องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่าการระบาดของโรคเอ็มพอกซ์ (Mpox) ซึ่งรู้จักก่อนหน้านี้ว่าโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ในแอฟริกาบางพื้นที่ถือเป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" เนื่องจากมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและรวดเร็วในแอฟริกา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 450 ราย โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และกำลังแพร่กระจายสู่บางส่วนของแอฟริกากลางและตะวันออก
ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แสดงความกังวลถึงศักยภาพการแพร่กระจายของเชื้อทั้งในแอฟริกาและทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตอบสนองที่ประสานงานกันระหว่างประเทศเพื่อยับยั้งการระบาดและช่วยชีวิตผู้คน โดย WHO ต้องการเงินทุนจำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับสนับสนุนการเฝ้าระวังและรับมือกับสถานการณ์
เอ็มพอกซ์แสดงอาการเริ่มต้นที่มีไข้ ปวดศีรษะ บวม ปวดหลังและกล้ามเนื้อ เมื่อไข้ลดลง ผื่นจะขึ้นเริ่มจากใบหน้ากระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทำให้คันหรือเจ็บปวด ผื่นจะพัฒนาเป็นแผลและหลุดออกเองภายใน 14-21 วัน การแพร่เชื้อเกิดขึ้นจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ รวมถึงผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสทางผิวหนัง
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคือผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหรือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน และ WHO ได้ขอให้ผู้ผลิตเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
องค์การอนามัยโลกประกาศว่าการระบาดของโรคเอ็มพอกซ์เป็น "ภาวะฉุกเฉิน"
ดร.เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แสดงความกังวลถึงศักยภาพการแพร่กระจายของเชื้อทั้งในแอฟริกาและทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตอบสนองที่ประสานงานกันระหว่างประเทศเพื่อยับยั้งการระบาดและช่วยชีวิตผู้คน โดย WHO ต้องการเงินทุนจำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับสนับสนุนการเฝ้าระวังและรับมือกับสถานการณ์
เอ็มพอกซ์แสดงอาการเริ่มต้นที่มีไข้ ปวดศีรษะ บวม ปวดหลังและกล้ามเนื้อ เมื่อไข้ลดลง ผื่นจะขึ้นเริ่มจากใบหน้ากระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ทำให้คันหรือเจ็บปวด ผื่นจะพัฒนาเป็นแผลและหลุดออกเองภายใน 14-21 วัน การแพร่เชื้อเกิดขึ้นจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ รวมถึงผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสทางผิวหนัง
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคือผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหรือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน และ WHO ได้ขอให้ผู้ผลิตเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน