งานแต่งของผมไม่มีอีกแล้วเพราะผมเป็นHIV

อันนี้เป็นกระทู้ที่3ที่ผมตั้งนะครับ  ผมเป็นผู้ติดเชื้อที่พึ่งรู้ตัวเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมานี่เองครับ 
        เข้าเรื่องเลยนะครับ  ผมคบกับเเฟนมา8ปี ครับ เราอยู่กันคนละจังหวัดแต่เราจะเจอกันทุกๆสองเดือน  ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยๆ เราโทรคุยกันทุกวันไม่เคยมีวันใหนไม่คุยกัน  ผมทำอะไรจะไปใหนต้องรายงานขออนุญาติแฟนตลอด  ผมไม่เคยมีอะไรกับเเฟนเลยครับตั้งเเต่คบกันมาทั้งที่ผมก็พยายามจะมีไรด้วยเหมือนคู่รักทั่วไป จะมีเเค่การหอมหรือสัมผัสบ้างแต่ไม่มีการสอดใส่ เเฟนผมค่อนข้างหัวโบราณเขาเชื่อว่าถ้าเรารักกันจริงเราจะรอจนวันเเต่งงาน 
        ผมรักและซื่อสัตว์กับแฟนผมมากครับ ตลอดระยะเวลาที่คบกันมาผมไม่เคยมีอะไรกับใครที่ใหนเลย จนย่างเข้าปีที่5เราวางแผนจะเเต่งงานสร้างครอบครัวมีลูกกัน  เเต่ดันมีโรคโควิดเข้ามาซะก่อนทำให้เราเลื่อนระยะเวลาเเต่งงานออกมาจนสองปี  เมื่อประมาณ ธันวาปีที่เเล้วเราคุยว่าเราพร้อมที่จะเเต่งงานเเล้วเพราะสถาณการณ์โควิดดีขึ้น  ต้นปี65ผมจึงได้นำทางผู้ใหญ่ไปพูดคุยสู่ขอตามประเพณีทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้สวย เราวางเเผนจะซื้อบ้าน  เปิดบริษัท มีครอบครัวที่สมบูรณื เรามีความสุขมากครับในช่วงเวลานั้น
       แต่หลังจากที่ผมกลับมาจากงานหมั้นเพียงสัปดาห์เดียวผมเริ่มมีอาการป่วยและท้องเสียหนักมาก  กินยา ไปหาหมอก็ไม่หาย ประมาณสองสัปดาห์ร่างกายผมเริ่มไม่ไหวได้เเอดมิท แต่อาการไม่ดีขึ้นประกอบกับการส่องกล้องพบว่ามีก้อนเนื้อในลำใส้เเละพบเชื้อราในหลอดอาหารที่มีปริมาณที่เล็กมาก เเต่เพื่อความเเน่ใจหมอจึงของตรวจหาเชื้อเอชไอวี ปรากฎว่าผลออกมาเป็นบวก  ผมเก็บความจริงนี้ใว้คนเดียวในวันเเรกไม่รู้จะทำอย่างไรคิดเเค่ว่าผมจะต้องฆ่าตัวตายเพราะผมจะไม่มีวันบอกเเฟนหรือครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมสงสารทุกคน  ช่วงดึกวันนั้นผมเดินลงจากห้องผมกราบลาพ่อแม่ที่ประตูห้องนอนของพ่อเเม่  พอผมจะเดินออกจากบ้านเเม่ผมเปิดมาพอดีและถามว่า  "กินข้าวกินยารึยังไม่สบายอยู่ให้เเม่อุ่นแกงให้มั้ยกินเย็นๆเดี๋ยวท้องเสียอีก" นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหยุดความคิดที่จะไปฆ่าตัวตาย   
        ผมตัดสินใจสู่ระบบการรักษาที่ รพ รัฐตามสิทธิ์ ปกส โดยลำพังไม่บอกใคร  ผมบอกทางบ้านและแฟนว่าผมเปลี่ยน รพ เพราะอาการไม่ดีขึ้นและ ค่ารักษาที่เดิมเป็นเอกชลค่อนข้างแพง ช่วงนอน รพ ผมบอกที่บ้านไม่ต้องมาเฝ้า ทาง รพ ไม่ให้เฝ้าเพราะโควิด ตอนนั้นผมออ่นเเรงจนเดินไม่ได้ด้วยค่า CD4 ผมต่ำมากเหลือแค่ 44 ส่วนไวรัสโหลดก็สูงถึง 297,000เลย น้ำหนักจาก67-68 ร่วงลงใน15 วัน เหลือเเค่ 53 กกต้องเจาะหลังเพื่อหาโรคเเทรกซ้อนเเละให้ยาฆ่าเชื้อที่หลอดอาหาร  ผมเจ็บ ผมทรมานผมท้อจนผมอ้อนวอนให้ผมตายๆไป แต่เหมือนโชคยังเข้าข้างผมไม่มีโรคแทรกซ้อนที่น่ากลัว มีเเค่ท้องเสียที่จะต้องกินยาฆ่าเชื้อราวันละ12เม็ดจนกว่า CD4 ผมจะสูงขึ้นหมอบอกเเค่นั้น และผมก็พอที่จะมีเเรงขึ้น  ตลอดเวลาที่ผมอยู่ รพ ผมบอกแฟนว่าผมเป็นลำใส้อักเสบ  เพราะผมกลัวที่จะบอกความจริงในตอนนนั้น   ในหัวผมแทบไม่ได้คิดว่าโรคนี้มันน่ากลัวมั้ย มั้ยจะรักษายังใงมันจะอยู่ยังใง ในหัวผมมีแค่หน้าเเฟน อนาคตครอบครัว งานเเต่ง ที่ผมต้องดับฝัน ผมไม่รู้ว่าผมจะบอกแฟนยังใงดีเพราะกำหนดการณ์เเต่งงานจะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกแค่10เดือนเอง 
      ผมนอน รพ เเเค่ สัปดาห์เดียว เหมือนร่างกายมันตอบสนองต่อยาต้านดี ทำให้ผมกลับบ้านได้เเต่สภาพร่างกายคือผอมมากหน้าผมไหม้ดำเป็นสีดำ จนผมไม่กล้าเเม้เเต่จะเดินออกจากห้อง ได้เเต่บอกครอบครัวว่าเเพ้รังสีเอ็กเรย์บ่อย ผมทรมานทุกๆวันที่คุยกับเเฟนเหมือนมันมีอะไรค้างในใจที่อยากจะบอกเเต่มันหนักปากมาก มันพูดไม่ออก ผมพยายามที่จะไม่คุยไม่ลงดีเทลในงานเเต่งมากจนบางทีละเลาะกันว่าผมดูไม่ใส่ใจ  ผมตั้งใจว่าจะบอกแฟนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเเน่นอนด้วยความหวัง 0.1%ที่เเฟนจะรับผมได้  ผมค่อนข้างบอบบช้ำครับผมใจไม่เเข็งเเรงพอที่จะบอกความจริงในทันที   ผ่านมาสองเดือนร่างกายผมปรกติเหมือนตอนที่ไม่ป่วยหน้าตาสดใส่ น้ำหนักเเละทุกอย่างกลับมาใวจนน่าตกใจ
     และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาด้วยความกดดันหลายๆอย่างที่แฟนบอกว่าผมดูเฉยๆกับเรื่องงานเเต่ง ผมจึงตัดสินใจบอกแฟนไปว่าผมติดเชื้อ เอชไอวี แล้วแฟนผมก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยทันทีเลยครับผมเขาคงตกใจทำอะไรไม่ถูก ผมรู้สึกดีที่เขาบอกว่าโชคดีมากที่เราไม่เคยมีอะไรกัน ผมเข้าใจว่าเขาโกรธ หรือจะโทษผมก็ได้ว่าผมอาจไปติดมาในระยะเวลาที่คบกันหรือป่าว ผมไม่โทษเขาเลย เราคุยกันหลังจากที่ผมบอกว่าผมเป็นเอชไอวีเเค่ 10 นาที เขาก็วางสายไป จนตอนเช้าแฟนผมขอลดสถานะจากเเฟนเป็นพี่น้อง  ผมตอบไปว่าผมไม่มีสิทธิ์เลือก  เพราะสิ่งที่ผมอยากได้คือผมรักเขาเเต่นั่นมันคือความเห็นเเก่ตัว เขาคุยกับผมเเบบห่างเหินมากเหมือนคนไม่รู้จักกัน สิ่งที่ผมเสียใจมากคือการที่เขาบอกผมว่าผมอาจจะไปเจอใครที่รับกับสิ่งที่ผมเป็นได้ ผมรุ้สึกว่ามันเร็วไปมั้ยทั้งที่เราพึ่งคุยกันเรื่องงานเเต่งเมื่อคืน ผมรู้ว่าผมกับเราไม่สามารถจะเป็นครอบครัวได้ เเต่ผมไม่คิดว่าเเค่คืนเดียวเราจะเป็นเหมือนคนอื่น  เราเคยคุยกันทุกคืนก่อนนอน หลังจากวันที่ผมบอกผมติดต่อเเฟนยากมาก  ผมพยายามโทรหาเค้า เขาบอกให้ผมมูฟออน ถ้ายังคุยกันมันจะตัดกันไม่ขาด ผมไม่ได้เรียกร้องว่าเราต้องอยู่ด้วยกันเเต่ระยะเวลา8ปีที่คบกันผมได้ยินเสียงเขาทุกวัน วันนี้เขาจะหายไปทันทีเลยผมก้เลยเสียใจ  ไม่ว่าเขาจะมองผมในมุมใหน  โดยสำนึกผม ผมก็มองว่าความผิดอยู่ที่ผมคนเดียวเพราะผมเดินเข้าไปรับเชื้อนี้มาด้วยตนเอง  จะร้องให้ใครฟังว่าผมติดมาก่อนคบกับเเฟนก็คงไม่มีคนอยากเชื่อ  ในทุกวันผมคิดเหตุผลปลอบใจตัวเองตลอดเวลาว่าเหตุใดเขาจึงไม่ใยดีผมเพื่อที่จะไม่ให้ตัวผมเองคิดน้อยใจแฟนผมเขาตัดขาดผมอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้  ผมเเค่เสียใจ ตอนนี้ผมรู้สึกหมดหนทางผมเคว้งคว้างไม่มีจุดหมาย  ผมคิดถึงเขาทุกวัน ผมร้องให้ทุกคืนก่อนนอน  ผมรู้สึกผิดหวังที่ทุกเช้าที่ผมตื่นมาผมยังมีลมหายใจ  ผมรู้ว่าเขาจะไม่มีวันกลับมาผมไม่กล้าเรียกร้องอะไรเลย  ที่ผมมาโพสวันนี้ผมแค่อยากให้วันนึงถ้าเผลอเข้ามาอ่าน "ยกโทษให้พี่ด้วยครับ พี่ยืนยันหนักแน่นด้วยเกียรติพี่ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางในช่วงที่เราคบกัน  พี่รับเชื้อมาก่อนที่เราจะรู้จักกันจริงๆ ถ้าพี่รู้เร็วกว่านี้พี่คงบอกได้เร็วกว่านี้ ถ้าพี่รู้เเต่เเรกพี่จะไม่ทำหนูให้เสียเวลามาถึงเเปดปี ตอนนี้พี่ก็ยังรักเเละคิดถึงหนูทุกวินาทีเลย วันนี้ก็ 11 วันเเล้วที่พี่เป็นคนอื่นในสายตาหนู ยกโทษให้พี่ด้วยนะ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่