ลูกสาวโดนคุกคามทางเพศจากเพื่อนวัยรุ่น จะรับมือแค่ไหนดี

*อัพเดทเนื้อหาใน ความเห็นที่ 16
คำถามคือ
เราควรเอาเรื่องกับเด็กหนักแค่ไหน? โรงเรียนควรทำโทษขนาดไหน
คำถามแทรกเสริม น้องๆวัยรุ่น เจอการคุกคามทางแชทแบบนี้เยอะกันขนาดไหนกับสังคมยุคนี้
เรื่องย่อ
ลูกสาว(14) ถูกเพื่อนชาย แชทมา นัดหมายว่าจะขอจับเรือนร่าง ปฎิเสธไปก็แล้วยังถูกคุกคาม ข่มขู่ว่าจะจับเพิ่มเติม รวมถึงแชทขอรูปภาพส่วนตัวผ่านไลน์

เรื่องเต็ม
ลูกสาววัย 14  ปี เพิ่งเปิดเรียนไปโรงเรียน onsite ได้เดือนกว่าๆ ได้เจอเพื่อน และมีเพื่อนเพิ่ม จนวันหนึ่งก็เกิดปัญหาขึ้น  ก็คือ ลูกสาวมานั่งปรึกษาว่า รู้สึกกดดัน ไม่โอเคกับเพื่อนคนหนึ่งที่แชทมาหาทุกวัน พอขอดูว่าเรื่องอะไร ก็ต้องตกใจหน่อยๆครับว่า เป็นแชทคุยกันเยอะพอสมคว โดยฝ่ายชาย จะขอจับหน้าอก ก้น และเรือนร่าง โดยนัดหมายไปเจอกันในห้องเรียนหลังเลิกเรียน และตามตื๊อมายาวนานเป็นสัปดาห์ และเริ่มคุกคามมากขึ้นเช่น ถามว่าหน้าอกตอนนี้ขนาดไหน ถ้าจะขอจับในกระโปรงได้มั้ย  หนักสุด เมื่อลูกสาวเบี้ยวนัดบ่อยๆก็เริ่มด่าทอต่อว่า เช่น บอกว่า รอจน"เจ็บท้องน้อย" ไปหมดแล้ว ข่มขู่ว่า ฐานที่ให้รอนานจน"ไข่ตุง" ต้องขอจับเพิ่ม และลูกสาวก็ได้ตอบไปในนั้นแล้วว่า ไม่โอเค ไม่นัดแล้ว ไม่เอาแล้ว ทางนั้นก็ยังตอแยและตื๊อ ที่สำคัญ มาดักรอที่ตึก (ฝ่ายชายเรียนแผนปกติ ลูกสาวเรียนฝั่งภาษาอังกฤษ แยกตึกเรียนกัน) จนเธอต้องหลบหนีหน้า ต้องคอยเดินหลบๆซ่อนๆ กลัวจะเจอกลุ่มนี้
 
เมื่อนำเรื่องไปถึงโรงเรียนโดยที่ปรึกษากับครูที่ปรึกษาก่อน สืบเบาะแสเรื่องจากการให้ปากคำของเด็กๆ ที่ครูรายงานก็คือ
ลูกสาวผม ไปนั่งเล่นกับเพื่อนของเธอและเพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนกับเด็กชายกลุ่นี้ ซึ่งมาจากประถมที่เดียวกัน มานั่งเล่นคุยกัน เห็นลูกสาววาดการ์ตูนในไอแพดอยู่ ก็มีคนหนึ่งที่ชอบวาดการ์ตูนเหมือนกันคุยเรื่องวาดรูปด้วยกัน จนเริ่มสนิทกันมา ตั้งแต่ต้นเทอม และด้วยความที่ลูกสาว ปกติก็เป็นพวกสนิทกับเพื่อนผู้ชายไม่ยาก เล่นเกมส์ อ่านการ์ตูนผู้ชาย (เมื่อก่อนวิ่งใส่กระโปรงเตะบอลเลยด้วยซ้ำ

คู่กรณีก็เป็นเด็กชายคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนใหม่ที่มาสนิท คงเพราะด้วยต่างก็วาดการ์ตูนในไอแพดเล่นเป็นประจำเลยแลกไลน์คุยกันมาเรื่อยๆ และเมื่อคุยถึงเรื่องจะวาดตัวละครหญิง เด็กคนนั้นก็บอกว่าวาดไม่ได้ มันยาก สัดส่วนมันยาก ปรึกษาลูกสาวว่าจะวาดยังไง ตรงไหนต่องโค้งเว้ายังไง ซึ่งลูกสาวก็ได้ร่างภาพสัดส่วนคนผู้หญิง หาแบบร่างต้นแบบให้ หาตัวการ์ตูนที่เธอคิดว่านักเขียนคนนี้วาดสวย (ซึ่งเธอก็หาแบบผู้หญิงในการ์ตูนผู้ชายไปให้) แต่วันหนึ่ง เพื่อนคนนี้ก็ขอให้เธอเป็นแบบให้หัดวาดหน่อย ก็นัดหมายกันไปนั่งเป็นแบบให้ โดยที่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมีเพื่อนคนอื่นอยู่ด้วย วาดกันในห้องเรียนหลังเลิกเรียน มันก็จะเงียบๆหน่อย แต่ไม่ลับตาคนนัก 
ระหว่างที่วาดเพื่อนคนอื่นก็เข้า และออกห้องเป็นปกติ ชุดที่ใส่ก็ชุดพละโรงเรียน แต่เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้น(กางเกงวิ่ง) แล้วทับเสื้อเข้ากางเกง ก็คล้ายๆชุดพละญี่ปุ่น (ไม่ใช่กางเกงบลูม่านะครับ กางเกงวิ่งขาสั้นเฉยๆ) ซึ่งจากหลักฐานที่รวบรวมมาก็มีรูปนี้จริงๆ มีพยานยืนยันว่าแบบนี้จริง แต่สิ่งที่ลูกสาวให้การคือ ตอนวาด มีมาจัดท่าบ้างนิดหน่อย ซึ่งก็โดนตัวเธอ แต่ตอนนั้นคิดว่าคงไม่ตั้งใจ

ก็ผ่านเหตุการณ์นี้ไป (ซึ่งไม่มีใครรู้ถ้าเรื่องหลังจากนี้ไม่แดงขึ้นมา)
ฝ่ายชายก็ส่งรูปที่วาดและลงสีมาแชร์กันให้ comment แลกกันแล้วเธอก็เอาแบบที่เพื่อนร่างมาวาดลงสีสร้างใหม่ส่งไป แต่ดันทำเป็นชุดเข้ารูป คล้ายๆจะเป็นแม่มดตามมังงะสมัยนี้ แต่ใส่ผ้าคลุมทับบอดี้สูทอะไรงั้น ซึ่งฝ่ายชายก็มีความอยากวาดหุ่นแบบนี้ พอชุดพละมันบังเลยไม่รุ้ว่าผู้หญิงรูปร่างยังไง ยังวาดไม่ได้

นายนี่ก็ขอให้ถ่ายรูปเห็นสัดส่วนส่งไปหน่อย ชุดว่ายน้ำก็ได้ ลูกสาวก็ไม่ยอม จนอีกฝ่ายบอกว่า งั้นขอให้มาเป็นแบบวาดอีกหนได้มั้ย จะขอวาดแล้วกะสัดส่วนตามเดิม ซึ่งลูกสาวก็ตกลงรับปากไป แต่ก็ยังไม่ได้นัดหมายกันสำเร็จ บางวันนัดไว้แต่เธอก็หาทางเลี่ยงไม่ไป เพราะฝ่ายชายถามเรื่องก้น หน้าอก สะโพก มาตลอด ถามสัดส่วน ขนาดกี่นิ้ว อ้างว่าจะกะไว้ก่อน พอเริ่มไม่ปกตินางก็พยายามชิ่ง ฝ่ายชายก็ยิ่งตอแยมากขึ้น จนถึงกับ คุกคามมาขอจับ ล้วง ดังที่กล่าวมาตอนแรก ถึงตรงนี้ ลูกสาวผมก็ไม่เอาด้วยแล้ว

เธอเอาเรือ่งไปบอกเพื่อนที่เป็นคนกลางให้รู้จักกัน เพื่อนก็ไปเคลียร์ให้ แต่ได้ความมาว่า ฝ่ายชายยืนยันว่าเธอต้องอย เพราะเธอรับปากไปแล้ว และจะเอาแชทนี้ที่เธอรับปากบอกให้โลกรู้ว่าเธอได้ยินยอมแล้ว ลูกสาวจึงเครียดมาก นำเรื่องมาปรึกษาพ่อนี่เอง
ตอนแรก ก็แอบเห็นว่ามีเพื่อนวาดรูปด้วยส่งกันไปกันมาทางแชร์ไดรฟ์ และแชทกัน ซึ่งลูกสาวก็เคยเล่า ผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ต่อให้ฝ่ายชายมาจีบกันคงไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งอะไรมากนัก แต่มาถึงขั้นนี้ มันดูเกินปกติและที่สำคัญคอ ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยแล้วแต่ยังคุกคามอยู่

ทางโรงเรียนถามว่าทางคุณพ่อ(ผม) จะเอาเรื่องอะไรบ้าง ถ้าจะพบผู้ปกครองฝั่งนั้นทางโรงเรียนจะเป็นคนกลางดำเนินการให้ และหากต้องการเอาผิดทางกฎหมาย ก็สามารถทำได้ เพราะคำที่ใช้บางคำมันคุกคาม และล่วงละเมิดทางเพศกันพอสมควร (เช่นมีถามว่าตอนนี้ใส่ชุดนอนอะไร  ให้อธิบาย ขอดูหน่อย)

ถามลูกสาวว่าเอาไงดี นางก็บอกว่า ทำยังไงก็ได้ไม่ให้มาเจอกันอีก เธอไม่ติดใจเอาความ แต่โรงเรียนต้องลงโทษสถานหนักและฝ่ายนั้นต้องยอมมาขอโทษเธอต่อหน้าสาธารณะ เพื่อให้คนอื่น(ที่เริ่มมีเรื่องซุบซิบออกไปบ้างแล้วเมื่อครูทำการไล่เรียกเด็กเหล่านี้มาสอบปากคำ) ได้เห็นและรับรู้ว่าเธอคือเหยื่อที่ถูกกระทำไม่ได้เป็นพวกเล่นด้วยแล้วตีชิ่ง
ทางแม่(อดีตภรรยา ที่หย่ากันแล้ว) รู้เรื่องก็ปรี๊ดแตกมาก จะเอาเด็กคนนี้ขึ้นโรงพัก จะให้ออกจากโรงเรียนให้ได้ ซึ่งผมก็มองว่า มันดูแรงไปหน่อย ถามว่าสิ่งที่ทำมันผิดมั้ย ตอบเลยว่าผิดครับ แต่ถามว่า มันผิดจนถึงขนาดนั้นมั้ยก็พูดยาก ผมมองว่า อาจจะเลยตามเลย ตามน้ำไป ถ้ามาวาดมาใกล้ชิดกันกหมาหยอกไก่ไล่ตับไล่แตะ หาโอกาสต่างๆไปเรื่อยๆ แชททะลึ่งลามก ก็ตามวัย หื่นกามทรามตามอายุคะนองแบบประสา (เพราะยังไม่ถึงขั้นเซ็กส์แชท หรือ พยายามชวนคุยเรื่องเซ็กส์) การนัดไปวาดรูปทั้งหนแรก และหนที่สองเท่าที่ดูก็ไม่ได้เป็นแผน"เชือด" ชนิดที่เพื่อนพากันสร้างสถานการณ์รู้เห็นเป็นใจ ปิดห้องให้อยู่กันสองคน แต่อดีตภรรยาผมมองว่า นี่แหละถ้าปล่อยไว้ มันก็จะไปถึงขั้นนั้นได้

แต่เราจะเอาผิดสถานหนักกับสิ่งที่"มันอาจจะ" เป็นแบบนั้นในอนาคตถ้าปล่อยไว้ เหมือนกับการบอกว่า เด็กคนนี้ ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆจะเป็นอาชญากร ดังนั้นเราลงโทษมันให้หนักก่อนเป็นอาชญากรก็ได้ แล้วผมถามทางครูที่รับเรื่อง แจ้งมาว่า เด็กคนนี้ประวัติค่อนข้างโอเค ไม่ได้เกเรเกินเลเวล มีบ้างที่แสบๆตามประสา เสียงดังตามเพื่อนในกลุ่มแต่ถ้าอยู่คนเดียวก็เงียบๆ ออกจะเนิร์ดๆติ๋มๆด้วยซ้ำ (แต่ไปอยู่กับเพื่อนเฮ้วๆหน่อย) และดูหงอยพอสมควรกับเรื่องนี้ 
ส่วนผู้ปกครองฝ่ายนั้น ก็ดูจะแข็งขืน ยืนยันว่าลูกเค้าผิด แต่ไม่ได้ผิดรุนแรงมาก เป็นความ"คะนอง" ของเด็กเท่านั้น อยากให้โรงเรียนพิจารณาอีกครั้ง สำหรับบทลงโทษตัดคะแนนความประเฑติ ซึ่งนับว่าหนัก เพราะเป็นสิ่งที่เพิ่มไม่ได้อีกในตลอดการศึกษา หากเกิดอะไรขึ้นอีก โอกาสรับโทษหนักก็จะตามมา

ถาม พ่อแม่ น้องๆวัยรุ่น ถามทุกท่านครับว่า เรื่องนี้ หากเป็นท่าน จะทำอย่างไรดี อยากให้โรงเรียนลงโทษแบบไหน และพ่อแม่ฝ่ายเด็กผู้หญิง ควรเอาเรื่องถึงขั้นไหนดี?

แต่สิ่งหนึ่งที่ฝากเอาไว้เลยก็คือ 
เท่าที่คุยกับลูกสาวและเพื่อนๆเค้า เรื่องแบบนี้ การคุกคามหรือบูลลี่ในแชทของเด็กรุ่นนี้ มีให้พบเห้นและเจอบ่อยมากจนปกติ ยิ่งเดือนแห่งความเท่าเทียมทางเพศที่ผ่านมา มีการเหยียดเพศ มีการคุกคามเพื่อน LGBTQ+ ในแชทกลุ่มอย่างรุนแรง มีการทักไลน์ส่วนตัวไปหาเพื่อน พวกเด็กผู้หญิง เคยมี"ใครก็ไม่รู้" ทักมาคุยด้วย ยิ่งพวกที่เล่นไอจี ทวีตเตอร์ เจอกันจนเป็นปกติ บางคนก็เห็นเป็นเด็กมัธยมต้น มาทักคุยแล้วส่งหนอนน้อยมาเลยก็มี (ลูกสาวบอกว่าเคยเจอก็บล็อคไปเลย) แต่คราวนี้ที่ต่างคือเกิดจากคนใกล้ตัวี่รู้จักกัน

แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างจากยุคก่อนๆนะครับ เพราะถ้าจำไม่ผิด อัตราการข่มขืน คุกคามทางเพศ ส่วนมากเกิดจากคนใกล้ตัวกันนี่แหละไม่ใช่ว่าเดินๆไปแล้วเจอไอ้หื่นกามมาดัก (พวกนั้นคือส่วนน้อย) ดังนั้นการวางตัวรับมือกับคนรอบตัวน่าจะเป็นอีกเรื่องที่ต้องปลูกฝังเอาไว้ตั้งแต่เล็ก และการรับมือเรื่องเหล่านี้"ผ่านแชท" ก็เป็นอีกมุมที่พ่อแม่เจ็นเพลงเจ้าสาวที่กลัวฝน กับมังกรหยกอย่างพวกผม ไม่คาดคิดกันครับ 

อันนี้จริงๆจบแล้วแต่เม้าท์ต่อ เพราะพอย้อนเจ็นกลับไป ผมก็มานึกได้ว่าสมัยก่อน เราก็จะแสวงหาเบอร์สาวที่อยากคุย ต้องหาแทบตาย หาจากชื่อพ่อ ชื่อแม่ของสาวเจ้าแล้วไปเปิดสมุดหน้าเหลืองเพื่อให้ได้เบอร์บ้าน พอโทรไปแล้วพ่อเค้ารับก็ต้องรีบวาง หรือทำเนียนว่าโทรผิด บางทีสาวเค้าไม่ได้อยากให้ ไม่ได้อยากคุยก็โทรไปตื๊ออยู่นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้หมายจะไปจับไปทำอะไรขนาดนั้น ขนาดโทรไปเจอเสียงแข็งๆหรือวางหูใส่ แล้วเค้าไปบอกเพื่อนเค้าให้มาบอกว่า "เอ็งเลิกโทรมาได้แล้วนะ" แค่นี้ก็ใจสลาย หงอยจนเดินตากฝนไปป้ายรถเมล์พร้อมกับฟังเพลงไมโครไปด้วยแล้ว พอมายุควัยรุ่นสมัยนี้ มันง่าย ไว เร็ว และไปต่อได้สะดวกจริงๆ
กว่าไอ้คุณพ่อ จะมีโอกาสนั่งวาดรูปกับสาว ก็ ม.6  แล้ว ต้องนัดกันเอาสมุดวาดรูป สี ไปนั่งวาดกับพี่ติวแล้วชวนกันวาดอยู่ต่อ แค่นั้น ก็นั่งดีใจไปโม้ได้แล้ว วาดจบต้องนั่งรถเมล์ไฟส่งแล้ววนกลับบ้านตัวเองอีก  พอลงรถเมล์แถวบ้านต้องแวะหยอดตู้ โทรหาว่าถึงหน้าบ้านแล้ว คุยซัก 5 บาท แล้วลงท้ายว่าดึกๆจะโทรไปนะ (แล้วนอนคุยยันเช้า) จากนั้นเฝ้ารอคอยสัปดาห์ต่อไป ที่จะได้ไปติวเพื่อเจอเธอ

สมัยนี้ เอะอะก็แลกไลน์หากัน อยากดูอะไรก็ขอรูป ขอคลิป ส่งรูปส่งคลิปหากัน ไอ้กระผมเนี่ย ว่าเตรียมตัวๆ เตรียมใจและพยายามปรับตัวแล้วนะ พอเรื่องบังเกิด ก็รู้สึกว่าผิดพลาดไปไม่น้อยเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
update

ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านครับ ในทุกๆมุมความเห็น ผมใช้ความเห็นของแต่ละท่าน คนละนิด ละหน่อย ผสมกัน นำมาเป็นวัตถุดิบในการพูดคุยกับลูก ครู และ ผู้ปกครอง อีกฝ่าย เดี๋ยสขอตอบแต่ละท่านอีกทีนะครับ ตอนนี้ เพิ่งกลับมาจากโรงเรียน นัดคุยกับครู ผู้บริหาร และผู้ปกครองฝ่ายนั้น รวมถึง ได้เจอกับเด็กชายคนนั้นครับ (สองวันก็วุ่นวายกันไปกับเรื่องนี้แหละครับ อ่านแต่ไม่ได้ตอบใครเลย)

เข้าเรื่องรวนะครับ เนื้อหาคดีนี้ไม่มีอะไรเพิ่มแล้วครับ มีดีเทลนิดหน่อยเช่น ตอนวาดรูปครั้งแรก ทำไมไปวาด (ก็อย่างที่บอกว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย) แต่สรุปว่าที่ไปวาดเพราะ คุยกันแล้วสนุกดี นางก็เพิ่งมีเพื่อนมาคุยเรื่องวาดการ์ตูนจริงจัง ก่อนนี้มีแต่เป็นคนวาดให้เพื่อนๆ วาดทำงาน ทำการ์ด มาเจอเด็ก ผช คนนี้ วาดได้เก่งพอๆกัน วาดละเอียดกว่านาง แต่วาดผู้หญิงไม่ได้ ก็คิดว่าได้ช่วยกัน โดยฝ่ายชาย สอนเธอวาดพวกต้นไม้ ฉาก หิน ท้องฟ้า ซึ่งเธอวาดไม่ได้ดีเท่าที่ต้องการ ตอนแรกก็นั่งวาดรูป โดยมีเพื่อนๆในกลุ่มนั่งเล่นเกมส์ใกล้ๆ เด็กคนนี้ก็สอนวาดตามปกติ ร่างแล้วส่ง airdrop มาให้วาด จากนั้นก็ตาเธอ โดยให้เธอนั่งเป็นแบบ (ตอนแรกจะยืน แต่ดูท่าทางนาน เลยนั่ง) เธอก็นั่งเก้าอี้ หน้าตรง เข่าชิด วางมือบนตัก (นั่งเรียบร้อยอย่างที่สุด)  ฝ่ายนั้นก็ร่างเส้นแล้ววาดโครงร่างออกมา แล้วก็ขอให้เปลี่ยนท่าดู ซึ่งก็เป็นการนั่งเอียง นั่งเท้าคาง นั่งไขว่ห้าง สลับๆไป
ทีนี้ พอเริ่มมีการจัดท่าทาง มันก็เริ่มมีการโดนเนื้อตัวกันมากขึ้น แรกๆก็แค่จับแขนวาง จับผม จับตัวให้หันไปมา แต่ที่ลูกสาวรู้สึกว่ามันไม่โอเคคือ ฝ่ายชายยืนเอาตัวเบียดชิดหลังตอนจัดท่า แล้ววันนั้นเป็นชุดพละ มันก็คือกางเกงวอร์ม นางรู้สึกว่ามี"ไอ้นั่น" มาโดนตรงหลัง ตรงไหล่ แต่ที่รู้สึกอึดอัดสุดคือ ฝ่ายชาย ให้นั่งแล้วเอามือรวมเสื้อพละเข้าเอว อยากให้เสื้อมันรัดๆเห็นอก เอว บอกว่า จะได้เห็นรูปร่าง ซึ่งเธอรู้สึกว่า ขอกันบอกกันก่อน ไม่ใช่จับนั่งๆแล้วเอามือรวมเสื้อไปเลย แต่ก็ยังไม่ถึงกับเดือด ก็เอาที่หนีบกระดาาษมาหนีบนั่งให้วาดเส้นร่างไป

ทั้งหมดนี้เกิดในแค่ 20-30 นาทีเท่านั้น แล้วก็โดนไล่ลงมาข้างล่างกันหมดครับ ปิดห้องเรียนไม่ให้ใครหมกอยู่ ซึ่งตั้งแต่ต้นยันจบ มีสองคนนี้วาด อีก 3-4 คน นั่งเล่นเกมส์ มีเพื่อนอีกกลุ่มนั่งคุยกัน (ลืมบอกไปว่า เหตุการณ์นี้เกิดในตึกฝั่งเรียนภาษาไทย  มีแค่ลูกสาวกับเพื่อน ผญ อีกคนที่มาจากฝั่งอังกฤษ ดังนั้นเธอบอกว่า รู้สึกแปลกที่และไม่สบายใจแต่แรก อันนี้เป็นความเยอะของลูกผมครับ เค้าไม่ชอบอยู่ที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งถ้าคนเดียวเลยจะประหม่ามาก)

ก็ผ่านไป ยังไม่ได้โกรธกัน ยังไม่มีเหตุอะไร แต่หลังจากนั้น พอเริ่มเอาเส้นร่างมาวาดกัน ซึ่งก็วาดจากต่างคนต่างวาดที่บ้าน แชทคุยกัน (ช่วงนี้ผมก็เห็น) มันเริ่มมีอะไรแปลกๆเช่น ฝ่ายชายบ่นว่า ออกมาไม่เหมือนผู้หญิง ไม่เห็นรูปร่าง มีแค่ที่ร่างตอนเอาเสื้อรัดตัวที่เห็นรูปร่าง อยากขอให้เป็นแบบอีก ประกอบกับ ลูกสาวผมดันวาดจากเส้นร่างเดียวกัน ออกมาเป็นบอดี้สูทรัดรูปได้ ฝ่ายชายเลยเริ่มสนใจจะอยากเห็นอยากลอง เริ่มคุยกันเรื่องอก เอว ก้น ที่ถามมาอ้อมๆบ้าง ตรงๆบ้าง บางครั้งกโทรคุยกัน ก็ถามสัดส่วน ในลักษณะว่า อกมันรูปร่างยังไง หัวนมสูงประมาณไหนของข้อศอก ก้นมันจะยื่นออกไปแค่ไหน ลูกสาวก็ยังไม่คิดว่ามันดูลวนลาม แค่เขินๆ ไม่ค่อยอยากคุย

แต่นี่คือเพื่อนผู้ชายคนแรกที่แชทและคุยกันเกินปกติ ก่อนนี้มีแต่เพื่อนผู้ชายประถมไล่เตะบอลกัน คุยกันเป็นกลุ่ม เล่นเกมส์กันเป็นก๊วน  เคยมีรุ่นพี่เล่นเกมส์แล้วคุยด้วยแต่อันนั้นเค้าไม่อยากคุย (เบื่อคนโม้) แต่คนนี้ นางก็รู้ึก"เพลิน" ขณะคุณ ไม่ได้รังเกียจแต่เขิน จนที่สุด เริ่มถูกขอให้ถ่ายรูปส่งไป แรกๆก็ถ่ายให้เป็นรูปปกติครับ ทำหน้าฮาๆ ทำท่ากวนๆ  แต่ฝ่ายนั้น เริ่มขอรูปที่เห็นรูปร่าง เห็นอก เสื้อชั้นใน ชุดว่ายน้ำ  น่าจะเพราะฝ่ายลูกสาวเองก็มีสง่รูปที่ไปวิ่ง ใส่เสื้อกล้าม กางเกงวิ่งไป (ให้พ่อนี่แหละถ่าย) ฝ่ายชายจึงเริ่ม "ลาม"

เธอจึงเริ่มพยายามไม่คุยเรื่องพวกนี้ ไม่รับปากเรื่องจะวาดรูปอีกครั้ง จากที่เคยรับปากในแชทว่า "อืม"  หลังๆพอถาม ทวงนัด ก็บอกว่าไม่อยากถ่ายแล้ว ไม่ชอบแบบนี้ ยิ่งพอฝ่ายชายเริ่ม หนักข้อ เริ่มมีลงทางเพศ เธอก็ด่าไปแล้ว (อห)  ฝ่ายชายก็ออกอาการว่า จะต้องจับให้ได้ ระวังไว้เหอะ  นี่คือการเตือนจากปีศาจ หรือใช้คำแบบว่า ไม่รอดหรอก ถ้าโดนจับคราวนี้จะจับให้เต็มมือเลย  เธอก็ทำการชิ่ง และแจ้งเพื่อนหญิงที่แนะนำมา เพื่อนก็ไปด่าเรียบร้อยแต่ฝ่ายชายก็ยังไม่หยุด  แล้วลูกสาวผม เค้าเป็นพวกไม่ค่อยสุงสิงกับใครตลอดเวลา บางทีก็ไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆในห้องสมุด ไปนั่งวาดรูปเงียบๆในห้องเรียนที่ไม่มีคน เค้าก็รู้สึกระแวง ใช้ชีวิตไม่เป็นสุข เย็นๆจะวาดรูป ก็ต้องคอยระแวงมองรอบตัวตลอด

จนมาปรึกษา ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ ได้จากการคุยกับทั้งฝ่ายหญิง(ลูกตัวเอง) และฝ่ายชาย โดยผมประสานของให้โรงเรียนและผู้ปกครอง มานั่งฟังผมซักเด็กชายคนนี้

สิ่งที่ผมต้องการคือ การได้พูดคุยกับเค้า ในเชิง"พี่" มากกว่าการไปไล่ต้อนเอาเรื่อง แต่ทางแม่ของฝ่ายชาย อยากนั่งฟังด้วยเพราะกลัว (คงกลัวโดนพ่อฝ่ายหญิงถีบเอา) และครูมานั่งเป็นพยาน ผมเอาเรื่องทั้งหมดที่ลูกสาวเล่า ไปนั่งคุย ตั้งแต่เริ่มเจอกัน คุยเรื่องวันว่างๆของเค้าทำอะไร ขอดูรูปที่เค้าวาดให้เค้าเล่าเรื่องตัวเองมากๆ และ คุยเรื่อง 18+ กับเค้า เล่นเอาคุณแม่เค้าตกใจไปเลย เริ่มจากการ์ตูนที่เค้าดู อ่าน สนใจ ผมพูดชื่อการ์ตูน"ร้อนแรง" ของวัยรุ่น ประเภทฮาเร็ม นมล้นๆ เค้าก็เคยดู ผมคุยเรื่องอ่านการ์ตูนโป๊มั้ย ดูคลิปโป๊รึเปล่า เค้าอึกอักๆ ผมก็ขอเค้าตรงๆเลยว่า ขอดูประวัติค้นหาใน google ได้มั้ย หันไปขอครูกับแม่เค้าว่าขอผมดูหน่อยนะ เจ้าตัวพยักหน้ายอม พอกดเข้าไป

ส่วนมากก็อ่านการ์ตูน เรื่องต่างๆทั่วไป เกมส์ แต่มีที่เป็นเว็บอ่านการ์ตูนโป๊ รูป คลิปโป๊ มีอ่านเรื่องสยิวๆแนวๆวัยรุ่นพวกนี้แหละ เค้าก็นั่งเกร็ง ท่าทางกระสับกระส่าย มือจิกขาตัวเองจนเนื้อย่นเลย ผมจึงปิดแล้วส่งคืนเค้า บอกไปว่า
...เข้าใจก่อนนะครับว่า เรื่องพวกนี้ไม่ได้ผิดอะไร คุณพ่อไม่ได้คิดว่าเลวร้าย แต่ปัญหาคือ น้องเอามันออกมามีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นในแบบที่ผิด
ผมถามแม่เค้าว่า รู้มั้ยว่าลูกชายเป็นหนุ่มแล้ว คุณแม่ก็อึกอักนิดหน่อย ว่ารู้แต่ไม่เคยคุยกัน ผมถามฝ่ายน้องเค้าว่า คุณพ่อสอนมั้ยว่าเรื่องพวกนี้ต้องทำไง เค้าก็ส่ายหน้า โอเค ... เรียบร้อยกันไป

มีคำถามตรงๆที่อยากถามน้องเค้าอีกเยอะแต่ไม่สามารถถามได้เดี๋ยววครูกับแม่เค้าจะลมใส่ เอาแค่ผมถามต่อไปอีกพอควรแล้วมาลงท้ายที่ว่า
...คิดไว้มั้ย ถ้าลูกสาวผมไปวาดอีกรอบ จะทำอะไร เค้าก็บอกว่าไม่ได้คิดหรอก อันนั้นแค่ขู่เฉยๆ  "อ้าวว ขู่ก็กลัวแล้วไม่กล้ามาเป็นแบบสิ อยากให้เค้ามาเป็นแบบทำไมขู่เค้า?"  เด็กชายก็นิ่งไป ตอบมาแค่ไม่รู้ครับ  พอเห็นเค้ากลัวผมเลยยิ่งขู่ คิดว่าขู่ไปแล้วจะกลัวแล้วยอมมาเป็นแบบอีก ไม่ได้คิดว่าพอมาเป็นแบบแล้วจะจับนั่นนี่
"แล้วถ้ามาเป็นแบบ พอโดนตัวไปแล้ว เค้าไม่ว่า จะจับเพิ่มมั้ย" ฝ่ายชายก็นิ่งๆ ผมก็จี้ต่อว่า "ถ้าโดนอกเค้าแล้วไม่ว่าจะโดนอีกมั้ย" เค้าก็ส่ายหน้า ผมเลยขยับไปใกล้ๆ แล้วถามเลย  "เอาจริงสิ.. ฝ่ายหญิงไม่ว่านะ ไม่อยากจับหรอ?" เค้าหลบสายตาแล้วหน้าแดงเลย ผมก็หัวเราะแล้วบอกไปว่า

ของพวกนี้ ตอนตอบกับตอนเกิดมันคนละอย่างกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีไม่งามแล้ว แต่โอกาสเกิดมันมีน้อยมากๆ แถม ผมบอกทั้งครูและคุณแม่ต่อหน้าเด็กชายไปเลยว่า ถ้าฝ่ายหญิง ไม่ได้รับการอบรมมาให้หลบ หลีก เลี่ยง เรียนรู้เอาตัวรอดสถานการณ์แบบนี้ หรือจะถึงขั้นเต็มใจยินยอม หรือจะอ่อยผู้ อันนั้นก็มาเป็นปัญหาฝ่ายหญิงแล้วล่ะ ฝ่ายชายเนี่ย จะสุภาพบุรุษสุดขั้วหรือจะเลยตามเลย อันนี้คงแล้วแต่กรรม

แต่ท้ายสุด ผมซีเรียสแล้วบอกว่า ประเด็นเรื่องนี้ที่หนักจริงๆคือการแชทคุกคาม  ไอ้เรื่องรวาดรูปอะไรงั้น มันก็แค่จุดเริ่ม การคุกคาม ข่มขู่ กดดันทางแชท คือสิ่งที่เป็นเรื่อง ใหญ่ ไม่ว่าจะขู่ขอนัดเจอ ขู่จับนั่นนี่เพิ่ม หรือ ตอแยเรียกร้องรูปแบบวาบหวิว ถ้าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยแล้ว ถึงกับด่ามา ก็ควรหยุดได้แล้ว จะชาย หญิง เพศไหน ะเรื่องเพศหรือเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกไม่โอเคกับมันเราก็ควรหยุดเว้นห่างออกมา โอเค "อยาก"ได้แต่ต้องไม่ไปคุกคามใคร คุณจะอ้อน จะขอ จะหาทางให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกถูกคุกคาม มันก็คือเสน่หากันไป แต่นี่ ไม่ใช่

จบจากการคุยกับฝ่ายชาย ผมก็คุยกับแม่ และครูต่อ โดยรอบนี้ฝ่ายปกครองและผู้ใหญ่มานั่งด้วย เราสรุปกันว่า ฝ่ายชายคุกคามสร้างการข่มขู่จริง ทำตัวไม่เหมาะสมจริง แต่มองว่า ไม่น่าจะมาจากการวางแผนเอาไว้แล้ว น่าจะเป็นจากการกดดันทางบ้านที่ถูกเลี้ยงมาแบบเข้มงวด ผสมกับความอยากรู้อยากลอง (สังเกตุจากเกือบทุกคำถามจะหันไปมองแม่ก่อน และแม่บอกว่า พ่อเค้าดุมาก)  ส่วนตัวผมไม่ติดใจเอาความทางกฎหมาย มันอาจจะร้ายกว่าดีก็ได้ และไม่ติดใจว่าต้องถึงกับลาออกกันไป เด็กวัยนี้ บาดแผลนี้อาจจะเป็นตราบาปที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวไปตลอดก็ได้ (ดีไม่ได้แล้วก็เลวมันเลย) สำคัญที่สุดจากการคุยกัน มั่นใจได้ว่า หมอนี่ไม่มีพี่น้องเพศหญิง ไม่มีเพื่อนผู้หญิง ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง (เพื่อนผู้ชายก็มีแค่ไม่กี่คน) ชีวิตผ่านมาคือเรียนออนไลน์ อยู่บ้าน วาดรูป ดูการ์ตูน (พ่อแม่ไม่ให้เล่นโทรศัพท์ เพิ่งมาได้จับเอาตอนมัธยม) เค้ามีปัญหากับการเข้าสังคม การพูดคุย และการเข้าหาคนอื่น พอฮอร์โมนมันเดือด เจอของต่อหน้า ก็ระเบิดตัวตนที่ซ่อนไว้ออกมาผ่านแชท แบบที่ไม่ต้องเกรงกลัวหรืออายใคร ลึกๆจากเด็กเนิร์ด ก็สร้างบุคลิกของจอมมารมาขู่

สรุปคือ โรงเรียน ตัดคะแนนความประเฤติ 40 คะแนน (ถ้าโดนอีก ๅจ  ก็จะพักการเรียน) ผมมองว่าโทษหนักมากแล้ว เตะบอลไปโดนรถ ผอ พังก็มีแววจะโดนอีก ๅจ ได้แล้ว หรือถ้าห้าวไปต่อยกับรุ่นพี่ เผลอๆจะถูกไล่ออกเอาได้ทันที (ซึ่งมันไม่ควรจะแรงขนาดนั้น) ผมโอเคกับมันมากๆแล้ว ฝ่ายคุณแม่ของเด็กผู้ชาย ก็เศร้า รับการตัดสินของโรงเรียน ฝ่ายปกครองนอกจากตัดคะแนนแล้ว ยังเรียกให้เค้าต้องมารายงานตัวทุกเย็นไปอีก 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมพื้นที่อยู่หลังเลิกเรียนของเด็กคนนี้ (ก็เหมือนกักบริเวณสองอาทิตย์นั่นเอง)

ผอ ถามผมว่าคุณพ่อโอเคมั้ย? ผมตอบไปเลยว่า ผมโอเคกับการตัดสินของโรงเรียน ออกจะหนักไปซักหน่อยแต่ถ้าโรงเรียนยืนยันผมก็ไม่ติดอะไร  ซึ่งผู้บริหารก็อธิบายว่าทำไมเลือกตัดสินแบบนี้นะครับ ทางคุณแม่ฝ่ายชายก็ขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องถึงคดีความ ซึ่งผมอธิบายไปตรงๆเลยว่า ทุกอย่างเกิดจากการคุยกันกับลูกสาว นี่คือทางออกที่ผมกับลูกอยากให้เป็น โดยผมขอคุยกับฝ่ายชายเองแล้วจะไปเล่าให้เค้าฟังทีหลัง เค้าก็อยากรู้ว่ามาทำกับเค้าทำไม แต่มีอีกอย่างที่ลูกสาวผมขอก็คือ เค้าอยากมาคุยกับคุณแม่เอง ซึ่ง แม่เค้าก็งงๆครับ แต่ก็โอเค ครูเลยไปตามลูกสาวออกมาจากห้องเรียน แล้วให้นั่งคุยกันในห้อง แบบเดิมคือ  ลูกสาวผมนั่งคุยกับแม่ของฝ่ายชาย  ผมกับครูนั่งห่างออกมาเป็นพยานในนั้น ซึ่งผมก็ปล่อยให้ลูกสาวผมคุยเองเลย

สิ่งที่เธอคุยคือ เธอถามว่า คุณแม่รู้มั้ยว่าตลอดเดือนที่ผ่านมาเค้าทำเรื่องแบบนี้ พยายามบอกว่าเธอโดนอะไรมาบ้างแม้ไม่ได้ลงดีเทลเท่ากับที่เล่าให้ผมฟัง  ฝ่ายคุณแม่ก็ได้แต่ขอโทษแทนลูกชายไป แล้วถามว่า "หนูอยากให้แม่ทำอะไร"
"หนูแค่อยากให้คุณป้ารู้ว่า เค้าทำแบบนี้ ไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนี้อีก เค้าจะได้มีเพื่อนใหม่ แก้ตัวได้" เธอเล่าแล้วน้ำตาคลอบอกว่า มันรู้สึกแย่มากๆที่เจอแบบนี้ โดยเฉพาะกับคนที่เป็นเพื่อนกัน ทั้งรังเกียจและแค้น รู้สึกสะอิดสะเอียนมากที่นึกถึงเสียงกับประโยคที่เค้าพูด ไม่อยากให้ใครต้องมาเจอแบบนี้อีก เค้าต้องรู้ตัว ปรับปรุงตัว ไม่งั้นนอกจากจะมีเหยื่อแบบนี้ เค้าก็คงอยู่ไม่ได้ คงก่อคดีติดคุกจริงๆในที่สุด
ซึ่งแม่ของเด็กชายคนนั้น ถึงกับร้องไห้เลย จบที่ลูกสาวผมกราบขอโทษแม่ฝ่ายชายที่อาจจะพูดก้าวร้าว ล่วงเกินไปในการเปิดใจ แล้วก็มายืนกอดพ่อร้องไห้ จับเช็ดหน้า แล้วให้ดื่มน้ำ นั่งสงบใจฮึบๆ ก่อนจะไล่กลับไปเรียน

สิ่งที่ผมไม่สามารถทำตามที่เค้าขอ คือให้กดดันฝ่ายชายมาขอโทษกลางที่สาธารณะค เพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่