มาตั้งเป้าปีใหม่ให้เราดีขึ้นและโตขึ้นกว่าเดิมกัน

ปีใหม่แบบนี้หลาย ๆ คนคงจะมี New Year’s Resolution ตั้งเป้าเรื่องที่จะทำในปีใหม่ กระทู้นี้ JobThai Tips เลยอยากขอแนะนำแนวคิดดี ๆ ที่เรียกว่า New Year, Same You (But Better) หรือที่แปลว่า ปีใหม่นี้ฉันก็คือฉันคนเดิมนั่นแหละ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นและโตขึ้นกว่าเดิม 

New Year, Same You… เริ่มปีใหม่ด้วยทัศนคติที่ดีต่อใจ 


ปีใหม่นี้ ฉันจะใจดีกับตัวเอง 
เดือนมกราคมอาจไม่ใช่เดือนที่สดใสของทุก ๆ คน บางคนอาจถึงขั้นรู้สึกห่อเหี่ยวเพราะว่าช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองได้จบลงและต้องกลับสู่โลกความจริงแล้ว ยิ่งถ้าต้องมาคิดเรื่องที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่อีกเผลอ ๆ จะซึมกว่าเดิม เพราะฉะนั้นลองเริ่มต้นเดือนมกราคมด้วยมุมมองใหม่ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนที่ฉันใจดีกับตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าว่าพอเข้าปีนี้ฉันจะต้องกลายเป็นอีกคน แต่ให้ลองมองว่า “นี่คือปีใหม่ แต่ฉันก็ยังเป็นคนเก่งคนเดิม” 
  
ปีใหม่นี้ ฉันจะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับใคร 
พอถึงช่วงปีใหม่เราอาจได้เห็นคนใกล้ตัวหรือแม้แต่คนที่เราติดตามในโลกโซเชียลโพสต์รูปของขวัญดี ๆ โพสต์รูปไปเที่ยวกับแฟนหรือครอบครัว โพสต์รูปงานปาร์ตี้กับเพื่อนสนิท โพสต์อัปเดตชีวิตว่าได้ปรับเงินเดือนหรือเลื่อนตำแหน่ง ทำให้เราหันกลับมามองตัวเองและเปรียบเทียบว่าทำไมเราถึงไม่มีอย่างเขา ทำไมเราถึงไม่ได้อย่างเขา ทั้งที่ในความจริงเราไม่เห็นจะต้องยอมปล่อยให้ความคิดนี้มาทรมานใจตัวเองรับปีใหม่แบบนี้เลย ถ้าอยากจะเปรียบเทียบตัวเองกับใครสักคน ให้มองย้อนกลับไปเทียบกับตัวเองในอดีตจะดีที่สุด เพราะจะช่วยให้เรากลับมาโฟกัสที่ตัวเอง ได้เห็นว่าตอนนี้เรามาไกลแค่ไหนแล้ว และก้าวหน้าต่อไปในแบบของเราเอง 
  
ปีใหม่นี้ ฉันจะยอมรับตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น 
ตัวตนของเราในตอนนี้เป็นยังไง? เรามีสิ่งไหนบ้างที่ทำได้ดีอยู่แล้วและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรึเปล่า? เรามีข้อเสียตรงไหนบ้างไหม? ลองสำรวจตัวเองและยอมรับตัวเองทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี เพื่อให้เราได้รู้จักตัวเองและเติบโตอย่างมีคุณภาพ ไม่แน่ว่าพอเรารู้จักตัวเองมากขึ้น เราอาจไปถึงเส้นชัยได้ไวกว่าเดิมด้วยก็ได้ เพราะเรารู้ดีว่าถ้าจะเดินในแบบเราต้องเดินยังไงเพื่อให้ไปถึงที่หมาย ถ้าลองสำรวจตัวเองดูแล้วเจอด้านดี ๆ ของตัวเองก็อย่าลืมให้เครดิตตัวเองเยอะ ๆ และอย่าหยุดที่จะมองหาสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่นึกถึง 
 
But Better… ปรับตัวเองคนเดิมให้เป็นเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์ขึ้น 
เมื่อเรายอมรับตัวเองในแบบที่เราเป็นแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำให้มันดียิ่งกว่าเดิมไม่ได้ เมื่อเรารู้จักตัวเองดี เราจะสามารถปรับและพัฒนาสิ่งต่าง ๆ เพื่อกลายเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์มากขึ้น ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ 2 มุม คือ “การปรับตัวเพื่อสุขภาพของตัวเอง” และ “การปรับตัวเพื่อขยายคลังความรู้และพัฒนาพลังความคิด”… 
  
การปรับตัวเพื่อสุขภาพของตัวเอง 
ใครเป็นคนที่ชอบนั่งจมอยู่กับเก้าอี้แล้วลุยงานแบบยาว ๆ บ้าง? นอกจากการนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมนาน ๆ จะทำให้เรารู้สึกปวดหลัง ไม่สบายตัวแล้ว เรายังต้องใช้พลังโฟกัสหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลาอีกด้วย เพราะงั้นต่อไปนี้ลองหาจังหวะพักเบรกระหว่างวันเพื่อให้ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสายและละสายตาจากหน้าจอคอมดูบ้าง พอได้พักสักแป๊บ เราก็จะกลับไปทำงานต่ออย่างสดชื่นยิ่งขึ้น 
ถ้าเราเป็นคนที่ติดการกินขนมกรุบกรอบระหว่างวันก็อาจจะเปลี่ยนมากินผลไม้อบกรอบแทน หรือถ้าแถวออฟฟิศไม่มีอาหารที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพในแบบของเราก็ลองทำอาหารเที่ยงมาเองจากบ้านเพื่อควบคุมปริมาณและสัดส่วนอาหารให้ยังคง Healthy อยู่ 
  
การปรับตัวเพื่อขยายคลังความรู้และพัฒนาพลังความคิด 
ลองสำรวจตัวเองดูว่าตอนนี้มีเรื่องอะไรที่เราอยากรู้เพิ่มเติมเป็นพิเศษไหม เช่น เราอาจจะอยากรู้เรื่องการเงินหรืออยากฝึกภาษา ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีแหล่งความรู้มากมายที่เราสามารถเข้าถึงได้ เช่น เราอาจเริ่มฟังพอดแคสต์ในระหว่างขับรถหรือระหว่างออกกำลังกาย 
  
ถ้าใครเป็นคนรักการอ่าน แต่มักจะอ่านแต่หนังสือนิยาย ก็อาจจะลองเริ่มอ่านบทความหรือหนังสือประเภท Non-Fiction สลับไปด้วย หรือถ้าใครอยากเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่สนใจ หรือเป็นทักษะที่เกี่ยวกับงานที่กำลังทำอยู่ ก็ลองมองหาคอร์สเรียนที่ช่วยเสริมความรู้และทักษะเพิ่มดู โดยอาจจะเริ่มจากคอร์สสั้น ๆ ก่อนก็ได้ ยิ่งถ้าใครทำงานอยู่ในบริษัทที่มีสวัสดิการสนับสนุนเงินสำหรับให้พนักงานหาความรู้เพิ่มเติมอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นการเติมความรู้ติดตัวให้กับตัวเองในแบบสบายกระเป๋าอีกด้วย 
 
ที่จริงการปรับตัวให้เรากลายเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์ขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถเริ่มตอนไหนก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงปีใหม่เสมอไป เพราะถึงแม้เดือนแรกของปีจะดูเหมาะกับการเริ่มต้นใหม่ของหลาย ๆ อย่าง มันก็ไม่ได้แปลว่าเราต้องรอแค่ต้นปีเพียงโอกาสเดียว พอลองมามองอีกมุมนึง เผลอ ๆ การเริ่มลงมือทำทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ภายในเดือนมกราคมเดือนเดียวมันก็อาจจะสร้างกดดันให้เราตั้งแต่ต้นปีเลยก็ได้ ไม่ต้องรอโอกาสไหนเป็นพิเศษหรอก 
  
ถ้าตอนนี้ใครกำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจตัวเองและตั้งเป้าหมายว่าเราอยากพัฒนาในด้านไหน ก็อย่าตั้งเป้าหมายที่ใหญ่จนประสบความสำเร็จได้ยากหรือต้องใช้พลังและเวลานานมาก ๆ เพราะเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปอาจทำให้เราท้อในระหว่างทางและถ้าเราทำไม่สำเร็จก็อาจทำให้เรารู้สึกเฟลได้ในตอนปลายปี หรือคิดว่าตัวเองไม่ประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ตั้งใจ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันอาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมากอยู่แล้วไม่ใช่เป็นเพราะเราไม่เก่ง นอกจากนี้เมื่อเราลงมือทำอะไรสักอย่างเราต้องเตือนตัวเองเสมอว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันและทำตัวให้ยืดหยุ่นเข้าไว้ และถ้าใครลงมือทำอะไรสักอย่างแล้วผลออกมาไม่ได้ดั่งใจตัวเองก็อย่าต่อว่าตัวเองอย่างใจร้าย เพราะถึงวันนี้ยังทำไม่ได้แต่เรายังมีวันข้างหน้าให้ได้ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่