🇹🇭🦋มาลาริน🦋🇹🇭"หมอ ยง” ชี้ เปิดรับนทท.จีนไม่น่ากลัวเรื่องโควิดไปกว่ารับนทท.อเมริกา-ยุโรป/พบโควิดสายพันธุ์ XAY.2

"หมอ ยง” ชี้ เปิดรับนักท่องเที่ยวจีนไม่น่ากลัวเรื่องโควิดไปกว่ารับนักท่องเที่ยวอเมริกา-ยุโรป


“นพ.ยง” ระบุ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ได้น่ากลัวเรื่องโควิด-19 ระบาด ไปกว่าการรับนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา ชี้สายพันธุ์ที่กำลังระบาดในจีนเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดในไทยมาแล้ว ตรงกันข้ามกับยุโรปและอเมริกาเป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยระบาดในประเทศไทย

วันนี้(6 ม.ค.) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เกี่ยวกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีนขณะที่ยังมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยระบุว่า การรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวจีน ไม่ได้น่ากลัวไปกว่า ยุโรปและอเมริกา ด้วยเหตุผลดังนี้.....👇👇👇👇👇

1. สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้เป็น โอมิครอน BA.2.75 ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาในช่วงโอมิครอน ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน และการระบาดสายพันธุ์ในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่ BA.1 BA.2 แล้วเป็น BA.4- BA.5 ซึ่งสายพันธุ์ BA.5 ได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้วและขณะนี้เป็น BA.2.75 ขณะเดียวกันในยุโรปและอเมริกา สายพันธุ์ต่างๆเกิดก่อนประเทศไทย และระบาดเข้าสู่ประเทศไทย สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดในยุโรปและอเมริกาเมื่อหลายเดือนก่อน ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้ในยุโรปและอเมริกา ได้เปลี่ยนเป็น เป็น BQ1และ BQ1.1 แต่ขณะเดียวกันในจีนขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์ในกลุ่ม BA.5 ตามหลังประเทศไทย ถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสู่ประเทศไทยนำเชื้อโควิด 19 เข้ามา จะเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดผ่านไปแล้วในประเทศไทย ตรงกันข้ามกับยุโรปและอเมริกา จะเป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยระบาดในประเทศไทย เรื่องของสายพันธุ์ในปัจจุบันนี้ ถ้ามาจากประเทศจีน จึงไม่น่าวิตกแต่อย่างใด เพราะของเราผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าจะกลัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สายพันธุ์ที่ยังไม่มีในประเทศไทยโดยเฉพาะ BQ ที่จะมาจาก ประเทศทางตะวันตกยังน่ากลัวกว่า เราก็ไม่ได้ตรวจ และไม่สามารถบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยได้ด้วย

2. การเกิดสายพันธุ์ใหม่ สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ทุกแห่งในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือทางตะวันตก แม้กระทั่งในอินเดีย แอฟริกา ก็เกิดได้ทั้งนั้น แต่ทั่วโลกขณะนี้ มีระบบการเฝ้าระวังด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม เข้าธนาคารกลาง และทุกประเทศได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำไมเราจึงต้องถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ทุกวัน ห้องปฏิบัติการผมก็ทำอยู่ทุกวันเป็นการเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ เมื่อยังไม่รู้ว่าสายพันธุ์ใหม่ จะเกิดที่ประเทศใด ก็ไม่รู้จะไปป้องกันปิดกั้นชาติใด เพราะการป้องกันประเทศจีน ประเทศเดียวไม่ใช่เป็นวิธีการแก้ปัญหา อาจจะมาจากประเทศใดก็ได้

3.ที่ศูนย์ผมทำการศึกษา ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 50 ล้านคน แต่ถ้าตรวจภูมิต้านทานต่อเปลือกนอกไวรัส จะพบว่าร้อยละ 96 ของประชากรไทย มีภูมิต้านทานรับรู้แล้ว เกิดจากการฉีดวัคซีน และ/หรือการติดเชื้อ ร่วมด้วย ถ้าใครไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ธรรมชาติก็ฉีดให้ ด้วยการติดเชื้อไปแล้ว ในเด็กติดเชื้อแบบไม่มีอาการจะพบได้ถึง 1 ใน 3 ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ เป็นภูมิต้านทานที่เกิดจากสายพันธุ์ โอมิครอน ดีกว่าวัคซีนทุกชนิด เพราะตรงกับสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้

4. การระบาดของประเทศไทยกำลังอยู่ในขาลงตามฤดูกาล เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน จะพบโรคนี้รวมทั้งโรคทางเดินหายใจน้อยมาก หรือโรค covid-19 จะสงบลง และจะไประบาดเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน ตามฤดูกาลอีกครั้งหนึ่งเป็นวงจรต่อไป

5. การให้วัคซีนต่อไปในอนาคต ก็คงจะเน้นเป็นวัคซีนประจำปี โดยเฉพาะจะให้ก่อนที่มีการระบาดในฤดูฝนเช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่มีการรณรงค์ให้ในกลุ่มเสี่ยงสูง เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและป่วยรุนแรง ผู้ที่มีภูมิเป็นบางส่วน หรือเคยติดเชื้อมาแล้ว เมื่อติดเชื้อซ้ำความรุนแรงของโรคก็จะลดลง

ทุกอย่างจะเข้าสู่วงจรปกติที่เป็นโรคตามฤดูกาล ชีวิตต้องเดินหน้า ด้วยระเบียบวินัย และการปฏิบัติตน ในการดูแลสุขอนามัยให้แข็งแรง และป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ

https://mgronline.com/qol/detail/9660000001446

รายแรกในไทย! สธ. พบโควิดสายพันธุ์ XAY.2
6 มกราคม 2566 เวลา 12:01 น.



6 ม.ค. 2566 – นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบสายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 ราย ในไทย ซึ่งกรมได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่าง เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5* ขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 ราย อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ใกล้ชิดยังไม่พบการติดเชื้อ

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์​ กล่าวถึงกรณีที่จีนจะเปิดประเทศว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ ที่ระบาดในจีน พบว่า 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และสายพันธุ์ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้ มีการแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล

สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จากการเฝ้าระวังยังไม่พบ ในประเทศไทย โดยสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งข้อมูลความสามารถในการหลบภูมิและแพร่เร็ว ใกล้เคียงกับ XBB.1.5

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันโรค การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ยังจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น สามารถลดโอกาสติดเชื้อ และลดอาการรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อได้” นพ.ศุภกิจ ระบุ.

https://www.thaipost.net/human-life-news/297699/

หมอ ยง ท่านเป็นผู้รู้จริงค่ะ สุดยอดอาจารย์หมอของไทย

ตกลงนทท.จีนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงประเทศเดียวนะคะ  

ความเสี่ยงพอๆกันกับทางยุโรปที่ไทยก็รับมือได้

ทราบแล้วก็เตรียมพร้อมรับนท.จีนได้เลยค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 27

สธ. เตรียมมาตรการป้องกันโควิดรับนักท่องเที่ยว ทุกชาติเท่าเทียม
วางแผนรับมือได้อย่างเป็นระบบ
เน้น !! ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และมีประกันสุขภาพ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เตรียมเสนอวันที่ 5 มกราคมนี้ ยึดหลักปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติและเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ ตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน ผู้เดินทางต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม มีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด 19 พร้อมสื่อสารมาตรการป้องกันตนเอง คาดนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยเดินทางมาไตรมาสแรก 3 แสนคน สามารถวางแผนรับมือได้อย่างเป็นระบบ

ส่วนมาตรการขณะพำนักในประเทศไทย จะมีการให้คำแนะนำผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล กรณีเดินทางออกจากประเทศไทยและประเทศปลายทางมีนโยบายตรวจคัดกรองก่อนเข้าประเทศ แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ ซึ่งจะมีบริการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนออกจากประเทศไทย

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid06dcjKy6CdgBSwYENDW723hZ9hLXyV4sFgX3Km8ZUhp2yx5J9bmhRLANdd4zY9a8kl


เคาะแล้วพร้อมรับ นทท.จีน เที่ยวแรก 9 ม.ค. แจงมาตราการรองรับ คาดไตรมาสแรก เที่ยวไทย 3 แสนคน!!

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เผยผลประชุม4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ที่ประชุมเห็นตรงกัน ควรปฏิบัติตามแนวทางโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังและปฏิบัติกับผู้เดินทางจากทุกประเทศใช้มาตรการด้านสาธารณสุข อย่างเท่าเทียม ไม่กีดกันผู้เดินทางจากประเทศใดประเทศหนึ่ง และยืนยันว่าระบบของไทยพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีความพร้อมหากพบการระบาดของโรคที่รุนแรงเพิ่มขึ้นรวมถึงมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ความเสี่ยง

ส่วนมาตรการ รองรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ
● ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย2 เข็ม
● ตรวจ RT-Pcr ให้กับนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางกลับประเทศต้นทาง
● นักท่องเที่ยวต้องซื้อประกันสุขภาพก่อนเดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งต้องครอบคลุมการรักษาโรค โควิด-19
● หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวในช่วงเริ่มต้น
● ปรับมาตรการต่างๆ ตามความเหมาะสม
● ให้โรงแรมที่จัดซุ้มอำนวยความสะดวกสำหรับตรวจ RT-PCR ด้วย

ส่วนการเตรียมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยว
● สั่งการสาธารณสุข เพิ่มศักยภาพภาพเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น
● สถานพยาบาล Hospitel เพื่อรองรับผู้ที่มีผลตรวจพบเชื้อ โควิด-19
● ขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้บริการและอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว และคมนาคมให้ปฎิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล ไม่รวมกลุ่มจำนวนมากในพื้นที่แออัด หากป่วยมีอาการทางเดินหายใจ เช่นไอ เหนื่อย เป็นไข้ ให้สวมหน้ากากอนามัย
● เน้นย้ำให้เข้ารับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 เข็มที่ 4 เพื่อความปลอดภัย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่า นักท่องเที่ยวจีน จะเดินทางมาหลังเทศกาลตรุษจีนและในไตรมาสแรกจะมีนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 3 แสนคน คาดว่า เดือน ม.ค.ประมาณ 60,000 คน เดือน ก.พ. 90,000 คนและเดือน มี.ค. 150,000 คน โดยเที่ยวบินแรกจะมาไทย 9 ม.ค. จากเมืองเซี่ยเหมิน และเซี่ยงไฮ้
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02D9UxMyaFMrYmBsT7hkMcyCjVVYSwwZW6nz9iAR6xQmbj1uueVibPPU1t75Wk5m5Cl


“นพ.ยง” ชี้โควิดฤดูกาลนี้ผ่านจุดพีกเริ่มสู่ขาลง เฝ้าระวัง สายพันธุ์ BQ.1 - BQ.1.1 เผยหลายปัจจัยส่งผลชีวิตใกล้กลับคืนภาวะปกติ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก โควิด 19 การระบาดของโควิด 19 เริ่มขาลง ระบุ Covid 19 ฤดูกาลนี้ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ประชากรไทยส่วนใหญ่ติดเชื้อไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70 ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอน และกำลังเริ่มสู่ขาลง เร็วกว่าที่คิด สายพันธุ์ที่ระบาดในรอบล่าสุดนี้ เป็น BA.2.75 ขณะนี้การระบาด และจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เริ่มลดน้อยลงอย่างมากจนเห็นได้ชัด สายพันธุ์ที่จะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ ที่ต้องเฝ้าระวังคือ BQ.1 และ BQ.1.1 ที่กำลังระบาดอยู่ในทางตะวันตก อเมริกาและยุโรป เมื่อเข้าเดือนกุมภาพันธ์หรือหลังจากนั้น เชื่อว่าโรคจะสงบลง ถึงเดือนพฤษภาคม มิถุนายน

ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ร่วมกับการฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนมาก เกิดภูมิคุ้มกันแบบลูกผสม ที่มีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรคโดยเฉพาะสายพันธุ์ โอมิครอน

ความจำเป็นในการที่จะได้รับวัคซีน ถึงแม้ว่าจะเป็น bivalent (วัคซีนรุ่นใหม่) น้อยลง เพราะประชากรไทยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อในปีนี้เป็นสายพันธุ์ โอมิครอน โดยเฉพาะ BA.5 ที่อยู่ในวัคซินตัวใหม่ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติเป็นสายพันธุ์โดยตรง และยังเป็นภูมิคุ้มกันทั้งตัวไวรัส ไม่ใช่แค่ต่อหนามแหลมที่อยู่ใน mRNA เท่านั้น เมื่อประชากรทั่วโลก ส่วนใหญ่เคยได้รับเชื้อมาแล้ว ก็จะเกิดภูมิต้านทานแบบสมบูรณ์กว่า ที่ได้รับจากวัคซีน ความรุนแรงโรค และ การระบาดก็จะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ และในที่สุด ชีวิตจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ

ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan/posts/pfbid0CsRs8AtSV6Ke2c7yi7im8iUGk9nKJR2xQZ67ZYrMjVeoEo23pNx1bRhZumDUNCwzl
https://web.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid0CVb2ZdwWosAwPoi9GsutBvon63efAQhRveMp2RysuWCGpaGSUxT1mXEZ8rgLBiqil


ศูนย์ฉีดวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข กลับมาเปิดให้บริการแล้ว!

โดยเปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด19 ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี เริ่มวันนี้ 5 มกราคม 2566 เป็นต้นไป เวลา 09.00 -14.00 น.

Walk - in ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ที่โถงอาคาร 3 ชั้น1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี
https://web.facebook.com/Rachadaspoke/posts/pfbid0AkZvuQT5udmoYCvE4nPvdPPSwzLDTKiKSngke9nxJt6LXyGqaMhWpy2621Twx4d2l


เคาะ ! มาตรการรองรับการเดินทางเข้าไทย ป้องกันควบคุมโควิด-19 พร้อมตั้งศูนย์รับภาวะฉุกเฉิน นักท่องเที่ยวติดเชื้อโควิด-19 ขอความช่วยเหลือได้ที่ ตำรวจท่องเที่ยว โทร.1155

ที่ประชุมกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ครั้งที่ 1/2566 พิจารณากำหนดมาตรการ ดังนี้

ก่อนเข้าไทย : ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 2 เข็ม หากมีอาการป่วยโรคทางเดินหายใจให้เลื่อนการเดินทาง และแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมโควิด-19

ระหว่างอยู่ในไทย : แนะนำให้ป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ และแนะนำให้พักในโรงแรม SHA Plus ซึ่งมีความร่วมมือกับสถานพยาบาล

ตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์โรคและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีพบการระบาดในกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ รายงานสถานการณ์ผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรคทุกสัปดาห์ กำหนดเกณฑ์สำหรับปรับมาตรการเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดเชื้อโควิด-19 ขอความช่วยเหลือได้ที่ ตำรวจท่องเที่ยว โทร.1155 หรือ ททท. โทร.1672

ไม่มีมาตรการเลือกปฏิบัติกับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่จะกำหนดให้สอดคล้องกับแต่ละประเทศ เช่น ประเทศที่กำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องตรวจ RT-PCR ก่อนกลับออกจากไทย ไทยอาจต้องกำหนดให้นักท่องเที่ยวจากประเทศนั้นต้องซื้อประกันสุขภาพ โดย สธ. จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดรายละเอียด และประกาศให้ทราบต่อไป

อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/63430
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/pfbid0pEPw4k68wc5J69BtF4Wb2s5A4QFgKj4NiJzXNVRTYF4uhGhWydMxDo8UrTsrqELzl


ตรวจพบสายพันธ์ XAY.2 ลูกผสมเดลตากับโอมิครอน ในไทยจำนวน 1 ราย
ส่วนโควิดที่ระบาดในจีนไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ ไม่น่ากังวลหากเปิดประเทศ

วันที่ 6 มกราคม 2566 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ในประเทศไทย ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายตรวจพบ สายพันธุ์ XAY.2 จำนวน 1 ราย ในไทย ซึ่งกรมได้ส่งข้อมูลเผยแพร่ไปยังฐานข้อมูล GISAID ทั้งนี้สายพันธุ์ XAY.2 เป็นลูกผสมระหว่าง เดลตาสายพันธุ์ย่อย AY.45 กับ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/5 ขณะนี้ทั่วโลกพบ 344 รายอย่างไรก็ตามคนที่อยู่ใกล้ชิดยังไม่พบการติดเชื้อ

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อถึงกรณีที่จีนจะเปิดประเทศว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์ ที่ระบาดในจีน พบว่า 97% เป็นสายพันธุ์ BA.5.2 และสายพันธุ์ BF.7 ซึ่งไม่ได้เป็นสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด และไม่ได้มีการแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล

สำหรับสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จากการเฝ้าระวังยังไม่พบ ในประเทศไทย โดยสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BN.1.3 ซึ่งเป็นลูกหลานของ BA.2.75 ซึ่งข้อมูลความสามารถในการหลบภูมิและแพร่เร็ว ใกล้เคียงกับ XBB.1.5

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง การปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันโรค การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ รวมถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ยังจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน ขอให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น สามารถลดโอกาสติดเชื้อ และลดอาการรุนแรงเมื่อมีการติดเชื้อได้” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวทิ้งท้าย
https://www.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid02HqJmbekPuqT4HFTtqgAxaiW4V5Da1BHf9Lb7t38xYwZfyJsJyMZ7pLCGRtFaDEY1l
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่