จากที่ต้องรับ Prep กลายเป็นต้องรับยาต้าน HIV แทน

สวัสดีครับ 😄
วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ ปีชง ของตัวเองในปีนี้ อายุ 30 ปี ครับ

เริ่มจากวันพ่อที่ผ่านมา ผมตัดสินใจจะไปตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อรับยา Prep ด้วยความว่า ตัวเราเองก็เป็น MSM ก็คาดว่าน่าจะมีความเสี่ยงสูง
จึงทำนัดไปตรวจที่ SWING Clinic เลย ระหว่างรอผลตรวจก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่ามารับยา Prep แล้วก็กลับ ซึ่งการจะรับยา Prep ได้ จะต้องมีผลเลือด หรือ ผลตรวจ Anti-HIV เป็น Negative หรือ Non reactive ทั้ง 3 ชุดตรวจ
>> แต่เมื่อผลออกและต้องมาฟังผลที่ห้องให้คำปรึกษา สรุปว่าผลตรวจ Anti-HIV ออกมาเป็น Reactive ทั้ง 3 ชุดตรวจ แปลผลว่า มีเชื้อ HIV ในร่างกายแล้ว รับยา Prep ไม่ได้ แต่ต้องเข้ากระบวนการรักษาเลย เพื่อรับยาต้านให้เร็วที่สุด ในใจตอนนั้น มีความคิดเดียวในหัวคือ Birth but with me จริงๆ
แต่ไม่ถึงกับเสียใจอะไรมากมาย หรือ ดิ่งดาวน์ กับตัวเอง สุดท้ายมันก็เป็นพฤติกรรมยั้งคิดของเราเอง โทษตัวเองนิดหน่อยแต่ไม่ได้เกลียดตัวเองนะ

>>หลังจากนั้น ผมก็ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป และได้ไปรับยาต้าน ที่ SWING สาขา สีลม อีกที ซึ่งก่อนรับยา ก็จะมีการตรวจเลือดซ้ำอีกที เพื่อดูระดับ ของ CD4 ก่อนรับยา รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆด้วย และเมื่อผลออกมาระดับ CD4 ผมยังไม่ต่ำมาก ได้ 400 กว่า cell/ul ก็สามารถรับยาต้านได้เลย ของผม ได้เป็น ยา Acriptega หรือยากระปุกฟ้า ทานวันละเม็ด ทุกวันและตรงเวลา 

>>สำหรับเหตุผลหลักที่อยากมาแชร์คือ หลังจากนึกย้อนไปแล้ว พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงที่สุดของเราอยู่ 2 ครั้ง คือเมื่อประมาณ 1 เดือนกว่าๆ เราได้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุง ซึ่งถ้าให้เราละเอียดคือ ตอนแรกใส่ถุง แล้วเค้า ขอถอดถุงเพราะเค้ากลัวไม่สำเร็จความใคร่ แต่สุดท้ายก็ไม่เสร็จนะ  กับอีกครั้ง เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว FWB เค้าลองแบบไม่ใส่ถุง และเสร็จข้างนอกนะ ที่สำคัญคือ ทั้ง 2 ครั้ง และทั้ง 2 คน แจ้งว่า On-Prep อยู่แล้ว เราก็เลยไม่ติดใจอะไร ก็คงพลาดจากจุดนี้จริงๆ เพราะหากมาคิดดูอีกที ถ้าเค้าโกหกเรื่อง On-Prep อยู่ ก็คือเสี่ยงเต็มๆ 

>>สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าจุดที่อันตรายอย่างหนึ่งของ HIV คือคนที่ไม่แสดงอาการ ของการติดเชื้อ (ไม่เกี่ยวกับ อาการของคนไข้ AIDs นะ ซึ่งต้องบอกว่าคนละอย่างกัน) ทำให้ไม่ระวังในการมีเพศสัมพันธ์ และมีพฤติกรรมเสี่ยงแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ที่ดีที่สุด ยังไงก็คือต้องใส่ถุง ใส่ถุงเท่านั้นน 

>>ก็อยากจะบอกว่า เป็นกำลังใจให้กับตัวเอง และผู้มีเชื้อ HIV อยู่ทุกคนนะครับ ปัจจุบันยาต้านไวรัส ตามสิทธิ์การรักษาของเรา ก็คือดีที่สุดแล้วตามแนวทางการรักษา เราแค่ทานยาให้สม่ำเสมอ และทำให้ร่างกายมีสุขภาพกายและใจให้ดีอยู่เสมอ อะไรเกิดขึ้นแล้วก็สู้กันต่อไป

ปล. ผมไม่ได้ลงรายละเอียดของการตรวจและการรักษาอะไรมากมายนะครับ แม้ว่าผมเองก็เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ก็พอรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ HIV พอสมควร แต่ก็โดนจนได้😅 หากอยากศึกษารายละเอียดแนะนำศึกษาข้อมูลจากของโรงเรียนแพทย์ใหญ่ๆดูนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่