https://www.sanook.com/news/8582858/
https://www.bangkokbiznews.com/social/1012063
https://www.bangkokbiznews.com/social/1012074
ศูนย์จีโนมฯระบุโควิดไม่น่ามี
การระบาดใหญ่ในไทยอีก แต่ต้องระวัง 'BA.5'เข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
26มิ.ย.65-ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความล่าสุดผ่านเฟซบุ๊ค Center for Medical Genomics ว่า....👇👇👇👇👇
คำถามที่สอบถามศูนย์จีโนมฯเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และไวรัสฝีดาษลิง
Q5: กังวลมาก เชื้อ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 จะเกิดระบาดใหญ่ในไทยหรือไม่ จะรุนแรงแค่ไหน และ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
A5: จากข้อมูลที่มีอยู่จนถึงปัจจุบันน่าจะมีการทยอยระบาดของ BA.5 มาแทนที่ทุกสายพันธุ์ แต่ความรุนแรงอาจไม่ต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาน่าจะใกล้เคียงกับ BA.2 ส่วนสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตามในอนาคตมีสายพันธุ์เดียวคือ “BA.5”
ข้อมูลที่ได้จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019
จากรหัสพันธุกรรมโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 พบการกลายพันธุ์ต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม B.1.1.529, BA.1 และ BA.2 ปัจจุบันพบแนวโน้มของสายพันธุ์ BA.4/BA.5 กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ โอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) และสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, และ BA.2.12.1 ในหลายพื้นที่ของโลก
ในสหรัฐอเมริกา โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดส่วนใหญ่เป็น BA.2.12.1 แต่ปรากฏว่ากำลังถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และจากการคำนวณโดยอาศัยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาของ BA.4/BA.5 พบว่ามีอัตราการเจริญ (growth rate) หรือความฟิตในการแพร่ระบาดมากกว่า BA.2.12.1 โดยพบว่า BA.5 มีความฟิตมากที่สุด (ภาพ 1,2)
สรุปได้ว่า “จากข้อมูลที่มีในปัจจุบันเบื้องต้นบ่งชี้ว่าไม่น่าจะมีการระบาดใหญ่ในไทย ความรุนแรงของการติดเชื้อไม่น่าจะต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาไม่ต่างจาก BA.2 ที่ต้องระวังมีสายพันธุ์เดียวคือ “BA.5” ที่กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
https://www.thaipost.net/covid-19-news/169407/
ดร.สันต์ ชี้โควิดสิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว) เตือนพ่อแม่มีลูกต่ำกว่า 5 ขวบ ต้องดูแลเข้ม
26 มิ.ย.2565-ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Sunt Srianthumrong” ระบุว่า Covid-19: สิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว) Update สถานการณ์ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ในวันที่คนถอดหน้ากาก และประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron ด้วยสายพันธุ์ BA.4, BA.5 สถานการณ์ช่วงนี้ดูไม่ดีนัก และคนเริ่มถอดหน้ากากกันแล้ว วัคซีนเด็กเล็กก็ยังไม่มี จะตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างไรดีนะครับสำหรับคนมีลูกเล็กๆ
คำแนะนำและข้อมูลเบื้องต้น:
1. ช่วงนี้ติดเชื้อจริงยังอยู่ที่วันละ 32,000 – 50,000 คน ประมาณ 10 เท่าของตัวเลขประกาศทางการ
2. เด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบควรจะใส่หน้ากากและเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่อไปอีก 2-3 เดือน สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะต่างกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ คนทั่วไปต้องออกไปใช้ชีวิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้ประเทศล้มละลาย ยิ่งถอดหน้ากากมาก ยิ่งเกิด Herd Immunity เร็วสำหรับเด็กเล็กครับ ดังนั้นเด็กเล็กๆต้องทำตรงข้ามกับคนอื่นนะครับ ยิ่งเขาหย่อนยานเราต้องยิ่งเข้มงวด แล้วรอเวลาครับ
3. เด็ก 0-9 ปี อัตราการเสียชีวิตถ้าไม่ได้วัคซีนอยู่ที่ประมาณ 0.02% ถ้าได้วัคซีนแล้วอยู่ที่ 0.002% แต่ถ้ารพ.วอร์ดเด็กเต็มก็อันตรายเพิ่มขึ้นนะครับ พ่อแม่ “เหนื่อยและแพง”
4. วัคซีนสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไปอนุมัติแล้วใน USA เป็น Pfizer และ Moderna เมื่อ June 17, 2022 อีกไม่นานน่าจะเข้าไทยครับ อดทนนิดนึง
5. ประเทศไทยน่าจะมีคนติดเชื้อ Omicron ไปแล้วประมาณ 20 – 30 ล้านคน และในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้น่า จะเพิ่มขึ้นอีกจาก Wave ย่อยของ BA.4, BA.5
ตัวเลขน่าจะไปแถว 25 – 35 ล้านคน ช่วงหลังจากนั้นเด็กๆจะปลอดภัยมากขึ้นจาก Herd Immunit
6. มีการติดเชื้อในโรงเรียนเยอะมากช่วงนี้ สักพักคงติดกันเกือบหมดจนเกิด Herd Immunity ในกลุ่มพี่ๆเพื่อนๆ ช่วงนี้ อยู่บ้าน Home School รอไปเลย อีก 2-3 เดือนพี่ๆเพื่อนๆคงมีภูมิเป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราหมดแล้ว
7. ใครมายุมาแหย่ ให้ออกไปเล่นไปใช้ชีวิต ไม่ต้องตามเขานะครับ แยกกันเดิน คิดซะว่าให้พวกเขาและลูกเขาติดเชื้อ เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราครับ ใจต้องแข็ง จิตต้องนิ่งครับ
8. พ่อแม่ออกไปข้างนอกควรใช้หน้ากาก 2 ชั้น และอย่าเพิ่งทานอาหารในร้านติดแอร์นะครับ
แนวโน้มตัวเลข เพื่อประกอบการพิจารณา: 1. กราฟ PCR+ ATK สิ้นสุดขาลง ชั่วคราว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างชัดแล้วนะครับว่า ขาลงของ Omicron Wave ที่ 1 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2022 ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลมากครับ จะเป็นการสิ้นสุดลงชั่วคราวเพื่อเกิด Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron เท่านั้น จากนั้นก็จะเป็นขาลงต่อ เหมือนในต่างประเทศที่เฉพาะ Omicron ปีนี้ก็ปาเข้าไป 3 Wave ย่อยแล้ว ประเทศไทยในแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลงต่อเนื่องครับ
2. กราฟผู้ติดเชื้อจริงคาดการณ์ ขยับขึ้นจาก 27,000 – 40,000 ต่อวันมาเป็น 32,000 – 50,000 ต่อวัน จากเคยสูงสุดช่วงก่อนและหลังสงกรานต์ที่ 180,000 ต่อวัน
3. กราฟผู้เสียชีวิตยังคงเป็นขาลง มีโอกาสเห็นผู้เสียชีวิตต่อวัน (เฉพาะ Die from) เป็นเลขตัวเดียวในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน
4. ขนาดสูงสุดของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron มักจะอยู่แถว 30-40% ของ Wave ที่ 1 ส่วนผู้เสียชีวิตมักจะน้อยลงกว่านั้นมาก เช่นตัวอย่างกราฟของ South Africa ประเทศไทยรอบนี้ตัวเลขจึงไม่น่าจะกระดอนขึ้นไปสูงจากตอนนี้มากนัก
5. ยุโรปกำลังเข้า Wave ที่ 3 ของ Omicron แล้ว และ Wave เล็กลงกว่า Wave 2 พอสมควร
6. ประเทศที่คุมได้ดี เช่น ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกิด Wave ย่อยทุกๆ 6 เดือน แต่ในยุโรปถอดหน้ากากมานานแล้ว คุมน้อยมาก เกิด Wave ย่อยทุกๆ 3 เดือน
7. ตอนนี้สิงคโปร์กำลังเข้าพีคของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron แต่น่าจะเบากว่า Wave แรกเยอะ ใครจะไปเที่ยว ไปดูบอล ก็ขอให้ระมัดระวังตามสมควรนะครับ
พ่อแม่ที่มีลูกเล็กและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็ขอให้อดทนรออีกนิดนะครับ วัคซีนจะมาแล้ว และข้างนอกก็จะถอดหน้ากากแล้ว การระบาดจะเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ในทางนึงก็จะทำให้เกิด Herd Immunity เร็วขึ้น เด็กๆก็จะออกจากบ้านได้เร็วขึ้นด้วย สิ่งที่เราต้องทดไว้ในใจให้มั่นก็คือ
1. สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะไม่เหมือนกับกลุ่มคนอื่นๆในประเทศ
2. เด็กเล็กอยู่บ้าน เด็กโตและผู้ใหญ่ออกไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้าง Herd Immunity ครับ
ปล. สำหรับกลุ่มเสี่ยง ขอให้ทำตัวเหมือนเด็กเล็กนะครับ ข้างนอกนั่น ในตอนนี้ยังไม่ได้ปลอดภัยมากนักสำหรับคนที่สุขภาพอ่อนแอครับ
https://www.thaipost.net/covid-19-news/169384/
..ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
ป่วยใหม่ยังมากกว่าผู้หายป่วยมาหลายวันติดต่อกัน
ศูนย์จีโนมฯระบุไทยจะไม่ระบาดใหญ่อีก
นักวิชาการระบุโควิดไทยสิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว)
ระมัดระวังเด็กเล็กและกลุ่มเสี่ยง
...วันนี้ง่วงเร็วค่ะ ฝันดีนะคะ...
🇹🇭มาลาริน❤️26มิ.ย.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วยใหม่2,378คน หายป่วย1,834คน ตาย17คน/จีโนมฯระบุไม่น่ามีการระบาดใหญ่/สิ้นสุดขาลง
https://www.sanook.com/news/8582858/
https://www.bangkokbiznews.com/social/1012063
https://www.bangkokbiznews.com/social/1012074
ศูนย์จีโนมฯระบุโควิดไม่น่ามี
การระบาดใหญ่ในไทยอีก แต่ต้องระวัง 'BA.5'เข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
26มิ.ย.65-ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความล่าสุดผ่านเฟซบุ๊ค Center for Medical Genomics ว่า....👇👇👇👇👇
คำถามที่สอบถามศูนย์จีโนมฯเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และไวรัสฝีดาษลิง
Q5: กังวลมาก เชื้อ BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 จะเกิดระบาดใหญ่ในไทยหรือไม่ จะรุนแรงแค่ไหน และ ต้องเตรียมตัวอย่างไร
A5: จากข้อมูลที่มีอยู่จนถึงปัจจุบันน่าจะมีการทยอยระบาดของ BA.5 มาแทนที่ทุกสายพันธุ์ แต่ความรุนแรงอาจไม่ต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาน่าจะใกล้เคียงกับ BA.2 ส่วนสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตามในอนาคตมีสายพันธุ์เดียวคือ “BA.5”
ข้อมูลที่ได้จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019
จากรหัสพันธุกรรมโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5, BA.2.12.1 พบการกลายพันธุ์ต่างไปจากโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม B.1.1.529, BA.1 และ BA.2 ปัจจุบันพบแนวโน้มของสายพันธุ์ BA.4/BA.5 กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ โอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) และสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2, และ BA.2.12.1 ในหลายพื้นที่ของโลก
ในสหรัฐอเมริกา โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดส่วนใหญ่เป็น BA.2.12.1 แต่ปรากฏว่ากำลังถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 และจากการคำนวณโดยอาศัยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมในแต่ละช่วงเวลาของ BA.4/BA.5 พบว่ามีอัตราการเจริญ (growth rate) หรือความฟิตในการแพร่ระบาดมากกว่า BA.2.12.1 โดยพบว่า BA.5 มีความฟิตมากที่สุด (ภาพ 1,2)
สรุปได้ว่า “จากข้อมูลที่มีในปัจจุบันเบื้องต้นบ่งชี้ว่าไม่น่าจะมีการระบาดใหญ่ในไทย ความรุนแรงของการติดเชื้อไม่น่าจะต่างจาก BA.2 การป้องกันและรักษาไม่ต่างจาก BA.2 ที่ต้องระวังมีสายพันธุ์เดียวคือ “BA.5” ที่กำลังระบาดเข้ามาแทนที่ทุกสายพันธุ์
https://www.thaipost.net/covid-19-news/169407/
ดร.สันต์ ชี้โควิดสิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว) เตือนพ่อแม่มีลูกต่ำกว่า 5 ขวบ ต้องดูแลเข้ม
26 มิ.ย.2565-ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Sunt Srianthumrong” ระบุว่า Covid-19: สิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว) Update สถานการณ์ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ในวันที่คนถอดหน้ากาก และประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron ด้วยสายพันธุ์ BA.4, BA.5 สถานการณ์ช่วงนี้ดูไม่ดีนัก และคนเริ่มถอดหน้ากากกันแล้ว วัคซีนเด็กเล็กก็ยังไม่มี จะตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างไรดีนะครับสำหรับคนมีลูกเล็กๆ
คำแนะนำและข้อมูลเบื้องต้น:
1. ช่วงนี้ติดเชื้อจริงยังอยู่ที่วันละ 32,000 – 50,000 คน ประมาณ 10 เท่าของตัวเลขประกาศทางการ
2. เด็กๆอายุต่ำกว่า 5 ขวบควรจะใส่หน้ากากและเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่อไปอีก 2-3 เดือน สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะต่างกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ คนทั่วไปต้องออกไปใช้ชีวิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้ประเทศล้มละลาย ยิ่งถอดหน้ากากมาก ยิ่งเกิด Herd Immunity เร็วสำหรับเด็กเล็กครับ ดังนั้นเด็กเล็กๆต้องทำตรงข้ามกับคนอื่นนะครับ ยิ่งเขาหย่อนยานเราต้องยิ่งเข้มงวด แล้วรอเวลาครับ
3. เด็ก 0-9 ปี อัตราการเสียชีวิตถ้าไม่ได้วัคซีนอยู่ที่ประมาณ 0.02% ถ้าได้วัคซีนแล้วอยู่ที่ 0.002% แต่ถ้ารพ.วอร์ดเด็กเต็มก็อันตรายเพิ่มขึ้นนะครับ พ่อแม่ “เหนื่อยและแพง”
4. วัคซีนสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไปอนุมัติแล้วใน USA เป็น Pfizer และ Moderna เมื่อ June 17, 2022 อีกไม่นานน่าจะเข้าไทยครับ อดทนนิดนึง
5. ประเทศไทยน่าจะมีคนติดเชื้อ Omicron ไปแล้วประมาณ 20 – 30 ล้านคน และในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้น่า จะเพิ่มขึ้นอีกจาก Wave ย่อยของ BA.4, BA.5
ตัวเลขน่าจะไปแถว 25 – 35 ล้านคน ช่วงหลังจากนั้นเด็กๆจะปลอดภัยมากขึ้นจาก Herd Immunit
6. มีการติดเชื้อในโรงเรียนเยอะมากช่วงนี้ สักพักคงติดกันเกือบหมดจนเกิด Herd Immunity ในกลุ่มพี่ๆเพื่อนๆ ช่วงนี้ อยู่บ้าน Home School รอไปเลย อีก 2-3 เดือนพี่ๆเพื่อนๆคงมีภูมิเป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราหมดแล้ว
7. ใครมายุมาแหย่ ให้ออกไปเล่นไปใช้ชีวิต ไม่ต้องตามเขานะครับ แยกกันเดิน คิดซะว่าให้พวกเขาและลูกเขาติดเชื้อ เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นเกราะป้องกันให้ลูกเราครับ ใจต้องแข็ง จิตต้องนิ่งครับ
8. พ่อแม่ออกไปข้างนอกควรใช้หน้ากาก 2 ชั้น และอย่าเพิ่งทานอาหารในร้านติดแอร์นะครับ
แนวโน้มตัวเลข เพื่อประกอบการพิจารณา: 1. กราฟ PCR+ ATK สิ้นสุดขาลง ชั่วคราว ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างชัดแล้วนะครับว่า ขาลงของ Omicron Wave ที่ 1 ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 2022 ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลมากครับ จะเป็นการสิ้นสุดลงชั่วคราวเพื่อเกิด Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron เท่านั้น จากนั้นก็จะเป็นขาลงต่อ เหมือนในต่างประเทศที่เฉพาะ Omicron ปีนี้ก็ปาเข้าไป 3 Wave ย่อยแล้ว ประเทศไทยในแนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลงต่อเนื่องครับ
2. กราฟผู้ติดเชื้อจริงคาดการณ์ ขยับขึ้นจาก 27,000 – 40,000 ต่อวันมาเป็น 32,000 – 50,000 ต่อวัน จากเคยสูงสุดช่วงก่อนและหลังสงกรานต์ที่ 180,000 ต่อวัน
3. กราฟผู้เสียชีวิตยังคงเป็นขาลง มีโอกาสเห็นผู้เสียชีวิตต่อวัน (เฉพาะ Die from) เป็นเลขตัวเดียวในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน
4. ขนาดสูงสุดของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron มักจะอยู่แถว 30-40% ของ Wave ที่ 1 ส่วนผู้เสียชีวิตมักจะน้อยลงกว่านั้นมาก เช่นตัวอย่างกราฟของ South Africa ประเทศไทยรอบนี้ตัวเลขจึงไม่น่าจะกระดอนขึ้นไปสูงจากตอนนี้มากนัก
5. ยุโรปกำลังเข้า Wave ที่ 3 ของ Omicron แล้ว และ Wave เล็กลงกว่า Wave 2 พอสมควร
6. ประเทศที่คุมได้ดี เช่น ไทย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกิด Wave ย่อยทุกๆ 6 เดือน แต่ในยุโรปถอดหน้ากากมานานแล้ว คุมน้อยมาก เกิด Wave ย่อยทุกๆ 3 เดือน
7. ตอนนี้สิงคโปร์กำลังเข้าพีคของ Wave ย่อยที่ 2 ของ Omicron แต่น่าจะเบากว่า Wave แรกเยอะ ใครจะไปเที่ยว ไปดูบอล ก็ขอให้ระมัดระวังตามสมควรนะครับ
พ่อแม่ที่มีลูกเล็กและยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็ขอให้อดทนรออีกนิดนะครับ วัคซีนจะมาแล้ว และข้างนอกก็จะถอดหน้ากากแล้ว การระบาดจะเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ในทางนึงก็จะทำให้เกิด Herd Immunity เร็วขึ้น เด็กๆก็จะออกจากบ้านได้เร็วขึ้นด้วย สิ่งที่เราต้องทดไว้ในใจให้มั่นก็คือ
1. สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกเรา จะไม่เหมือนกับกลุ่มคนอื่นๆในประเทศ
2. เด็กเล็กอยู่บ้าน เด็กโตและผู้ใหญ่ออกไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้าง Herd Immunity ครับ
ปล. สำหรับกลุ่มเสี่ยง ขอให้ทำตัวเหมือนเด็กเล็กนะครับ ข้างนอกนั่น ในตอนนี้ยังไม่ได้ปลอดภัยมากนักสำหรับคนที่สุขภาพอ่อนแอครับ
https://www.thaipost.net/covid-19-news/169384/
..ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
ป่วยใหม่ยังมากกว่าผู้หายป่วยมาหลายวันติดต่อกัน
ศูนย์จีโนมฯระบุไทยจะไม่ระบาดใหญ่อีก
นักวิชาการระบุโควิดไทยสิ้นสุดขาลง(ชั่วคราว)
ระมัดระวังเด็กเล็กและกลุ่มเสี่ยง
...วันนี้ง่วงเร็วค่ะ ฝันดีนะคะ...