คือการปิดประตูดังปัง ใส่หน้า (ไร้มารยาทสิ้นดี) การชักสีหน้าใส่เมื่อปิดการขายไม่สำเร็จ (อันนี้ก็ไร้มารยาทไม่ต่างกัน) เพราะด้วยส่วนหนึ่งตรงอายคอนแทคมันแสดงออกทุกอย่างเวลาคิดอะไร (เราเป็นคนเรียนการแสดง)
ก่อนจะจบยังไม่ลืมที่จะเป็นคำทิ้งท้าย "พี่ไม่อยากให้น้องพูดว่าไม่สะดวกค่ะ ไม่สะดวกค่ะ อยากให้น้องลองเปิดใจทำก่อน"
คือเราเองก็คันปากนึกในใจแบบคนอารมณ์ดีที่ไม่ค่อยจะอารมณ์ดีสักเท่าไหร่แล้วว่า "ไม่รู้จักคำว่าไม่สะดวกหรืออย่างไรคะ"
แล้วแทนที่มันจะจบแค่นั้น ขอให้เราถ่ายคลิปรีวิวด้วย ซึ่งคลิปรีวิวมันควรที่จะเป็นเคสรีวิวที่ได้ราคาพิเศษอยู่ในเงื่อนไขสัญญาการแจ้งของบริษัทหรือเปล่า
แต่ให้มันจบ ๆ ไปก็พูดตามสคริปถ่ายให้แบบแกน ๆ และความน่ารำคาญ
ส่วนพนักงานของคลีนิกบริการดีมาก คงรู้ว่าชั้นผ่านขั้นตอนการขายคอร์สแบบน่ารำคาญและคงรู้ว่ารอบหน้าชั้นเทแน่ ๆ
ในตอนทำนั้น " IPL ต้องทำแบบสม่ำเสมอถึงจะเห็นผลนะคะลูกค้า เพราะแบบนั้นรอบหน้าลูกค้าอย่าลืมมาตรงตามนัดนะคะ " ใด ๆ ก็ตามฉันเทแน่ ๆ ค่ะ
เพราะงั้นรอบหน้าฉันทำก็ไม่ใช่จากคลีนิกนี้แน่นอน ยอมจ่ายแพงเสียดีกว่า นั่นคือสิ่งที่คิดในใจ
เลยตัดสินใจได้ว่าไม่น่าเห็นแก่ของถูกราคา 999 บาท เจอการพ่วงขายแบบน่ารำคาญ เพราะงั้นคอร์สเลเซอร์นี้ได้เทแน่นอน
ยอมไปทำครั้งละหลักพันบาทที่ไม่มาพูดวุ่นวายน่ารำคาญเสียยังดีกว่า
ในวันนั้นเองยังเหลือคอร์สดริปผิวอีกหนึ่งคอร์สตัดสินใจไปทำให้เสร็จ ๆ
แจ้งพนักงานว่าขอทำคอร์สดริปผิว พนักงานถามจะซื้อโปรต่อเลยไหม เราบอกว่ารอบหน้าเดี๋ยวมาซื้อ
แค่นั้นพนักงานรู้เรื่อง แล้วเชิญเราเข้าไปดริปผิว แล้วเราก็คิดยังไงรอบหน้าก็คงดริปผิวที่นี่กับทำเลเซอร์ที่นี่ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปดีกว่า
แค่นี้เอง...ดูปากลูกค้าว่าต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร
ถ้าคลีนิกเสริมความงามไหนเข้ามาอ่าน โปรดให้รับรู้ด้วยว่า ไม่ใช่คุณจะได้ลูกค้าเพิ่มนะ คุณน่ะไล่ลูกค้าชัด ๆ มันน่ารำคาญมาก ๆ
แล้วก็ถือเสียว่าเตือนคุณ ๆ ที่เห็นคอร์สถูกเลยแล้วกันค่ะ ว่าต้องมานั่งฟังการขายคอร์สเพิ่มแล้วพอเราไม่ซื้อ ก็อารมณ์เสียใส่เรา
มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นกับคนที่จ่ายเงินเข้ารับบริการ ไม่ว่าจะถูกหรือจะแพง เพราะงั้นเลือกคลีนิกเสริมความงามที่ไว้ใจได้ คุยได้ แล้วเราไม่ต้องมานั่งอารมณ์เสียในระหว่างรอทำ แล้วต้องมานั่งอารมณ์เสียทั้งวันที่เจออีก มันไม่สนุกเลยจริง ๆ
อันนี้น่ะคติเตือนตัวเองของเราไว้เลย เพราะเห็นแก่ของถูกเลยได้ความน่ารำคาญแบบถึงห้องกลับมาไมเกรนขึ้น
ในชีวิตมีเรื่องอื่นให้เครียดพออยู่แล้วจ่ายแพงหน่อยเพื่อความสบายใจดีกว่า เชื่อเราเถอะ ส่วนคลีนิกไหนไม่ขอเอ่ยทั้งสองคลีนิกเลย เดี๋ยวจะต้องมาฟ้องกันให้เสียเวลา แต่ที่อยากเปรียบเทียบให้เห็นคือพนักงานทั้งสองที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เหนื่อยยยย หวังว่าชั้นจะไม่ต้องโดนฟ้องนะ แต่อยากเอามาเล่าให้ฟังจริง ๆ ว่ามันเจออะไรบ้าบอมา
หากใครเจอปัญหาแบบนี้ลองเอามาเล่าให้ฟังกันได้ค่ะ หวังว่าฉันคงไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องมานั่งทนอะไรแบบนี้
คิดเห็นแบบไหนกับคลีนิกเสริมความงามที่ชอบขายคอร์สเพิ่มจนน่ารำคาญ
ขอเล่าเลยแล้วกันค่ะ พอดีเพิ่งเริ่มกลับมาทำงานในกรุงเทพอีกครั้งหลังจากโควิดไปเสียสองปี (อันนี้ไม่เกี่ยวแต่อย่างใด ขอเล่าเกริ่น ๆ เอาก็แล้วกัน)
ในระหว่างนั้นเห็นโปรเลเซอร์ขนรักแร้ ของคลีนิกแห่งหนึ่ง IPL ราคา 9XX โปร 12 ครั้ง และแล้วก็จองไปสิคะ
จ่ายเงินอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ โอนไวมาก หลังจากนั้นก็ติดต่อการไปทำ
จวบจนไปทำ นั่นแหละค่ะ ปัญหาเกิด
เขาบอกมีคอร์ส เลเซอร์แบบเย็น เราก็บอกไม่สะดวกค่ะ ไม่สะดวกเดือนนี้
การคะยั้นคะยอ ถึงสามครั้ง และทั้งสามครั้งคือการอธิบาย เราก็บอกไม่สะดวก ไม่สะดวก เพราะไม่สะดวกจริง ๆ การทำเลเซอร์ขนรักแร้แบบเย็นครั้งละ 3000 กว่า ชั้นยังต้องเอาเงินไปทำอย่างอื่นอีกอีก เอ้าขายเลเซอร์เย็นไม่ได้ก็บอกให้เอามาร์กรักแร้ขาวใสไปแทนก็แล้วกัน ราคาพันกว่า เราก็ยังบอกไม่สะดวกอยู่แบบนั้น
สิ่งที่ได้คือการปิดประตูดังปัง ใส่หน้า (ไร้มารยาทสิ้นดี) การชักสีหน้าใส่เมื่อปิดการขายไม่สำเร็จ (อันนี้ก็ไร้มารยาทไม่ต่างกัน) เพราะด้วยส่วนหนึ่งตรงอายคอนแทคมันแสดงออกทุกอย่างเวลาคิดอะไร (เราเป็นคนเรียนการแสดง)
ก่อนจะจบยังไม่ลืมที่จะเป็นคำทิ้งท้าย "พี่ไม่อยากให้น้องพูดว่าไม่สะดวกค่ะ ไม่สะดวกค่ะ อยากให้น้องลองเปิดใจทำก่อน"
คือเราเองก็คันปากนึกในใจแบบคนอารมณ์ดีที่ไม่ค่อยจะอารมณ์ดีสักเท่าไหร่แล้วว่า "ไม่รู้จักคำว่าไม่สะดวกหรืออย่างไรคะ"
แล้วแทนที่มันจะจบแค่นั้น ขอให้เราถ่ายคลิปรีวิวด้วย ซึ่งคลิปรีวิวมันควรที่จะเป็นเคสรีวิวที่ได้ราคาพิเศษอยู่ในเงื่อนไขสัญญาการแจ้งของบริษัทหรือเปล่า
แต่ให้มันจบ ๆ ไปก็พูดตามสคริปถ่ายให้แบบแกน ๆ และความน่ารำคาญ
ส่วนพนักงานของคลีนิกบริการดีมาก คงรู้ว่าชั้นผ่านขั้นตอนการขายคอร์สแบบน่ารำคาญและคงรู้ว่ารอบหน้าชั้นเทแน่ ๆ
ในตอนทำนั้น " IPL ต้องทำแบบสม่ำเสมอถึงจะเห็นผลนะคะลูกค้า เพราะแบบนั้นรอบหน้าลูกค้าอย่าลืมมาตรงตามนัดนะคะ " ใด ๆ ก็ตามฉันเทแน่ ๆ ค่ะ
เพราะงั้นรอบหน้าฉันทำก็ไม่ใช่จากคลีนิกนี้แน่นอน ยอมจ่ายแพงเสียดีกว่า นั่นคือสิ่งที่คิดในใจ
เลยตัดสินใจได้ว่าไม่น่าเห็นแก่ของถูกราคา 999 บาท เจอการพ่วงขายแบบน่ารำคาญ เพราะงั้นคอร์สเลเซอร์นี้ได้เทแน่นอน
ยอมไปทำครั้งละหลักพันบาทที่ไม่มาพูดวุ่นวายน่ารำคาญเสียยังดีกว่า
ในวันนั้นเองยังเหลือคอร์สดริปผิวอีกหนึ่งคอร์สตัดสินใจไปทำให้เสร็จ ๆ
แจ้งพนักงานว่าขอทำคอร์สดริปผิว พนักงานถามจะซื้อโปรต่อเลยไหม เราบอกว่ารอบหน้าเดี๋ยวมาซื้อ
แค่นั้นพนักงานรู้เรื่อง แล้วเชิญเราเข้าไปดริปผิว แล้วเราก็คิดยังไงรอบหน้าก็คงดริปผิวที่นี่กับทำเลเซอร์ที่นี่ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปดีกว่า
แค่นี้เอง...ดูปากลูกค้าว่าต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร
ถ้าคลีนิกเสริมความงามไหนเข้ามาอ่าน โปรดให้รับรู้ด้วยว่า ไม่ใช่คุณจะได้ลูกค้าเพิ่มนะ คุณน่ะไล่ลูกค้าชัด ๆ มันน่ารำคาญมาก ๆ
แล้วก็ถือเสียว่าเตือนคุณ ๆ ที่เห็นคอร์สถูกเลยแล้วกันค่ะ ว่าต้องมานั่งฟังการขายคอร์สเพิ่มแล้วพอเราไม่ซื้อ ก็อารมณ์เสียใส่เรา
มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นกับคนที่จ่ายเงินเข้ารับบริการ ไม่ว่าจะถูกหรือจะแพง เพราะงั้นเลือกคลีนิกเสริมความงามที่ไว้ใจได้ คุยได้ แล้วเราไม่ต้องมานั่งอารมณ์เสียในระหว่างรอทำ แล้วต้องมานั่งอารมณ์เสียทั้งวันที่เจออีก มันไม่สนุกเลยจริง ๆ
อันนี้น่ะคติเตือนตัวเองของเราไว้เลย เพราะเห็นแก่ของถูกเลยได้ความน่ารำคาญแบบถึงห้องกลับมาไมเกรนขึ้น
ในชีวิตมีเรื่องอื่นให้เครียดพออยู่แล้วจ่ายแพงหน่อยเพื่อความสบายใจดีกว่า เชื่อเราเถอะ ส่วนคลีนิกไหนไม่ขอเอ่ยทั้งสองคลีนิกเลย เดี๋ยวจะต้องมาฟ้องกันให้เสียเวลา แต่ที่อยากเปรียบเทียบให้เห็นคือพนักงานทั้งสองที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เหนื่อยยยย หวังว่าชั้นจะไม่ต้องโดนฟ้องนะ แต่อยากเอามาเล่าให้ฟังจริง ๆ ว่ามันเจออะไรบ้าบอมา
หากใครเจอปัญหาแบบนี้ลองเอามาเล่าให้ฟังกันได้ค่ะ หวังว่าฉันคงไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องมานั่งทนอะไรแบบนี้