เครื่องปรุงในครัว พริก-หอม-กระเทียม พร้อมใจปรับราคาพุ่งเท่าตัว
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7127154
พิษณุโลก ผลจากราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าขนส่งแพงตาม สินค้าเครื่องปรุงภายในครัวหลายชนิดขยับราคาขึ้น พริกแห้ง หอม กระเทียม ปรับขึ้นเกือบเท่าตัว
24 มิ.ย. 65 – ผลจากราคาน้ำมันแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าขนส่งปรับแพงตาม จากการสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดนัดเกษตรกร หน้าอำเภอเมืองพิษณุโลก โดยเฉพาะร้านขายจำพวก พริกแห้ง หอม กระเทียม ราคาสินค้าชนิดต่างๆ ปรับตัวราคาขึ้นตามทิศทางน้ำมันและค่าขนส่ง
นาง
อำพร อ้นทรัพย์ แม่ค้าตระเวนขายตามตลาดนัดทั่วไป เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคาพริกแห้ง หอม กระเทียม ได้มีการปรับราคาขายขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบเท่าตัว โดยพริกแห้ง จากเดิม ราคา 130 บาทต่อกิโลกรัม ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 บาท หอม จากราคา 40 บาท ปรับเพิ่มเป็นราคา กิโลกรัมละ 65 บาท ส่วนกระเทียม ราคาจากเดิม 45 บาท ต่อกิโลกรัม ปรับเป็นราคากิโลกรัม ละ 85 บาท
“ตอนนี้ราคา พริก หอม กระเทียม ได้ปรับขึ้นราคากันหมดแล้ว สาเหตุจากราคาน้ำมันแพง โดยเฉพาะกระเทียม มีราคาขึ้นเกือบเท่าตัว แนะนำกระเทียมแบบพวงมัดจุกขายดีกว่าแบบกระเทียมแกะ ช่วยประหยัดได้ส่วนหนึ่ง”
ของขึ้นรายวัน! ค้าภายใน ไฟเขียว ปุ๋ยขึ้นราคา นมสด ยื่นขอปรับ แจงสินค้า 18 รายการ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7127165
ของขึ้นรายวัน! ค้าภายใน ไฟเขียว ปุ๋ยขึ้นราคาหน้าโรงงานแล้ว นมสด ยื่นขอปรับราคา แจงสินค้า 18 รายการ ยังไม่อนุมัติให้ปรับราคา
วันที่ 24 มิ.ย.65 ร้อยตรี
จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ กรมการค้าภายใน ทยอยอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมี หน้าโรงงานหลายสูตรตามที่ผู้ประกอบการเสนอมา เนื่องจากมีต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศ100% รวมทั้ง เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องอนุมัติให้ปุ๋ยปรับราคาคือ ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ใช้ในประเทศ สำหรับสินค้าปุ๋ยในปัจจุบันมีใช้อยู่ 3 ชนิด คือ ปุ๋ยบรรจุถุง ปุ๋ยปั้นเม็ด และปุ๋ยคลุก
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่อยู่ในบัญชี สินค้าจำเป็น 18 รายการนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคา โดยกรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาออกไปก่อน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่มีการปรับราคา ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบราคา และปริมาณสินค้า ยังไม่พบว่ามีการลดกำลังการผลิต หรือ มีปัญหาสินค้าขาดตลาดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า นมสดมีการยื่นขอปรับขึ้นราคามายังกรมการค้าภายใน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสินค้าจำเป็น 18 รายการที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมวดอาหารสด (ไข่ไก่ เนื้อสัตว์) อาหารกระป๋อง ข้าวสารถุง ซอสปรุงรส น้ำมันพืช น้ำอัดลม นมและผลิตภัณฑ์จากนม
เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ซักล้างปุ๋ย ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ เหล็ก ปูนซีเมนต์ กระดาษ ยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ บริการผ่านห้าง ค้าปลีก-ส่ง
ไม่จ่ายอีกแล้ว 'ขรก.-ลูกจ้างทำเนียบ' โอด ยังไม่ได้เบี้ยเลี้ยง-ล่วงเวลา ตั้งแต่ เม.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3417447
ไม่จ่ายเงินอีกแล้ว “ขรก.-ลูกจ้างทำเนียบ” โอด ยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง-ล่วงเวลา ตั้งแต่ เม.ย.
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากรณีที่เคยเกิดปัญหาขึ้นในทำเนียบรัฐบาล กรณีตำรวจทำเนียบ หรือตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 (บก.4บก.ส.3) มีปัญหาไม่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงในการปฏิบัติหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล ในการดูแลความเรียบร้อย ขณะที่มีการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สปิดล้อมทำเนียบไปแล้วนั้น
ล่าสุดเกิดปัญหาข้าราชการ ลูกจ้าง ชั้นผู้น้อยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประมาณ 50 คน ร้องว่าไม่ได้รับเงินล่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ที่เฉลี่ยต้องได้รับเงิน คนละ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการเป็นส่วนใหญ่ เพื่อคอยประสานรับเรื่องร้องเรียนของศูนย์รับเรื่องราวทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจสันติบาล กระทรวงต่างๆ ที่ต้องดูแลงานด้านมวลชน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้าราชการ ลูกจ้างชั้นผู้น้อยดังกล่าว ปกติมีเงินเดือนน้อย และถูกปรับลดจำนวนผู้มาปฏิบัติหน้าที่ลดลงอีก ดังนั้น ภารกิจทุกอย่างต้องช่วยกัน ในขณะที่คนทำงานมีจำกัด และยังมีข้อมูลว่าในปีงบประมาณ 2566 จะถูกปรับลดเงินค่าล่วงเวลาปฏิบัติงานอีก ส่งผลกระทบถึงการดำรงชีพเป็นอย่างมาก
‘เพื่อไทย’ ออกแถลงการณ์ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่าคงไว้จับเยาวชน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3417992
‘เพื่อไทย’ ร่อนแถลงการณ์ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุโควิดคลี่คลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ฉะ หยุดใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นเสรีภาพ ปชช. วอนยุติดำเนินคดีเยาวชน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่รัฐสภา นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย ส.ส. พรรค พท. แถลงข่าวกรณีที่พรรค พท.ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย นพ.
ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.ได้ออกแถลงการณ์ในนามของพรรค พท. เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งประชาชนส่งเสียงสะท้อนมาว่า การคงอยู่ของประกาศดังกล่าวทำให้ได้รับความยากลำบาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 แต่ตอนนี้โรคดังกล่าวกำลังจะเป็นโรคประจำท้องถิ่นแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูประเทศ หรือรัฐบาลต้องการเพียงรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ดังนั้น พรรค พท.ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความตอนหนึ่งว่า ตามที่นายกฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ต่อมาเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายและได้มีการผ่อนคลาย แต่สำหรับข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองนั้นยังคงไว้อยู่เช่นเดิม จึงทำให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดจำนวนมาก พรรค พท.เห็นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทุเลาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด นายกรัฐมนตรีจึงต้องประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันทีตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การยังคงข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองไว้ นอกจากไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังเป็นเหตุผลทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และควรมีมาตรการในการยุติการดำเนินคดีกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดี เพราะทุกคนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อประเทศ แต่ส่วนใหญ่เพราะต้องการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลยังมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโรคที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ซึ่งการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และสร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวและการลงทุนอีกด้วย ดังนั้น พรรค พท.จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที
JJNY : 5in1 เครื่องปรุงราคาพุ่งเท่าตัว│ของขึ้นรายวัน!│‘ขรก.-ลูกจ้างทำเนียบ’โอด│‘เพื่อไทย’จี้ตู่│‘ก้าวไกล’คิดว่าเฟคนิวส์
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7127154
พิษณุโลก ผลจากราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าขนส่งแพงตาม สินค้าเครื่องปรุงภายในครัวหลายชนิดขยับราคาขึ้น พริกแห้ง หอม กระเทียม ปรับขึ้นเกือบเท่าตัว
24 มิ.ย. 65 – ผลจากราคาน้ำมันแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าขนส่งปรับแพงตาม จากการสำรวจราคาสินค้าที่ตลาดนัดเกษตรกร หน้าอำเภอเมืองพิษณุโลก โดยเฉพาะร้านขายจำพวก พริกแห้ง หอม กระเทียม ราคาสินค้าชนิดต่างๆ ปรับตัวราคาขึ้นตามทิศทางน้ำมันและค่าขนส่ง
นางอำพร อ้นทรัพย์ แม่ค้าตระเวนขายตามตลาดนัดทั่วไป เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคาพริกแห้ง หอม กระเทียม ได้มีการปรับราคาขายขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบเท่าตัว โดยพริกแห้ง จากเดิม ราคา 130 บาทต่อกิโลกรัม ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 150 บาท หอม จากราคา 40 บาท ปรับเพิ่มเป็นราคา กิโลกรัมละ 65 บาท ส่วนกระเทียม ราคาจากเดิม 45 บาท ต่อกิโลกรัม ปรับเป็นราคากิโลกรัม ละ 85 บาท
“ตอนนี้ราคา พริก หอม กระเทียม ได้ปรับขึ้นราคากันหมดแล้ว สาเหตุจากราคาน้ำมันแพง โดยเฉพาะกระเทียม มีราคาขึ้นเกือบเท่าตัว แนะนำกระเทียมแบบพวงมัดจุกขายดีกว่าแบบกระเทียมแกะ ช่วยประหยัดได้ส่วนหนึ่ง”
ของขึ้นรายวัน! ค้าภายใน ไฟเขียว ปุ๋ยขึ้นราคา นมสด ยื่นขอปรับ แจงสินค้า 18 รายการ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7127165
ของขึ้นรายวัน! ค้าภายใน ไฟเขียว ปุ๋ยขึ้นราคาหน้าโรงงานแล้ว นมสด ยื่นขอปรับราคา แจงสินค้า 18 รายการ ยังไม่อนุมัติให้ปรับราคา
วันที่ 24 มิ.ย.65 ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ กรมการค้าภายใน ทยอยอนุมัติให้มีการปรับขึ้นราคาปุ๋ยเคมี หน้าโรงงานหลายสูตรตามที่ผู้ประกอบการเสนอมา เนื่องจากมีต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศ100% รวมทั้ง เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง อีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องอนุมัติให้ปุ๋ยปรับราคาคือ ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยจนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ใช้ในประเทศ สำหรับสินค้าปุ๋ยในปัจจุบันมีใช้อยู่ 3 ชนิด คือ ปุ๋ยบรรจุถุง ปุ๋ยปั้นเม็ด และปุ๋ยคลุก
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่อยู่ในบัญชี สินค้าจำเป็น 18 รายการนั้น ยืนยันว่ายังไม่มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคา โดยกรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาออกไปก่อน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่มีการปรับราคา ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบราคา และปริมาณสินค้า ยังไม่พบว่ามีการลดกำลังการผลิต หรือ มีปัญหาสินค้าขาดตลาดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า นมสดมีการยื่นขอปรับขึ้นราคามายังกรมการค้าภายใน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับสินค้าจำเป็น 18 รายการที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หมวดอาหารสด (ไข่ไก่ เนื้อสัตว์) อาหารกระป๋อง ข้าวสารถุง ซอสปรุงรส น้ำมันพืช น้ำอัดลม นมและผลิตภัณฑ์จากนม
เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ซักล้างปุ๋ย ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ เหล็ก ปูนซีเมนต์ กระดาษ ยา เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ บริการผ่านห้าง ค้าปลีก-ส่ง
ไม่จ่ายอีกแล้ว 'ขรก.-ลูกจ้างทำเนียบ' โอด ยังไม่ได้เบี้ยเลี้ยง-ล่วงเวลา ตั้งแต่ เม.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3417447
ไม่จ่ายเงินอีกแล้ว “ขรก.-ลูกจ้างทำเนียบ” โอด ยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง-ล่วงเวลา ตั้งแต่ เม.ย.
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า จากรณีที่เคยเกิดปัญหาขึ้นในทำเนียบรัฐบาล กรณีตำรวจทำเนียบ หรือตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 (บก.4บก.ส.3) มีปัญหาไม่ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงในการปฏิบัติหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล ในการดูแลความเรียบร้อย ขณะที่มีการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สปิดล้อมทำเนียบไปแล้วนั้น
ล่าสุดเกิดปัญหาข้าราชการ ลูกจ้าง ชั้นผู้น้อยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประมาณ 50 คน ร้องว่าไม่ได้รับเงินล่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ที่เฉลี่ยต้องได้รับเงิน คนละ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการเป็นส่วนใหญ่ เพื่อคอยประสานรับเรื่องร้องเรียนของศูนย์รับเรื่องราวทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ตำรวจสันติบาล กระทรวงต่างๆ ที่ต้องดูแลงานด้านมวลชน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้าราชการ ลูกจ้างชั้นผู้น้อยดังกล่าว ปกติมีเงินเดือนน้อย และถูกปรับลดจำนวนผู้มาปฏิบัติหน้าที่ลดลงอีก ดังนั้น ภารกิจทุกอย่างต้องช่วยกัน ในขณะที่คนทำงานมีจำกัด และยังมีข้อมูลว่าในปีงบประมาณ 2566 จะถูกปรับลดเงินค่าล่วงเวลาปฏิบัติงานอีก ส่งผลกระทบถึงการดำรงชีพเป็นอย่างมาก
‘เพื่อไทย’ ออกแถลงการณ์ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่าคงไว้จับเยาวชน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3417992
‘เพื่อไทย’ ร่อนแถลงการณ์ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุโควิดคลี่คลายเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ฉะ หยุดใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นเสรีภาพ ปชช. วอนยุติดำเนินคดีเยาวชน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย ส.ส. พรรค พท. แถลงข่าวกรณีที่พรรค พท.ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.ได้ออกแถลงการณ์ในนามของพรรค พท. เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งประชาชนส่งเสียงสะท้อนมาว่า การคงอยู่ของประกาศดังกล่าวทำให้ได้รับความยากลำบาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งการออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 แต่ตอนนี้โรคดังกล่าวกำลังจะเป็นโรคประจำท้องถิ่นแล้ว จึงไม่มีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูประเทศ หรือรัฐบาลต้องการเพียงรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ดังนั้น พรรค พท.ขอให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความตอนหนึ่งว่า ตามที่นายกฯโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ต่อมาเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายและได้มีการผ่อนคลาย แต่สำหรับข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองนั้นยังคงไว้อยู่เช่นเดิม จึงทำให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดจำนวนมาก พรรค พท.เห็นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทุเลาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด นายกรัฐมนตรีจึงต้องประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันทีตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การยังคงข้อห้ามในการชุมนุมทางการเมืองไว้ นอกจากไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ยังเป็นเหตุผลทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องการให้มีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และควรมีมาตรการในการยุติการดำเนินคดีกับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดี เพราะทุกคนไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อประเทศ แต่ส่วนใหญ่เพราะต้องการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อมีการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว รัฐบาลยังมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโรคที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ซึ่งการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังเป็นการสร้างความมั่นใจ และสร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยวและการลงทุนอีกด้วย ดังนั้น พรรค พท.จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที