[SR] บอสพาชิม: The Beast BKK ร้านสเต็กของเชฟกะทะเหล็ก 🍽 (Bangkok, Thailand)

ผมนั้นตั้งคำถามก่อนที่จะมาว่า ร้าน The Beast นั้นแตกต่างจากร้าน Steak ทั่วไปยังไง แต่เมื่อได้ลองชิมแล้วต้องบอกว่าประทับใจแบบจุกๆกลับบ้านเลยครับ



The Beast แต่ก่อนนั้นจะขายแต่คอร์สเมนู แต่ทางร้านพึ่งปรับมาขายเมนู A la carte (Course ก็ยังขายนะครับกรุณาจองกับทางร้านล่วงหน้า) โดยผมแนะนำให้มากันสักสองคน เพราะจากปริมาณอาหารต่อจานของที่นี้ค่อนข้างเยอะ (ขนาดผมสั่งเนื้อชิ้นเล็กสุดนะนั่น) จะทำให้ได้ลองอาหารหลากหลายซึ่งน่าสนใจไม่แพ้เนื้อสเต็กเลยครับ



Chef 👩‍🍳:The Beast เป็นร้านสเต็กของเชฟกะทะเหล้ก เชฟอ็อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ ผู้หลงไหลในอาหารที่เกี่ยวกับเนื้อ เชฟผู้มากฝีมือที่ทุกคนอาจจะคุ้นชื่อของเขาจากร้านวังหิ่งห้อยร้านอาหารFine Dining สุดเก๋ และ ยังเป็นหนึ่งในเชฟกะทะเหล็กของประเทศไทยอีกด้วย



Food🍴: อาหารของที่นี้ผมได้กลิ่นอายของอาหารหลายๆชาติในเมนู  แต่จะดูเน้นหนักไปทางกลิ่นอายของทวีปอเมริกาโดยเฉพาะอเมริกาเหนือและกลาง ตัวสเต็กที่ดูเหมือนๆกัน แต่ที่นี้ทำออกมาได้พิธิพิถัน ปราณีต และแตกต่าง เมื่อมองไปลึกๆแล้วคุณจะเห็นมาตราฐานอันเข้มข้นของเชฟอ็อฟ โดยทางร้านจะเลือกใช้เนื้อที่คัดมาอย่างพิถีพิถัน โดยช่วงนี้จะเป็น USDA เป็นหลัก ซึ่งทุกชิ้นจะต้องถูกนำมาดรายเอจก่อนเผื่อให้ได้เนื้อที่มีความเข้มข้น ก่อนนำมาrub กับผงrub สูตรพิเศษของทางร้านที่มีให้เลือกสารพัดชนิดให้เราได้ลอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยซอสเนยที่ช่วยเพิ่มความมันฉุ่มฉ่ำให้กับเนื้อ  เราจะได้ทั้งความเข้มข้นแบบเนื้อดรายเอจเเละรสมุนฉุ่มฉ่ำลิ้น เรียกได้ว่า “ Best of both World ”



Highlight✨ : จานที่ผมอยากให้ลองนอกจากสเต็ก (ที่ทุกคนต้องสั่งแน่ๆ) คือ Ox Tail and Tongue Taco (350-)โดยเชฟ อ็อฟบอกว่าที่ร้านจะเสิรฟ์เป็นสไตล์ดั่งเดิม ที่พิเศษคือตัวแป้ง Tortillaที่ใช้ข้าวโพดของไทยแทน ไส้นั้นทำจากเนื้อหางวัวและลิ้นวัว ก่อนรับประทานเชฟแนะนำให้ใส่ซอสสักครึ่งช้อนหรือถ้าชอบรสจัดจ้านสักช้อนนึงกำลังดี และบีบมะนาวลงไปสักนิด ตัวแป้งมีรสหวานนิดๆที่ปลายลิ้นและมีความหนึบกว่าแป้งทั่วไป ไส้นั้นเนื้อตุ๋นมาได้นุ่มมากๆมีรสเค็มละมุน ตัดกับรสฉุนหวานของหอมใหญ่ได้อย่างเข้าที ตัวซอสที่เผ็ดร้านนิดๆช่วยขับความหวานของแป้งเเละเครื่องได้อย่างลงตัว ก่อนที่มะนาวที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นจะช่วยปิดคำนี้ให้ครบรสลงตัว เป็นหนึ่งในtaco เรียบง่าย แต่ผมพูดได้เต็มปากว่าอร่อย อยากแนะนำให้ลองกันครับ

อีกจานนี่ละครับที่ทำให้ควรมากันหลายคน จานนี้คือ Short Rib Rice Pot (1,300-)  ที่เชฟให้มาเยอะมากๆ ตัวข้าวเเค่ยกมาเสิรฟ์เราก็จะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศคล้ายพะโล้ผสมกับผักชี ช่วนให้สดชื่นและไม่หนักจนเกินไป ตัวข้าวปรุงรสอ่อนๆ มีรสเผ็ดนิดๆที่ปลายลิ้น เนื้อร่วนมีความเป็นข้าวมันนิดๆ เเซมด้วยมันเนื้อเจียวเพิ่มความสนุก    ตัดกับเนื้อเท็กเจอร์กรอบกรุบนิดๆรสเค็มอมหวานนิด เป็นอีกจานทีทำได้อร่อยครับ



House salad (complimentary) ของทางร้านเป็นผักใบเขียว เสริฟ์มาพร้อมกับเปลือกแตงโมดอง บีทรูทดอง ราดด้วยซอสน้ำสลัดทำเองที่ทำจากน้ำมันมะกอกพริกไทยน้ำส้ม

สิ่งแรกที่ชอบเลยคือน้ำสลัดที่นี้ตัวน้ำส้มที่มีกลิ่นเขียวนิดๆช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้ดี มีความไลท์ มีมิติเเต่ทว่ากลมกล่อม ไม่ไปกลบกลิ่นเฉพาะตัวของน้ำมันมะกอก เป็นน้ำสลัดที่ทำออกมาได้น่าสนใจและกระตุ้นความอยากอาหารดี 
 
ตัวเครื่องอย่างเปลือกเเตกโมนั้นกรุบๆเปรี้ยวอมหวาน บีทรูทก็ทำมาได้หมดจรดไม่หลงเหลือกลิ่น เป็นสลัดที่ดูเรียบง่ายทว่าน่าสนใจและอร่อยดีทีเดียว



ขนมปังChiabatta อบสดๆ(complimentary) เชฟบอกว่าที่นี้จะเป็นสไตล์ Old fasion  ผิวจะกรอบหนานิดๆ รับประทานกับเครื่องจิ้มอย่าง Feta cheese , ครีมFeta , ถั่วพิทาชิโอ้ และน้ำผึ่งตรงกลาง โดยเชฟเเนะนำว่าจิ้มเป็นส่วนๆไปจะได้รสที่หลากหลายกว่า แต่ถ้าจะผสมทั้งหมดเลยก็ไม่ผิดอะไร 

ตัวขนมปังอุ่นๆแม้ผิวจะเเข็ง แต่กรอบเคี้ยวได้ไม่เหนียว  ตัวเนื้อด้านในมีความหนึบๆเปรี้ยวเเบบSour dough นิดๆ 

ทีเด็ดเห็นจะเป็นดริป ที่อร่อยมากครับ ออกหวานมหอมกลิ่นน้ำผึ้ง ซึ่งเข้ากับรสครีมมี่เค็มอ่อนได้อย่างลงตัว 



สักพักบริกรก็จะเอาผง  Rub สำหรับสเต็กมาให้เราเลือก โดยทั้งหมดเป็นสูตรของทางร้านเองทั้งหมดมีสี่อย่างคือ

House Rub ทำจากหอม กระเทียม พริกปาร์ปีก้า

Aztec ที่ทำจาก กาเเฟ โกโก้ ชิโปเล 

Mediterranean มีส่วนประกอบของ  เลม่อน ไทม์ เซจ โรสเเมรี่ 

Cow boy ที่ใส่ กาแฟ ยี่หร่า พริกปาร์ปีก้า



Ox Tail and Tongue Taco (350-) โดยเชฟ อ็อฟบอกว่าที่ร้านจะเสิรฟ์เป็นสไตล์ดั่งเดิม ที่พิเศษคือตัวแป้ง Tortillaที่ใช้ข้าวโพดของไทยแทน ไส้นั้นทำจากเนื้อหางวัวและลิ้นวัว ก่อนรับประทานเชฟแนะนำให้ใส่ซอสสักครึ่งช้อนหรือถ้าชอบรสจัดจ้านสักช้อนนึงกำลังดี และบีบมะนาวลงไปสักนิด 

ตัวแป้งมีรสหวานนิดๆที่ปลายลิ้นและมีความหนึบกว่าแป้งทั่วไป ไส้นั้นเนื้อตุ๋นมาได้นุ่มมากๆมีรสเค็มละมุน ตัดกับรสฉุนหวานของหอมใหญ่ได้อย่างเข้าที ตัวซอสที่เผ็ดร้านนิดๆช่วยขับความหวานของแป้งเเละเครื่องได้อย่างลงตัว ก่อนที่มะนาวที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นจะช่วยปิดคำนี้ให้ครบรสลงตัว เป็นหนึ่งในtaco เรียบง่าย แต่ผมพูดได้เต็มปากว่าอร่อย อยากแนะนำให้ลองกันครับ



มาถึงจานหลักของเรา เนื้อสเต็ก Ribeye USDA Prime (100 g. 800-).  ที่ผ่านการ dry aged จนได้ที โดยเชฟจะย่างเนื้อมาค่อนข้าง rare  ก่อนจะราดด้วยซอสเนยร้อนไฟท่วม อีกรอบ 

เราจะรับประทานกับเผือกทอดและหอมเจียวครับ ตัวมันเนื้อในชิ้นนี้เชฟแอบติดเอาไปเพิ่มในข้าวอบจานถัดไปนิดนึงเพื่อเพิ่มความเข้มข้น

อย่างแรกที่อยากจะพูด เนื้อย่างมาได้เยี่ยมมากครับ สุกเท่ากันทั้งชิ้น ไม่สุกเกินไปแม้จะราดซอสร้อนๆ ตรงนี้แสดงว่าร้านทำการบ้านมาดีทีเดียว ตัวเนื้อมีความเข้มข้นในตัวของมันเอง ตัดกับCrust กรอบเค็มเผ็ดนิดที่ผิวของผง House rub ที่ ผมเลือก ก่อนเพิ่มความมันฉุ่มช่ำด้วยซอสเนย ทำออกมาได้ดีเลยครับ ฟินทีเดียวครับ 

หรือท่านสุภาพสตรีกลัวอ้วนหรือมันเกินไป จะขอให้เชฟแยกซอสมาลองจิ้มก็ได้นะครับ



Short Rib Rice Pot (1,300-) ที่เชฟให้มาเยอะมากๆ ตัวข้าวเเค่ยกมาเสิรฟ์เราก็จะได้กลิ่นหอมเครื่องเทศคล้ายพะโล้ผสมกับผักชี ช่วนให้สดชื่นและไม่หนักจนเกินไป ตัวข้าวปรุงรสอ่อนๆ มีรสเผ็ดนิดๆที่ปลายลิ้น เนื้อร่วนมีความเป็นข้าวมันนิดๆ เเซมด้วยมันเนื้อเจียวเพิ่มความสนุก    ตัดกับเนื้อเท็กเจอร์กรอบกรุบนิดๆรสเค็มอมหวานนิด เป็นอีกจานทีทำได้อร่อยครับ



ขนมหวานของผมในวันนี้เป็นPecan Pie(330-) กับไอซ์ครีมบัทเตอร์สก๊อต จานนี้ ตัวแป้งเเป้งร่วนไม่เเข็งรับประทานง่าย หอมกลิ่นถั่วพีเเคน ตัดกับรสหวานมันไอซ์ครีม



ล้างปากปิดท้ายด้วย Sorbet yuzu
ชื่อสินค้า:   the Beast bkk
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่