🇹🇭มาลาริน💛6มิ.ย.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย2,162คน หายป่วย4,879คน เสียชีวิต27คน รักษาอยู่29,509คน/วัคซีนฉีดกระตุ้นไปแค่50%


https://www.bangkokbiznews.com/news/1008340

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 6 มิถุนายน 2564 รวม 2,671 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อใหม่ 2,067 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 604 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,424 ราย ผู้ป่วยสะสม 148,604 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) เสียชีวิต 23 ราย
 
ทั้งนี้ กทม. ยังเป็นจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดในวันนี้ จำนวน 675 ราย ตามมาด้วย สมุทรสาคร 288 ราย และเพชรบุรี 196 ราย โดย 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่สูงสุดวันนี้ เป็นดังนี้



https://www.naewna.com/local/578214

เพี้ยนแคปเจอร์'หมอโอภาส' ยันวัคซีนที่สั่งซื้อปีนี้ 120 ล้านโดส ใช้ฉีดเข็มกระตุ้นไปแค่ 50% แถมยังสำรองไว้ฉีดปีหน้าได้



6มิ.ย.65-จากกระแสข่าวว่า มีวัคซีนเหลือเก็บจำนวนมาก ตามสถานพยาบาลของรัฐ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปี 2564 มีแผนจัดซื้อ 121 ล้านโดส ฉีดได้ 104.4 ล้านโดส ปี 2565 มีแผนจัดซื้อ 120 ล้านโดส ลงนามสัญญาซื้อแล้ว 90 ล้านโดส ส่งมอบแล้ว 36 ล้านโดส และฉีดวัคซีนแล้ว 34 ล้านโดส ส่วนจะต้องฉีดวัคซีนทุกปีแบบไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ แต่มีแผนเตรียมไว้แล้ว โดยวัคซีนปี 2565 ที่เหลือสำรองไว้ปีหน้าได้ ทั้งนี้ ถ้าเทียบจำนวนคนไทย 70 ล้านคน ฉีดคนละ 2 เข็ม คือ 140 ล้านโดส ขณะนี้เราฉีดได้ 138 ล้านโดส ถ้าต้องฉีด 3 เข็ม คือ 210 ล้านโดส ถือว่าก็ยังห่าง แต่สามารถหาวัคซีนมาเพิ่มเติมได้หากสถานการณ์เปลี่ยนไป เรามีแผนจัดหาวัคซีนให้เหมาะสมและสอดคล้องคนไทย

นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า แม้จะฉีดวัคซีนเข็มหนึ่งแล้ว 81% แต่ผู้สูงอายุ 2 ล้านคน และเด็กอายุ 5-11 ปี อีก 2 ล้านคน ยังไม่ได้เข็มหนึ่ง จึงยังต้องเร่งฉีดอยู่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แล้วตามด้วยเข็ม 2 จึงต้องเพิ่มอีกอย่างน้อย 9-10 ล้านโดส ส่วนเข็มกระตุ้นต้องได้อย่างน้อย 60% ต้องเพิ่มอีก 15 ล้านโดส จึงตั้งเป้าหมายดำเนินการฉีดไม่น้อยอีกกว่า 30 ล้านโดส ทั้งนี้ จากการติดตามผู้ที่ครบกำหนดฉีดเข็ม 3 มีการฉีดเพียง 50% จึงต้องรณรงค์ให้คนที่ครบกำหนดเข้ารับวัคซีน เพื่อรองรับการเปิดกิจการต่างๆ สำหรับกลยุทธ์ที่หารือกันในการฉีดเข็ม 3 คือ การเอาวัคซีนไปหาประชาชน เนื่องจากกลุ่มที่ยังไม่ได้รับ บางคนกลัววัคซีนก็ต้องทำความเข้าใจ อีกส่วนหนึ่งเข้าไม่ถึงวัคซีนหรือไปมาไม่สะดวก จากเดิมวัคซีนเราฉีดที่ศูนย์กลางต่างๆ โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน ก็มีนโยบายไปฉีดถึง รพ.สต.
 
“ถ้าเราสามารถทำให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และเข้าถึงวัคซีนดีขึ้น ก็ต้องมีตัวซัพพลายวัคซีนไปถึง รพ.สต. จังหวัดมีแผนความต้องการ คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนในพื้นที่มีเท่าไร ก็จะกระจายส่งวัคซีนไปที่จังหวัด และจังหวัดส่งให้ รพ.สต. ขอความร่วมมือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและผู้อำนวยการโรงพยาบาล ขอให้จัดฉีดวัคซีนทุกวัน ซึ่งช่วงหลังเมื่อคนฉีดวัคซีนน้อยลง บางแห่งมีการลดวันฉีด ซึ่งโดยนโยบายอยากให้ฉีดวัคซีนทุกวัน และประชาสัมพันธ์ให้คนมารับวัคซีน ว่าสามารถเข้าถึงตรงนี้ได้ ต้องทำความเข้าใจกลุ่มต่างๆ ทั้งที่ยังลังเลหรือกลัววัคซีน” นายแพทย์สุเทพกล่าว

https://www.thaipost.net/covid-19-news/156065/

...ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

ผู้ติดเชื้อใหม่น้อยลง ผู้ป่วยรักษาอยู่น้อยลงเหลือไม่ถึงสามหมื่นคน

วัคซีนเหลือให้ฉีดถึงปีหน้า เพราะคนมาฉีดน้อยลง
ต้องรณรงค์ฉีดห้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น

ฉีดวัคซีนกันเถอะค่ะ...✌️💕

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 6 มิถุนายน 2565 เวลา 13.00 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.facebook.com/fanmoph/videos/408014477864519/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
6 มิถุนายน 2565


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0z2AiwyU3WBUKq3TLTHxA3ypUAhyBEngYUQUcDKVpnykfj5mRomJzzHDYkjcEATwQl


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 5 มิ.ย. 2565)
รวม 138,174,444 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 5 มิถุนายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 30,801 โดส

เข็มที่ 1 : 2,121 ราย
เข็มที่ 2 : 8,026 ราย
เข็มที่ 3 : 20,654 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 56,797,116 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 52,797,058 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 28,580,270 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02XsTTesAm34w7uLLTMF6BqyHszQNFHD4bVQ7hEy3tn6a8CNrp7DQSwU28irXfsnuDl


ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อได้รับสนับสนุนวัคซีนโมเดอร์นา รอบเดือนมิถุนายนมาจำนวนหนึ่ง*
จึงเปิดบริการ Walk in
วัคซีนโมเดอร์นาเข็มต่างๆ ดังนี้

เข็มที่ 1 สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนใดมาก่อน
จะได้รับเป็นสูตรไขว้ (Md-Pz) เข็มที่ 1 วัคซีนโมเดอร์นา - เข็มที่ 2 วัคซีนไฟเซอร์
ระยะห่าง 28 วัน

เข็มที่ 2,3,4,5* วัคซีนโมเดอร์นา โดยระยะห่างขึ้นกับชนิดวัคซีนในเข็มก่อนหน้า

เป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รับบริการได้ที่ ประตู1 ตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
เวลา 9.00 - 15.00 น. จนกว่าวัคซีนจะหมด

หมายเหตุ
1. วัคซีนโมเดอร์นา ที่ได้รับสนับสนุนมามีจำนวนจำกัด จะหยุดให้บริการเมื่อวัคซีนหมด
2. สำหรับผู้ที่จองคิวเข็มที่ 3,4 วัคซีนไฟเซอร์แล้ว สามารถแจ้งความประสงค์ที่เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนเปลี่ยนเป็นวัคซีนโมเดอร์นาได้
3. เข็มกระตุ้น สามารถเลือกรับบริการรูปแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อเต็มโดส / กล้ามเนื้อครึ่งโดส / ชั้นผิวหนัง

*ผู้ที่ประสงค์หรือต้องการรับวัคซีนที่มากกว่าเข็มที่ 4 สามารถขอปรึกษาแพทย์ก่อนได้
ทั้งจากระยะเวลาการให้วัคซีน ชนิดวัคซีน และจุดประสงค์การรับวัคซีน
เช่น ผู้ที่อาจไปตรวจระดับภูมิคุ้มกันมาแล้ว พบว่าภูมิคุ้มกันต่ำ หรือผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ

การบริหารวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna)
รูปแบบการฉีดเป็นไปตามความสมัครใจของผู้รับบริการ สามารถเลือกได้ 3 รูปแบบ ดังนี้
1. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเต็มโดส (IM) ปริมาตร 0.5 ml ขนาดยา 100 mcg
2. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครึ่งโดส (IM) ปริมาตร 0.25 ml ขนาดยา 50 mcg
3. ฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (ID) ปริมาตร 0.1 ml ขนาดยา 20 mcg

ที่มา : CVC กลางบางซื่อ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid031cZMtyS7dhzVyJYZSaNHQBc1PAeGrhZbks9ym3iFLJPnMe99834Crumf944yWEtcl


ก.แรงงาน ปรับมาตรการนําเข้าแรงงานต่างด้าว ยกเลิกกักตัวทุกรูปแบบ รองรับเปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หลัง ศบค.เปิดประเทศเต็มรูปแบบ มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. 65

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป โดยยกเลิกการกักตัวทุกรูปแบบ เพื่อรองรับการเปิดประเทศ และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในส่วนของกระทรวงแรงงานจะเปิดให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่เข้ามาทำงานตาม MOU (ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ) และแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานแบบไปกลับ หรือตามฤดูกาล (มาตรา 64) เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ตามแนวทางของ ศบค.
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการปรับมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และการปรับลดมาตรการการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64 ดังนี้
1.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU)
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1). ให้แรงงานแสดงเอกสารหลักฐานที่ยืนยันหรือแสดงว่ามีนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ซึ่งได้รับการรับรองโดยกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รับแรงงานเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร (Name List)
2). หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด - 19
3). กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด -19 ครอบคลุมความคุ้มครอง ในวงเงินไม่น้อยกว่า 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ
4). นายจ้างแจ้ง วัน เวลาเดินทางที่ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างล่วงหน้า

มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
แรงงานต่างด้าวสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยหากรับวัคซีนครบโดส หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT – PCR หรือ ATK Professional Use ใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง สามารถตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 2 ปี ตรวจสุขภาพ 6 โรค ตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากไม่พบเป็นโรคต้องห้าม 6 โรค และไม่พบเชื้อโควิด – 19 แรงงาน 3 สัญชาติจะเข้ารับการอบรม ณ ศูนย์แรกรับฯ รับใบอนุญาตทำงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด และเข้าทำงานในสถานประกอบการได้เลย กรณีพบเชื้อโควิด – 19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป
กรณีแรงงานข้ามชาติที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จากนั้นดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส

ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 ให้นายจ้างเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย กรณีที่ตรวจพบเชื้อให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษาพยาบาลซึ่งในส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม นายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

2.การนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานตามมาตรา 64

มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1.) นายจ้างยื่นแบบแจ้งบัญชีรายชื่อแรงงานต่างด้าว (ม.64) ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด
2.) แสดงหนังสือผ่านแดน (Border Pass)
3.) หลักฐานการได้รับวัคซีนโควิด - 19
4.) กรมธรรม์ที่คุ้มครองการรักษาโรคโควิด -19 หรือหลักประกันอื่น

มาตรการเมื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
แรงงานต่างด้าวสามารถเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ 9 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย จ.ตาก จ.กาญจนบุรี จ.ระนอง จ.จันทบุรี จ.สระแก้ว จ.ตราด จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดินทางข้ามแดนเข้ามาจะผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ซักประวัติสุขภาพแรงงานต่างด้าว โดยการคัดกรองอาการทางเดินหายใจ และวัดไข้ กรณีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว หรือฉีดวัคซีนไม่ครบแต่มีผลตรวจ RT – PCR หรือ ATK Professional Use ใน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง ให้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) กรณีฉีดวัคซีนไม่ครบโดส ให้ตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรทางการแพทย์ (professional use) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และตรวจโรคห้าม 6 โรค กรณีไม่พบเชื้อโควิด- 19 และไม่พบโรคห้าม 6 โรค เจ้าหน้าที่จะตรวจลงตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 30 วันต่อครั้ง และออกใบอนุญาตทำงาน 3 เดือน และสามารถเข้าทำงานในสถานประกอบการได้ กรณีพบเชื้อโควิด – 19 ถ้าไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียวให้กักตัวที่สถานกักตัวแบบ OQ หากมีอาการกลุ่มสีเหลือง หรือสีแดง ให้กรมธรรม์ประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือรักษา หากมีส่วนที่สิทธิดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมนายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นเมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดียวกับแรงงานข้ามชาติที่ไม่พบเชื้อ เพื่อรับใบอนุญาตทำงานและเข้าทำงานในสถานประกอบการต่อไป

ที่มา : กรมการจัดหางาน
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid037SnMssVEdgFrAbUkEtkSje4gRdxGqP6CcaPtgV1PGdtKfrxjRyuxUVGN2xyULqXBl


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 จำนวน 27 ราย

แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0THkUCESMau6aTQ2fohGCC91HSf94dofiFyU7pGxu718ziBveWvSpeEKro1Nn54tLl


นายกฯ เตือน อย่าชะล่าใจ สถานการณ์โควิดดีขึ้น ทุกคนยังต้องดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามอย่างใกล้ชิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นตามลำดับ และมีการผ่อนคลายมาตรการให้หลายพื้นที่สามารถดำเนินกิจการ กิจกรรม ทำให้ภาครัฐ เอกชน ประชาชน หลายกลุ่มมีการจัดงานหรือกิจกรรมต่างๆ ในระยะนี้ อาทิ งาน Pride Month 2022 งานดนตรีในสวน ซึ่งการจัดกิจกรรมนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำเตือนอย่าชะล่าใจ ทุกคนยังคงต้องดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการของทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเอง พร้อมฝากถึงผู้จัดงาน/จัดกิจกรรม ไม่ว่าจะดำเนินการโดยภาครัฐหรือภาคเอกชน ประชาชน ต้องอยู่ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ หลังจากนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดคลัสเตอร์ใหม่เพื่อที่จะสามารถรับมือได้ทันท่วงที

ที่มา : โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0K1Z2ZsEDhsVcSQA5ALisGZaeUQzpX8CW71XBiFNcACo4LuVKgXPjwgcwQkk7LWKLl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่