ประสบการณ์เข้าอัปปนาสมาธิได้ครั้งแรก
ผมและเพื่อนๆมาเข้าวัดปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิจริงจัง ตอนปี 2550 เมื่อเรียนอยู่ ป.ตรี ปี 3 โดยการแนะนำของ รุ่นพี่ปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้ท่านเป็นอาจารย์ คณะวิทย์ ม.มหิดลก่อนหน้านั้นผมและเพื่อนๆไปวัดทำบุญ ไหว้พระ ถวายสังฆทานกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จักการนั่งสมาธิ นั่งได้ไม่เกิน 15 นาที ครั้งแรกรุ่นพี่แนะนำให้ผมและเพื่อนๆไปปฏิบัติธรรม ถือศิล 8 จำนวน 7 วัน
ที่วัดท่าซุงของหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ ซึ่งท่านจะสอนวิชามโนมยิทธิ ผมได้ลองฝึกแล้วแต่ไม่ชอบ ได้ฟังธรรมของหลวงพ่อฤาษี ที่ทางวัดเปิดให้ฟังเรื่อง กสิณ ผมเพิ่งได้ยินก็สนใจ ท่านเทศน์ว่าถ้าได้ดวงกสิณจะสามารถไปเห็นนรก สวรรค์ได้ ชอบสีไหนก็เอาสีนั้นมาเป็นกสิณ ด้วยความเป็นวัยรุ่นเรียนวิศวฯ อยากพิสูจน์ว่าจริงไหม เลยตั้งใจจะทำให้สำเร็จอยากไปเห็นนรก สวรรค์ว่ามีจริงไหม ผมชอบสีแดง จึงนำสีแดงมาภาวนา คิดถึงพลอยแดงกลมๆ แล้วภาวนาสีแดงๆๆๆๆไปด้วย
ผมพยายามนั่งภาวนาสีแดงครั้งละ 1 ชม. 30 นาที วันละ 3 ครั้ง นั่งไป 6 วันไม่ได้อะไรมีแต่ปวดเมื่อยจากการนั่งนาน จนกระทั่งวันสุดท้ายวันที่ 7 ช่วงเที่ยงมานั่งภาวนาที่ศาลาแก้ว 100 เมตร ภาวนาสีแดงคิดในใจว่าวันนี้วันสุดท้ายไม่ได้อะไร ไม่เห็นนรก สวรรค์ก็ช่างมัน ปล่อยวางนั่งภาวนาสีแดงๆๆๆ ไปสักพัก เกิดอาการขนลุกไปทั้งตัว สักแปปเกิดน้ำตาไหลเหมือนคนร้องไห้ แล้วตัวมันขยายๆๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนจะทะลุเพดาน ผมไม่เคยเกิดอาการนี้มาก่อนในชีวิตไม่รู้ คืออะไร นั่งดูอาการนี้ในสมาธิจนครบ 1 ชม.30 นาทีแล้วกลับกุฏิ
ไม่รู้อยู่ดีๆก็ไปคุยกับพี่ท่านหนึ่งเค้าดูแปลกๆ อยู่มา 6 วันไม่เคยไปคุยกับกับเค้าเลย ไปเล่าอาการที่เกิดขึ้นในสมาธิให้เค้าฟัง เค้าบอกว่ามัน คือ อาการ "ปิติ" เป็นอาการหนึ่งของสมาธิที่ใกล้เข้า "ฌาน" แล้ว เค้าเองก็ติดอยู่อาการนี้มาหลายปี ถ้าเข้าอาการนี้อีกให้อยู่กับองค์กรรมฐาน อย่าไปสนใจอาการจะไปต่อเอง ผมไม่เคยได้ยินคำว่า "ปิติ" และ "ฌาน" มาก่อนไม่รู้คืออะไร ผมสังเกตุเค้าเวลานั่งสมาธิหรือสวดมนต์ จะตัวโยกขึ้น-ลง รุนแรงมากๆ พี่เค้าเล่าฟังว่า เคยเข้าถึง ฌาน 4 ตอนไปปฏิบัติในป่า แต่พอมาใช้ชีวิตฆราวาส เผลอไปกินเหล้าซึ่งเป็นตัวทำลายสมาธิที่สุด จึงเข้าสมาธิระดับ ฌาน ไม่ได้อีกเลยติดอยู่ที่ ปิติ มาหลายปีแล้ว
พอได้ฟังอย่างนั้น ช่วงเย็นหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จก็เริ่มนั่งภาวนา สีแดงๆๆ พร้อมกับจินตนาการพลอยแดงกลมๆ สักพักเกิดอาการขนลุกทั้งตัว น้ำตาไหลเหมือนคนร้องไห้ ตัวขยายๆๆ ผมมีสติจำคำพี่คนนั้นไม่ให้สนใจ กลับมาที่คำภาวนาและพลอยแดง สักพักแปปเดียว พลอยแดงกลมๆ มันเปลี่ยนเป็นดวงแก้ว สว่าง ไสว อาการสุข อย่างที่ไม่เคยสุขมาก่อนในชีวิต มันเป็นอาการสุขเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอน 8 ขวบ ผมนั่งสมาธิครั้งแรกตอน
อายุ 8 ขวบ โดยเพื่อนเด็กๆ บอกให้นั่งดูแล้วจะมีพลังพิเศษ ผมจึงลองนั่งตอนนั้นไม่รู้ว่านั่งสมาธิอย่างไร คิดว่าสมาธิ คือ การไม่คิดอะไรเลย ผมจึงนั่งโดยพยายามตัดทุกความคิดเข้ามา รู้ทันทุกความคิดแล้วหยุดมันทันที นั่งไปสักพักก็เกิดความสุขมากๆ วิ่งไปทั่วทั้งร่าง เป็นความสุขที่ประมาณไม่ได้ ตัวโล่งเบาสบายไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่เคยนั่งสมาธิจริงจังอีกเลย นี่เป็นครั้งที่ 2 ไม่มีความสุขใดในโลกเสมอเหมือนมันพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย ความเครียดจากการเรียนมันหายไปหมด เหลือแต่ความโล่งเบาสบายสุข อยู่กับดวงแก้วใสสว่างๆ นั่งไป 1 ชม. 30 นาทีก็ไม่รู้สึกปวดเมื่อยมีแต่ความสบาย
จนครบเวลา กระดิ่งเตือนดังขึ้นแต่ผมก็ไม่อยากออกจากสมาธิอยากนั่งต่อ จนเพื่อนๆต้องมาปลุก หลังจากเดินออกจากศาลาแก้ว ฝูงหมาหน้าศาลาก็มาตั้งแถวล้อมผมและเพื่อนๆเป็นวงกลมนั่งกันเป็นระเบียบมาก เพื่อนคนหนึ่งพูดว่า สงสัยมันนึกว่าเรามีอาหารมั้ง พอกลับกุฏิ หมาที่กุฏิก็มาตั้งแถวเป็นวงกลมล้อมผมคนเดียวอีก ผมพูดว่า "ไม่ใช่แล้ว ผมเคยได้ยินหลวงพ่อฤาษี ท่านเทศน์ว่า หมาทั้งหลายที่วัดท่าซุง อดีตเคยเกิดเป็นพระที่วัด แต่บวชกินข้าวญาติโยมแล้วไม่ปฏิบัตินั่งสมาธิ ตายไปจึงต้องมาเกิดเป็นหมาที่วัดใช้กรรมจำนวนมาก สงสัยเค้ามาอนุโมทนาบุญมั้ง"
วันต่อมาก่อนกลับ กทม. ผมและเพื่อนๆไปกราบหลวงพี่สมปอง ที่บ้านสบายใจ อยู่ข้างๆวัด ทางศิษย์สายหลวงพ่อฤาษี จะเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ไปถึงที่นั่น 12:00 น. ซึ่งท่านจะให้เข้ากราบ 13:00 น. ผมจึงนั่งสมาธิรอ นั่งสักพักก็เกิดดวงแก้วสว่าง ไสวขึ้นอีก ผมก็นั่งดูดวงแก้วจนถึงเวลา 13:00 น แล้วขึ้นไปกราบหหลวงพี่สมปอง (ท่านจิตโต) พร้อมเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองมองแล้วยิ้มมาที่ผม ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมา กทม. แล้ว ผมก็มากราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศเสร็จผมและเพื่อนๆจึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”
ประสบการณ์เข้าอัปปนาสมาธิได้ครั้งแรก
ผมและเพื่อนๆมาเข้าวัดปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิจริงจัง ตอนปี 2550 เมื่อเรียนอยู่ ป.ตรี ปี 3 โดยการแนะนำของ รุ่นพี่ปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย ตอนนี้ท่านเป็นอาจารย์ คณะวิทย์ ม.มหิดลก่อนหน้านั้นผมและเพื่อนๆไปวัดทำบุญ ไหว้พระ ถวายสังฆทานกันบ่อยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จักการนั่งสมาธิ นั่งได้ไม่เกิน 15 นาที ครั้งแรกรุ่นพี่แนะนำให้ผมและเพื่อนๆไปปฏิบัติธรรม ถือศิล 8 จำนวน 7 วัน
ที่วัดท่าซุงของหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ ซึ่งท่านจะสอนวิชามโนมยิทธิ ผมได้ลองฝึกแล้วแต่ไม่ชอบ ได้ฟังธรรมของหลวงพ่อฤาษี ที่ทางวัดเปิดให้ฟังเรื่อง กสิณ ผมเพิ่งได้ยินก็สนใจ ท่านเทศน์ว่าถ้าได้ดวงกสิณจะสามารถไปเห็นนรก สวรรค์ได้ ชอบสีไหนก็เอาสีนั้นมาเป็นกสิณ ด้วยความเป็นวัยรุ่นเรียนวิศวฯ อยากพิสูจน์ว่าจริงไหม เลยตั้งใจจะทำให้สำเร็จอยากไปเห็นนรก สวรรค์ว่ามีจริงไหม ผมชอบสีแดง จึงนำสีแดงมาภาวนา คิดถึงพลอยแดงกลมๆ แล้วภาวนาสีแดงๆๆๆๆไปด้วย
ผมพยายามนั่งภาวนาสีแดงครั้งละ 1 ชม. 30 นาที วันละ 3 ครั้ง นั่งไป 6 วันไม่ได้อะไรมีแต่ปวดเมื่อยจากการนั่งนาน จนกระทั่งวันสุดท้ายวันที่ 7 ช่วงเที่ยงมานั่งภาวนาที่ศาลาแก้ว 100 เมตร ภาวนาสีแดงคิดในใจว่าวันนี้วันสุดท้ายไม่ได้อะไร ไม่เห็นนรก สวรรค์ก็ช่างมัน ปล่อยวางนั่งภาวนาสีแดงๆๆๆ ไปสักพัก เกิดอาการขนลุกไปทั้งตัว สักแปปเกิดน้ำตาไหลเหมือนคนร้องไห้ แล้วตัวมันขยายๆๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนจะทะลุเพดาน ผมไม่เคยเกิดอาการนี้มาก่อนในชีวิตไม่รู้ คืออะไร นั่งดูอาการนี้ในสมาธิจนครบ 1 ชม.30 นาทีแล้วกลับกุฏิ
ไม่รู้อยู่ดีๆก็ไปคุยกับพี่ท่านหนึ่งเค้าดูแปลกๆ อยู่มา 6 วันไม่เคยไปคุยกับกับเค้าเลย ไปเล่าอาการที่เกิดขึ้นในสมาธิให้เค้าฟัง เค้าบอกว่ามัน คือ อาการ "ปิติ" เป็นอาการหนึ่งของสมาธิที่ใกล้เข้า "ฌาน" แล้ว เค้าเองก็ติดอยู่อาการนี้มาหลายปี ถ้าเข้าอาการนี้อีกให้อยู่กับองค์กรรมฐาน อย่าไปสนใจอาการจะไปต่อเอง ผมไม่เคยได้ยินคำว่า "ปิติ" และ "ฌาน" มาก่อนไม่รู้คืออะไร ผมสังเกตุเค้าเวลานั่งสมาธิหรือสวดมนต์ จะตัวโยกขึ้น-ลง รุนแรงมากๆ พี่เค้าเล่าฟังว่า เคยเข้าถึง ฌาน 4 ตอนไปปฏิบัติในป่า แต่พอมาใช้ชีวิตฆราวาส เผลอไปกินเหล้าซึ่งเป็นตัวทำลายสมาธิที่สุด จึงเข้าสมาธิระดับ ฌาน ไม่ได้อีกเลยติดอยู่ที่ ปิติ มาหลายปีแล้ว
พอได้ฟังอย่างนั้น ช่วงเย็นหลังจากทำวัตรเย็นเสร็จก็เริ่มนั่งภาวนา สีแดงๆๆ พร้อมกับจินตนาการพลอยแดงกลมๆ สักพักเกิดอาการขนลุกทั้งตัว น้ำตาไหลเหมือนคนร้องไห้ ตัวขยายๆๆ ผมมีสติจำคำพี่คนนั้นไม่ให้สนใจ กลับมาที่คำภาวนาและพลอยแดง สักพักแปปเดียว พลอยแดงกลมๆ มันเปลี่ยนเป็นดวงแก้ว สว่าง ไสว อาการสุข อย่างที่ไม่เคยสุขมาก่อนในชีวิต มันเป็นอาการสุขเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอน 8 ขวบ ผมนั่งสมาธิครั้งแรกตอน
อายุ 8 ขวบ โดยเพื่อนเด็กๆ บอกให้นั่งดูแล้วจะมีพลังพิเศษ ผมจึงลองนั่งตอนนั้นไม่รู้ว่านั่งสมาธิอย่างไร คิดว่าสมาธิ คือ การไม่คิดอะไรเลย ผมจึงนั่งโดยพยายามตัดทุกความคิดเข้ามา รู้ทันทุกความคิดแล้วหยุดมันทันที นั่งไปสักพักก็เกิดความสุขมากๆ วิ่งไปทั่วทั้งร่าง เป็นความสุขที่ประมาณไม่ได้ ตัวโล่งเบาสบายไปหมด หลังจากนั้นก็ไม่เคยนั่งสมาธิจริงจังอีกเลย นี่เป็นครั้งที่ 2 ไม่มีความสุขใดในโลกเสมอเหมือนมันพุ่งไปทั่วทั้งร่างกาย ความเครียดจากการเรียนมันหายไปหมด เหลือแต่ความโล่งเบาสบายสุข อยู่กับดวงแก้วใสสว่างๆ นั่งไป 1 ชม. 30 นาทีก็ไม่รู้สึกปวดเมื่อยมีแต่ความสบาย
จนครบเวลา กระดิ่งเตือนดังขึ้นแต่ผมก็ไม่อยากออกจากสมาธิอยากนั่งต่อ จนเพื่อนๆต้องมาปลุก หลังจากเดินออกจากศาลาแก้ว ฝูงหมาหน้าศาลาก็มาตั้งแถวล้อมผมและเพื่อนๆเป็นวงกลมนั่งกันเป็นระเบียบมาก เพื่อนคนหนึ่งพูดว่า สงสัยมันนึกว่าเรามีอาหารมั้ง พอกลับกุฏิ หมาที่กุฏิก็มาตั้งแถวเป็นวงกลมล้อมผมคนเดียวอีก ผมพูดว่า "ไม่ใช่แล้ว ผมเคยได้ยินหลวงพ่อฤาษี ท่านเทศน์ว่า หมาทั้งหลายที่วัดท่าซุง อดีตเคยเกิดเป็นพระที่วัด แต่บวชกินข้าวญาติโยมแล้วไม่ปฏิบัตินั่งสมาธิ ตายไปจึงต้องมาเกิดเป็นหมาที่วัดใช้กรรมจำนวนมาก สงสัยเค้ามาอนุโมทนาบุญมั้ง"
วันต่อมาก่อนกลับ กทม. ผมและเพื่อนๆไปกราบหลวงพี่สมปอง ที่บ้านสบายใจ อยู่ข้างๆวัด ทางศิษย์สายหลวงพ่อฤาษี จะเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ไปถึงที่นั่น 12:00 น. ซึ่งท่านจะให้เข้ากราบ 13:00 น. ผมจึงนั่งสมาธิรอ นั่งสักพักก็เกิดดวงแก้วสว่าง ไสวขึ้นอีก ผมก็นั่งดูดวงแก้วจนถึงเวลา 13:00 น แล้วขึ้นไปกราบหหลวงพี่สมปอง (ท่านจิตโต) พร้อมเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองมองแล้วยิ้มมาที่ผม ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมา กทม. แล้ว ผมก็มากราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศเสร็จผมและเพื่อนๆจึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”