สำรวจน้ำมัน ‘ปาล์ม-ถั่วเหลือง’ ขึ้นราคาอีก ในห้างขาย 69-73 บาท/ขวด
https://www.matichon.co.th/economy/news_3420635
สำรวจน้ำมัน ‘ปาล์ม-ถั่วเหลือง’ ขึ้นราคาอีก ในห้างขาย 69-73 บาท/ขวด
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองราคาทรงตัวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด จากการสำรวจราคาขายในห้างสรรพสินค้าในย่านกรุงเทพฯ พบว่ามีหลายยี่ห้อขยับราคาขึ้นอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 69-73 บาทต่อขวด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับราคาขายในส่วนของร้านค้าปลีกและค้าส่ง จากการสอบถามร้านค้าในตลาดสดแห่งหนึ่งพบว่ามีบางยี่ห้อที่ซัพพลายเออร์แจ้งขึ้นราคาต้นทุนขนส่งน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร อีก 10 บาทต่อลัง (จำนวน 12 ขวด) จาก 820 บาท เป็น 830 บาทต่อลัง ส่วนราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 70 บาทต่อขวด โดยร้านค้าบอกว่าหากขึ้นราคาขายปลีกจะทำให้ขายยากขึ้น อย่างไรก็ตาม แต่มีบางร้านค้าที่ปรับราคาขายปลีกขึ้น ทั้งน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองอยู่ที่ 70-73 บาทต่อขวด
ก่อนหน้านี้ร้อยตรี
จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า ในส่วนของราคาน้ำมันพืชขวด ทางผู้ผลิตไม่ต้องขออนุญาตในการปรับขึ้นราคา แต่กรมจะใช้แนวการบริหารโดยดูโครงสร้างต้นทุนของราคา และดูว่าไม่ให้มีการกำหนดราคาขายแพงเกินสมควร
ขึ้นอีกแล้ว! 1 ก.ค. ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ปรับเพิ่ม 15 บาท ดันราคาพุ่ง 393 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7130288
ขึ้นอีกแล้ว! 1 ก.ค. ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ปรับเพิ่ม 15 บาท ดันราคาพุ่ง 393 บาท จับตาผลประชุมหาเงินอุดหนุนพลังงาน 27 มิ.ย. หลังกองทุนฯ ติดลบ 1 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2565 รายงานข่าวแจ้งว่าราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เตรียมปรับราคาขึ้นอีกกิโลกรัม(ก.ก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก. จะปรับขึ้นอีก 15 บาท อยู่ที่ 393 บาท/ถัง 15 ก.ก. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 378 บาท/ถัง 15 ก.ก. ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนาย
สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน โดยรัฐยังช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/ 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2565
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ในวันที่ 27 มิ.ย. ว่าจะมีแนวทางจัดหาเงินจากแหล่งใดมาใช้อุดหนุนราคาพลังงาน เมื่อกองทุนมีสถานะติดลบเกิน 1 แสนล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับยังไม่มีเงินกู้จากสถาบันการเงินเข้ามาในระบบ เพราะยังอยู่ระหว่างการเจรจาการขอความร่วมมือโรงกลั่นในการนำส่งเงินส่วนเกินจากกำไรเข้ากองทุนก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
ขณะที่เงินฝากของกองทุนที่อยู่กับกระทรวงการคลังและธนาคารมีสภาพคล่องเหลืออยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่กองทุนยังมีภาระอุดหนุนราคาดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 10.91 บาท/ลิตร เพื่อดูแลราคาขายปลีกดีเซลครึ่งหนึ่งให้อยู่ที่ 34.94 บาท/ลิตร ไม่เกินเพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้ 35 บาท/ลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ จากราคาจริงจะอยู่ที่ประมาณ 45 บาทกว่า/ลิตร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตามองว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินการอย่างไรโดยเฉพาะหลังจากวันที่ 30 มิ.ย.นี้ไปแล้ว เมื่อสถานะกองทุนติดลบเกิน 1 แสนล้านบาท และจะติดลบต่อเนื่อง หากยังต้องดูแลราคาเชื้อเพลิงต่อไปจนถึงเดือน ก.ย.2565 ตามนโยบายของรัฐบาล
‘ยุทธพงศ์’ ฮึ่มจัดหนัก ‘บิ๊กตู่’ ปมท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 แฉพิรุธ งบฯจัดการน้ำ 5.4 พันล. แก้แล้งโยง ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3420816
‘ยุทธพงศ์’ ฮึ่มจัดหนัก ‘บิ๊กตู่’ ปมสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 แฉพิรุธ งบฯจัดการน้ำ 5 .4 พันล. ให้ทหารลุยแก้แล้ง โยง ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคพท. กล่าวถึงความคืบหน้าญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า
นาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุญัตติเป็นเรียบร้อยแล้ว มีรัฐมนตรีที่จะโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งหมด 11 คน ตามรายชื่อที่ปรากฏ ครั้งนี้ผู้ที่จะโดนหนักที่สุด คือ หัวหน้ารัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วันนี้จะฉายหนังตัวอย่างความผิดพลาด ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพของ พล.อ.
ประยุทธ์ พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ลงนามในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 อายุสัมปทาน 35 ปี มีการลงนามไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 จะมีการเปิดใช้งานปี 68 จะทำให้เก็บรายได้กว่า 4 พันล้านบาท รองรับการขนถ่ายตู้สินค้าเพิ่มอีก 2 ล้านที.อี.ยู. เป็นโครงมหาโปรเจกต์ ของพล.อ.
ประยุทธ์ โครงการดังกล่าวการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างใช้เงินลงทุน 21,320 ล้านบาท เป็นการลงนามกิจการร่วมค้าและเริ่มทำสัญญาตั้งแต่ 3 กันยายน 63 ในสัญญากำหนดระยะเวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จ 1,460 วัน หรือ 4 ปี แต่ขณะนี้สร้างมา 2 ปี แต่ท่าเรือยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มองว่าบ้านเมืองเสียหาย เสียโอกาส จึงได้ถามในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)งบประมาณฯ ปลัดกระทรวงคมนาคม ก็ยังตอบคำถามไม่ได้ว่าเบิกจ่ายไปเท่าไรแล้ว
“ผมขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมตอบชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ว่า การบริหารแบบนี้บ้านเมืองเสียหายแล้วมาบอกว่า พร้อมตอบ ผมขอให้เตรียมตอบประเด็นนี้เลย ทำหน้าที่บริหารอย่างไรโครงการยักษ์ใหญ่แบบนี้จะได้เปิดใช้งานในปี 68 หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการถมดินหรือถมทะเล หลังจากนี้จะไปแฉต่อในสภาว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร” นาย
ยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบความไม่โปร่งใส ส่อไปในทางทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำ ในปี 2565 กรมทรัพยากรน้ำของบประมาณทั้งสิ้น 5,435 ล้านบาท มีพันธกิจว่าพัฒนา ฟื้นฟู ปรับปรุง ซ่อมแซมบริหารโครงการแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำ เรื่องนี้พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยกรมทรัพยากรน้ำอ้างเรื่องภัยแล้ง ไปของบกลางจาก พล.อ.
ประยุทธ์ตั้งแต่ปี 63-65 ของบประมาณรวม 1,143 ล้านบาท อ้างว่าหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีความพร้อม ใช้วิธีพิเศษให้ทหารไปทำ ไม่ต้องประมูล อ้างเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ปรากฏว่า งบประมาณดังกล่าวรวม 46 โครงการ ทำเสร็จรวม 35 โครงการตั้งแต่ปี 63
นอกนั้นทิ้งงาน เพราะงบกลางกันไว้ไม่ได้ อันนี้ถือว่า ส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ เมื่อไปดูค่าปรับปรุงแหล่งน้ำงบประมาณ 1,093 ล้านบาท ปรากฏว่า เอาไปจัดลงที่ จ.ยโสธร เพียงจังหวัดเดียว 202 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ถามว่าผิดปกติหรือไม่ จังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา อุดรธานี สกลนคร บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ เป็นต้น ไม่ได้งบเลยสักบาท ถามว่าสำนักงบประมาณให้ผ่านมาได้อย่างไร จัดงบไม่เป็นธรรม ส่อไม่โปร่งใสแน่นอน แล้วจังหวัดอื่นไม่แล้ง ไม่เดือดร้อนหรือ ทั้งที่เกษตรกรเดือดร้อนไปทั่ว
ไอติมชี้ รบ.ขาลง ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ขอ ปชช.เชื่อมั่นกาก้าวไกล ประเทศ-ชีวิตดีขึ้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3420461
ไอติมชี้ รบ.ขาลง ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ขอ ปชช.เชื่อมั่นกาก้าวไกล ประเทศ-ชีวิตดีขึ้น
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ตึกไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรี นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่จะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองเรื่องนี้อย่างไร ว่าเห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาลในหลายมิติ ตนคิดว่าผลเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ แม้จะเป็นแค่หนึ่งจังหวัดในประเทศ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง
“ฉะนั้น เวลานี้ปัญหาภายในของรัฐบาลเอง และความนิยมของประชาชน รัฐบาลก็อยู่ในจุดขาลง แต่ในมุมของพรรคก้าวไกลก็ทำงานเต็มที่ เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อแสดงภาพให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลนี้ว่า มีเรื่องใดบ้าง และอีกสิ่งที่เราทำคือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว หรือช้าเราต้องมีนโยบายที่พร้อมนำเสนอประชาชนว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเราจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างไรในฐานะคนที่ไม่ได้อยู่ในสภาหน้าที่ของตัวเองคือ การเตรียมความพร้อมในตรงนี้ ให้ประชาชนมั่นใจว่ากาพรรคก้าวไกลไปแล้ว ประเทศนี้จะดีขึ้นคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น” นาย
พริษฐ์กล่าว
JJNY : 5in1 น้ำมัน‘ปาล์ม-ถั่วเหลือง’ขึ้นอีก│ขึ้นอีกแล้ว!ก๊าซ│ยุทธพงศ์แฉพิรุธจัดการน้ำ│ไอติมชี้ รบ.ขาลง│จี7ถกสงครามยูเครน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3420635
สำรวจน้ำมัน ‘ปาล์ม-ถั่วเหลือง’ ขึ้นราคาอีก ในห้างขาย 69-73 บาท/ขวด
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากน้ำมันพืชขวดขนาด 1 ลิตร ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองราคาทรงตัวไปก่อนหน้านี้ ล่าสุด จากการสำรวจราคาขายในห้างสรรพสินค้าในย่านกรุงเทพฯ พบว่ามีหลายยี่ห้อขยับราคาขึ้นอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 69-73 บาทต่อขวด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับราคาขายในส่วนของร้านค้าปลีกและค้าส่ง จากการสอบถามร้านค้าในตลาดสดแห่งหนึ่งพบว่ามีบางยี่ห้อที่ซัพพลายเออร์แจ้งขึ้นราคาต้นทุนขนส่งน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตร อีก 10 บาทต่อลัง (จำนวน 12 ขวด) จาก 820 บาท เป็น 830 บาทต่อลัง ส่วนราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 70 บาทต่อขวด โดยร้านค้าบอกว่าหากขึ้นราคาขายปลีกจะทำให้ขายยากขึ้น อย่างไรก็ตาม แต่มีบางร้านค้าที่ปรับราคาขายปลีกขึ้น ทั้งน้ำมันปาล์มและถั่วเหลืองอยู่ที่ 70-73 บาทต่อขวด
ก่อนหน้านี้ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า ในส่วนของราคาน้ำมันพืชขวด ทางผู้ผลิตไม่ต้องขออนุญาตในการปรับขึ้นราคา แต่กรมจะใช้แนวการบริหารโดยดูโครงสร้างต้นทุนของราคา และดูว่าไม่ให้มีการกำหนดราคาขายแพงเกินสมควร
ขึ้นอีกแล้ว! 1 ก.ค. ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ปรับเพิ่ม 15 บาท ดันราคาพุ่ง 393 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7130288
ขึ้นอีกแล้ว! 1 ก.ค. ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ปรับเพิ่ม 15 บาท ดันราคาพุ่ง 393 บาท จับตาผลประชุมหาเงินอุดหนุนพลังงาน 27 มิ.ย. หลังกองทุนฯ ติดลบ 1 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2565 รายงานข่าวแจ้งว่าราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) เตรียมปรับราคาขึ้นอีกกิโลกรัม(ก.ก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก. จะปรับขึ้นอีก 15 บาท อยู่ที่ 393 บาท/ถัง 15 ก.ก. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 378 บาท/ถัง 15 ก.ก. ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน โดยรัฐยังช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/ 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2565
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ในวันที่ 27 มิ.ย. ว่าจะมีแนวทางจัดหาเงินจากแหล่งใดมาใช้อุดหนุนราคาพลังงาน เมื่อกองทุนมีสถานะติดลบเกิน 1 แสนล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับยังไม่มีเงินกู้จากสถาบันการเงินเข้ามาในระบบ เพราะยังอยู่ระหว่างการเจรจาการขอความร่วมมือโรงกลั่นในการนำส่งเงินส่วนเกินจากกำไรเข้ากองทุนก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
ขณะที่เงินฝากของกองทุนที่อยู่กับกระทรวงการคลังและธนาคารมีสภาพคล่องเหลืออยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่กองทุนยังมีภาระอุดหนุนราคาดีเซลปัจจุบันอยู่ที่ 10.91 บาท/ลิตร เพื่อดูแลราคาขายปลีกดีเซลครึ่งหนึ่งให้อยู่ที่ 34.94 บาท/ลิตร ไม่เกินเพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้ 35 บาท/ลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ จากราคาจริงจะอยู่ที่ประมาณ 45 บาทกว่า/ลิตร
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตามองว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินการอย่างไรโดยเฉพาะหลังจากวันที่ 30 มิ.ย.นี้ไปแล้ว เมื่อสถานะกองทุนติดลบเกิน 1 แสนล้านบาท และจะติดลบต่อเนื่อง หากยังต้องดูแลราคาเชื้อเพลิงต่อไปจนถึงเดือน ก.ย.2565 ตามนโยบายของรัฐบาล
‘ยุทธพงศ์’ ฮึ่มจัดหนัก ‘บิ๊กตู่’ ปมท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 แฉพิรุธ งบฯจัดการน้ำ 5.4 พันล. แก้แล้งโยง ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3420816
‘ยุทธพงศ์’ ฮึ่มจัดหนัก ‘บิ๊กตู่’ ปมสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 แฉพิรุธ งบฯจัดการน้ำ 5 .4 พันล. ให้ทหารลุยแก้แล้ง โยง ‘บิ๊กป้อม’ ด้วย
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคพท. กล่าวถึงความคืบหน้าญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุญัตติเป็นเรียบร้อยแล้ว มีรัฐมนตรีที่จะโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งหมด 11 คน ตามรายชื่อที่ปรากฏ ครั้งนี้ผู้ที่จะโดนหนักที่สุด คือ หัวหน้ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม วันนี้จะฉายหนังตัวอย่างความผิดพลาด ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินไร้ประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 การท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ลงนามในการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 อายุสัมปทาน 35 ปี มีการลงนามไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 จะมีการเปิดใช้งานปี 68 จะทำให้เก็บรายได้กว่า 4 พันล้านบาท รองรับการขนถ่ายตู้สินค้าเพิ่มอีก 2 ล้านที.อี.ยู. เป็นโครงมหาโปรเจกต์ ของพล.อ.ประยุทธ์ โครงการดังกล่าวการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างใช้เงินลงทุน 21,320 ล้านบาท เป็นการลงนามกิจการร่วมค้าและเริ่มทำสัญญาตั้งแต่ 3 กันยายน 63 ในสัญญากำหนดระยะเวลาก่อสร้างให้แล้วเสร็จ 1,460 วัน หรือ 4 ปี แต่ขณะนี้สร้างมา 2 ปี แต่ท่าเรือยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มองว่าบ้านเมืองเสียหาย เสียโอกาส จึงได้ถามในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)งบประมาณฯ ปลัดกระทรวงคมนาคม ก็ยังตอบคำถามไม่ได้ว่าเบิกจ่ายไปเท่าไรแล้ว
“ผมขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมตอบชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ ว่า การบริหารแบบนี้บ้านเมืองเสียหายแล้วมาบอกว่า พร้อมตอบ ผมขอให้เตรียมตอบประเด็นนี้เลย ทำหน้าที่บริหารอย่างไรโครงการยักษ์ใหญ่แบบนี้จะได้เปิดใช้งานในปี 68 หรือไม่ เพราะขณะนี้ยังไม่ได้มีการถมดินหรือถมทะเล หลังจากนี้จะไปแฉต่อในสภาว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบความไม่โปร่งใส ส่อไปในทางทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำ ในปี 2565 กรมทรัพยากรน้ำของบประมาณทั้งสิ้น 5,435 ล้านบาท มีพันธกิจว่าพัฒนา ฟื้นฟู ปรับปรุง ซ่อมแซมบริหารโครงการแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำ เรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยกรมทรัพยากรน้ำอ้างเรื่องภัยแล้ง ไปของบกลางจาก พล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ปี 63-65 ของบประมาณรวม 1,143 ล้านบาท อ้างว่าหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีความพร้อม ใช้วิธีพิเศษให้ทหารไปทำ ไม่ต้องประมูล อ้างเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ปรากฏว่า งบประมาณดังกล่าวรวม 46 โครงการ ทำเสร็จรวม 35 โครงการตั้งแต่ปี 63
นอกนั้นทิ้งงาน เพราะงบกลางกันไว้ไม่ได้ อันนี้ถือว่า ส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ เมื่อไปดูค่าปรับปรุงแหล่งน้ำงบประมาณ 1,093 ล้านบาท ปรากฏว่า เอาไปจัดลงที่ จ.ยโสธร เพียงจังหวัดเดียว 202 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ถามว่าผิดปกติหรือไม่ จังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา อุดรธานี สกลนคร บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ เป็นต้น ไม่ได้งบเลยสักบาท ถามว่าสำนักงบประมาณให้ผ่านมาได้อย่างไร จัดงบไม่เป็นธรรม ส่อไม่โปร่งใสแน่นอน แล้วจังหวัดอื่นไม่แล้ง ไม่เดือดร้อนหรือ ทั้งที่เกษตรกรเดือดร้อนไปทั่ว
ไอติมชี้ รบ.ขาลง ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ขอ ปชช.เชื่อมั่นกาก้าวไกล ประเทศ-ชีวิตดีขึ้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3420461
ไอติมชี้ รบ.ขาลง ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ขอ ปชช.เชื่อมั่นกาก้าวไกล ประเทศ-ชีวิตดีขึ้น
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ตึกไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์สถานการณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่จะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองเรื่องนี้อย่างไร ว่าเห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาลในหลายมิติ ตนคิดว่าผลเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ แม้จะเป็นแค่หนึ่งจังหวัดในประเทศ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง
“ฉะนั้น เวลานี้ปัญหาภายในของรัฐบาลเอง และความนิยมของประชาชน รัฐบาลก็อยู่ในจุดขาลง แต่ในมุมของพรรคก้าวไกลก็ทำงานเต็มที่ เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อแสดงภาพให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลนี้ว่า มีเรื่องใดบ้าง และอีกสิ่งที่เราทำคือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งเร็ว หรือช้าเราต้องมีนโยบายที่พร้อมนำเสนอประชาชนว่า ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเราจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างไรในฐานะคนที่ไม่ได้อยู่ในสภาหน้าที่ของตัวเองคือ การเตรียมความพร้อมในตรงนี้ ให้ประชาชนมั่นใจว่ากาพรรคก้าวไกลไปแล้ว ประเทศนี้จะดีขึ้นคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น” นายพริษฐ์กล่าว