Influencers ของธุรกิจประเภทต่าง ๆ มากมาย ที่ประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับในทุกวันนี้ หลานคนมีจุดเริ่มต้นจากการทำ Personal Branding ซึ่งทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ ที่มีสินค้าบริการของตัวเอง หรือยังไม่มีสินค้า นึกอยากสร้างฐานผู้ติดตาม สนใจอยากสร้างตัวตนกันขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายก็จำใจปัด Project นี้ทิ้งไป
.
3 ความเชื่อผิด ๆ ที่ว่ามีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
.
.
1. จะทำ Personal Branding ได้ เราต้องดูดีแล้วเท่านั้น
.
.
ไม่ปฏิเสธว่าภาพลักษณ์ที่ดีดึงดูดความสนใจของผู้คน เพราะมันบ่งบอกถึงเบื้องหลังความพยายาม การมุ่งมานะจนประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนหมู่มาก
.
ทว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่า ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ เหล่า Influencer หรือผู้นำทางความคิดของวงการต่าง ๆ นั้นได้เริ่มสร้างตัวตน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ในขณะที่ตัวเองยังไม่ได้มีผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
.
เช่นป้าแตที่เราเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่มีสุขภาพกายและใจที่ดี แข็งแรง ในวันนี้ คืออดีตผู้ป่วย 36 โรค ที่เริ่มแชร์เรื่องสุขภาพและการดูแลตัว ในขณะที่ตัวเองยังเจ็บออด ๆ แอด ๆ
.
.
“รู้ไหมว่าตอนที่พังที่สุด มันคือโอกาสที่ดีที่สุด มันทำให้เราหันมาลองทบทวนการใช้ชีวิต ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แล้วเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างไรในแต่ละวัน เพื่อให้สุขภาพของตัวเองค่อย ๆ กลับดีขึ้น เรื่องราวเหล่านี้เราเอามันมาแบ่งปันได้ค่ะ และนี่เป็นสิ่งที่แตทำ”
.
.
2. จะทำ Personal Branding ทั้งที ต้องทำให้เป็นที่รู้จักให้มากที่สุด
.
.
โอ้ อย่าว่าแต่เริ่มเลย แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว หลายคนตกหลุมพรางของการคิดใหญ่ ทำใหญ่ จนทำให้เราไม่กล้าลงมือทำมานักต่อนัก โอเคมันเป็นความจริงที่ว่า สำหรับบางคนแล้ว ด้วยต้นทุนที่พวกเขามี อาจเอื้อต่อการลงมือทำแล้วปังได้ในระดับประเทศไม่ยาก
.
..แต่การเป็นที่รู้จักให้มากที่สุดมันไม่ใช่ประเด็น
.
เราต้องอย่าลืมจุดหมายปลายทางของการทำ Personal Branding ซึ่งก็คือ การขายตัวเองและสินค้าบริการเฉพาะกลุ่ม เราไม่ได้จะแก้ปัญหาให้คนทั้งโลก ดังนั้นจำนวนผู้ติดตามไม่สำคัญเท่าการที่เราสามารถพัฒนาชีวิตและแก้ปัญหาให้คนกลุ่มหนึ่งที่ประสบปัญหาคล้าย ๆ กับเราได้จริง
.
.
“สังเกตไหมคะว่าแต่ละคนก็มีปัญหาแตกต่างกัน เช่นบางคนมีปัญหาเรื่องการทานผักผลไม้ หรือที่เกี่ยวกับโภชนาการ อาหารเสริมต่าง ๆ เขาก็จะนึกถึงป้าแต แต่ถ้าเขาคนเดียวกันนี้มีปัญหาอย่างอื่น เช่นเป็นฝ้า เขาก็จะนึกถึงคนอื่นแทนแล้ว”
.
.
3. จะทำ Personal Branding ได้ ต้องพูดหน้ากล้องเก่ง
.
.
อีกหลุมพรางสุด Classic ที่ทำให้หลายคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก แต่ไม่ถนัดการพูดหน้ากล้อง เกร็งทุกครั้งที่ต้องออกกล้อง กังวลว่าจะนำเสนอสู้คนอื่นที่ดูมีความ Professinal ในการพูดไม่ได้ ต้องพับเก็บโครงการการทำ Personal Branding ของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
.
แต่ถ้าเราอ่านจากข้อ 1 และ 2 เราน่าจะเห็นกันแล้วว่า ข้อเท็จจริงของการที่เราเป็นจะกลายเป็น..
.
คนแรกที่ถูกนึกถึง เมื่อใครบางคนมีปัญหาบางอย่าง
.
มันมาจากที่เราสามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างนั้นให้พวกเขาได้ต่างหาก!
.
อีกทั้งปัจจุบันนี้การนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ก็มีอยู่หลายวิธีที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เช่นผ่านการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือเป็นรูปเล่ม ผ่านการเขียน E-Book หรือแม้กระทั่งเขียนผ่าน Facebook ส่วนตัว ก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้เช่นกัน หากเรารู้วิธีนำเสนอตัวตนอย่างถูกหลัก
.
.
“ไม่ได้แปลว่าคนที่รู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องออกกล้อง ไม่ควรหัดพูดหน้ากล้อง เพราะมันคือการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่ง แต่ในระหว่างที่คุณยังฝึกฝน คุณก็สามารถเริ่มแบ่งปันองค์ความรู้ ความตั้งใจดี ๆ ที่คุณสั่งสมมาผ่านวิธีการอื่น ๆ ได้”
.
.
Anticlassroom และ "ป้าแต" จาก เพจ ลืมแก่ โดย ป้าแต หวังว่า ท่ามกลางกระแสการทำ Personal Branding ที่ได้รับความนิยมและมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นในทุก ๆ วงการ เราจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ไขว้เข้วที่ไม่ได้เริ่มต้นสักทีเพราะความเข้าใจผิด และกล้าลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ จากการมองข้อจำกัดที่เรามีอย่างท้าทาย และเริ่มต้นจากตรงนั้น
ใครกำลังสร้าง Personal Branding มาลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ
.
3 ความเชื่อผิด ๆ ที่ว่ามีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
.
.
1. จะทำ Personal Branding ได้ เราต้องดูดีแล้วเท่านั้น
.
.
ไม่ปฏิเสธว่าภาพลักษณ์ที่ดีดึงดูดความสนใจของผู้คน เพราะมันบ่งบอกถึงเบื้องหลังความพยายาม การมุ่งมานะจนประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนหมู่มาก
.
ทว่าหลายคนอาจไม่รู้ว่า ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงจุดนี้ เหล่า Influencer หรือผู้นำทางความคิดของวงการต่าง ๆ นั้นได้เริ่มสร้างตัวตน ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ในขณะที่ตัวเองยังไม่ได้มีผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
.
เช่นป้าแตที่เราเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่มีสุขภาพกายและใจที่ดี แข็งแรง ในวันนี้ คืออดีตผู้ป่วย 36 โรค ที่เริ่มแชร์เรื่องสุขภาพและการดูแลตัว ในขณะที่ตัวเองยังเจ็บออด ๆ แอด ๆ
.
.
“รู้ไหมว่าตอนที่พังที่สุด มันคือโอกาสที่ดีที่สุด มันทำให้เราหันมาลองทบทวนการใช้ชีวิต ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แล้วเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างไรในแต่ละวัน เพื่อให้สุขภาพของตัวเองค่อย ๆ กลับดีขึ้น เรื่องราวเหล่านี้เราเอามันมาแบ่งปันได้ค่ะ และนี่เป็นสิ่งที่แตทำ”
.
.
2. จะทำ Personal Branding ทั้งที ต้องทำให้เป็นที่รู้จักให้มากที่สุด
.
.
โอ้ อย่าว่าแต่เริ่มเลย แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว หลายคนตกหลุมพรางของการคิดใหญ่ ทำใหญ่ จนทำให้เราไม่กล้าลงมือทำมานักต่อนัก โอเคมันเป็นความจริงที่ว่า สำหรับบางคนแล้ว ด้วยต้นทุนที่พวกเขามี อาจเอื้อต่อการลงมือทำแล้วปังได้ในระดับประเทศไม่ยาก
.
..แต่การเป็นที่รู้จักให้มากที่สุดมันไม่ใช่ประเด็น
.
เราต้องอย่าลืมจุดหมายปลายทางของการทำ Personal Branding ซึ่งก็คือ การขายตัวเองและสินค้าบริการเฉพาะกลุ่ม เราไม่ได้จะแก้ปัญหาให้คนทั้งโลก ดังนั้นจำนวนผู้ติดตามไม่สำคัญเท่าการที่เราสามารถพัฒนาชีวิตและแก้ปัญหาให้คนกลุ่มหนึ่งที่ประสบปัญหาคล้าย ๆ กับเราได้จริง
.
.
“สังเกตไหมคะว่าแต่ละคนก็มีปัญหาแตกต่างกัน เช่นบางคนมีปัญหาเรื่องการทานผักผลไม้ หรือที่เกี่ยวกับโภชนาการ อาหารเสริมต่าง ๆ เขาก็จะนึกถึงป้าแต แต่ถ้าเขาคนเดียวกันนี้มีปัญหาอย่างอื่น เช่นเป็นฝ้า เขาก็จะนึกถึงคนอื่นแทนแล้ว”
.
.
3. จะทำ Personal Branding ได้ ต้องพูดหน้ากล้องเก่ง
.
.
อีกหลุมพรางสุด Classic ที่ทำให้หลายคนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก แต่ไม่ถนัดการพูดหน้ากล้อง เกร็งทุกครั้งที่ต้องออกกล้อง กังวลว่าจะนำเสนอสู้คนอื่นที่ดูมีความ Professinal ในการพูดไม่ได้ ต้องพับเก็บโครงการการทำ Personal Branding ของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
.
แต่ถ้าเราอ่านจากข้อ 1 และ 2 เราน่าจะเห็นกันแล้วว่า ข้อเท็จจริงของการที่เราเป็นจะกลายเป็น..
.
คนแรกที่ถูกนึกถึง เมื่อใครบางคนมีปัญหาบางอย่าง
.
มันมาจากที่เราสามารถช่วยแก้ปัญหาบางอย่างนั้นให้พวกเขาได้ต่างหาก!
.
อีกทั้งปัจจุบันนี้การนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ก็มีอยู่หลายวิธีที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าได้ผล เช่นผ่านการเขียน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือเป็นรูปเล่ม ผ่านการเขียน E-Book หรือแม้กระทั่งเขียนผ่าน Facebook ส่วนตัว ก็สามารถสร้างรายได้ให้เราได้เช่นกัน หากเรารู้วิธีนำเสนอตัวตนอย่างถูกหลัก
.
.
“ไม่ได้แปลว่าคนที่รู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องออกกล้อง ไม่ควรหัดพูดหน้ากล้อง เพราะมันคือการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่ง แต่ในระหว่างที่คุณยังฝึกฝน คุณก็สามารถเริ่มแบ่งปันองค์ความรู้ ความตั้งใจดี ๆ ที่คุณสั่งสมมาผ่านวิธีการอื่น ๆ ได้”
.
.
Anticlassroom และ "ป้าแต" จาก เพจ ลืมแก่ โดย ป้าแต หวังว่า ท่ามกลางกระแสการทำ Personal Branding ที่ได้รับความนิยมและมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นในทุก ๆ วงการ เราจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ไขว้เข้วที่ไม่ได้เริ่มต้นสักทีเพราะความเข้าใจผิด และกล้าลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ จากการมองข้อจำกัดที่เรามีอย่างท้าทาย และเริ่มต้นจากตรงนั้น