“สารปรอท” เป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน เป็นของเหลวที่อุณหภูมิปกติ สามารถทำให้เป็นของแข็งได้แต่จะมีความเปราะที่อุณหภูมิปกติ สารปรอทสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย
“สารปรอท” ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิต ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรงและเป็นสารประกอบที่ใช้ในการทำวัตถุระเบิดและซัลไฟด์ของสารปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา ส่วนสารออกไซด์ของสารปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่าย สำหรับนำไปใช้ทำใต้ท้องเรือ นอกจากนี้สารปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด ซึ่งสารละลายที่ได้เรียกว่าอะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมสารปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก และยังใช้สารปรอทในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด
“สารปรอท” จะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และปัจจัยถ้าสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางระบบหายใจ หรือทางระบบย่อยอาหารและขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและขึ้นอยู่กับชนิดของสารปรอทที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและอวัยวะส่วนใดของร่างกายที่ได้รับพิษของสารปรอทในรูปเมทธิลหรืออัลคิลเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีพิษมากที่สุด หากสารปรอทที่เรารู้จักมาในรูปปกติที่สารปรอทควรจะอยู่ก็คงไม่กังวล แต่หากมีการนำสารปรอทไปผสมหรือเจือปนมากับครีมและเครื่องสำอางและผู้ใช้ไม่ทราบหรือทราบแต่รู้ไม่เท่าทันผลที่ได้จะเป็นอย่างไร สารปรอทเป็นสารอันตรายที่มีคนนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเพื่อทำให้ผิวขาว ลดจุดด่างดำ หรือรักษาฝ้า โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ที่ใช้ในการสร้างเม็ดสี จึงทำให้ผิวขาวขึ้นและยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงป้องกันสิวได้สารปรอทเป็นสารต้องห้ามไม่ให้ผสมในเครื่องสำอางหรือครีม เนื่องจากเป็นสารอันตราย เมื่อทำครีมที่มีปรอทเป็นส่วนผสมสารปรอทจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังได้ เมื่อสารปรอทถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังจะสะสมอยู่ในร่างกายทำลายไต ระบบประสาท และเยื่อบุทางเดินทางใจ ทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้สารปรอทจะทำลายระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมองและไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายและเสียการรับรู้ เช่น การมองเห็น การได้ยิน การทำลายอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่เกิดจากสารปรอทเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถรักษาหรือทำให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หากได้รับสารปรอทเมื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไปสู่ทารก ทำให้เด็กมีสมองพิการและปัญญาอ่อน หากผู้บริโภคทาครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอทเป็นเวลานาน ผิวจะบาง แดง แพ้ เกิดผื่นระคายเคือง เล็บที่สัมผัสกับครีมจะบางลงและเมื่อผู้บริโภคหยุดหรือเลิกใช้บริเวณที่ถ้าครีมจะเกิดรอยดำถาวรที่หน้าหรือบริเวณที่ทาครีมดังกล่าว ดังนั้น หากผู้บริโภคซื้อครีมที่ท่านไม่เคยใช้หรือไม่แน่ใจว่าครีมที่ท่านซื้อมามีสารปรอทผสมหรือไม่ ผู้บริโภคสามารถทดสอบครีมนั้นได้ด้วยตนเอง คือ ให้นำครีมมาถูกับทองคำแท้ 5-10 นาที ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลดำแสดงว่ามีสารปรอทอยู่ หรือนำผงซักฟอกผสมกับน้ำเปล่าให้มีลักษณะข้นคล้าย ๆ ครีมแล้วจึงป้ายครีมดังกล่าวลงบนกระดาษทิชชูและเทน้ำผงซักฟอกลงไปบนครีม รอประมาณไม่เกิน 5 นาที ถ้าครีมมีการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลแสดงว่ามีสารปรอทเป็นส่วนผสมในครีมดังกล่าว
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขอแนะนำว่าหากผู้บริโภคต้องเลือกซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าควรให้ความสำคัญกับ “ฉลาก” ว่าครีมหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องระบุแหล่งผลิต ครั้งที่ผลิต วัน เดือนปีที่ผลิต ฉลากที่ถูกต้องจะต้องเป็นภาษาไทยมีข้อความบังคับ ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบ วิธีใช้ ชื่อที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และปริมาณสุทธิ ที่สำคัญผู้บริโภคต้องซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ซื้อเพราะคำโฆษณาหรือตามร้านค้าหาบเร่
อ้างอิง
หนังสือความรู้สิ่งเป็นพิษ ตอนที่ 14 พ.ศ. 2543 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ 9-13
“สารปรอท” ในเครื่องสำอางมหันตภัยของความสวย
“สารปรอท” ใช้ในการทำเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ ปั๊มดูดอากาศ และเครื่องมือที่ใช้วัดความดันโลหิต ใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า เช่น สวิตช์อัตโนมัติสำหรับตู้เย็นและไฟฟ้ากระแสตรงและเป็นสารประกอบที่ใช้ในการทำวัตถุระเบิดและซัลไฟด์ของสารปรอทใช้ทำสีแดงในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผา ส่วนสารออกไซด์ของสารปรอทใช้ในการทำสี เพื่อป้องกันมิให้แตกและลอกง่าย สำหรับนำไปใช้ทำใต้ท้องเรือ นอกจากนี้สารปรอทเป็นตัวทำละลายที่ดีสำหรับโลหะบางชนิด ซึ่งสารละลายที่ได้เรียกว่าอะมาลกัม ดีบุกอะมาลกัมใช้ในการทำกระจกเงา เงิน-ดีบุกอะมาลกัมใช้เป็นวัสดุในการอุดฟัน โดยผสมสารปรอทกับโลหะผสมระหว่างเงินกับดีบุก และยังใช้สารปรอทในอุตสาหกรรมทำหมวกสักหลาด
“สารปรอท” จะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และปัจจัยถ้าสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย เช่น ทางผิวหนัง ทางระบบหายใจ หรือทางระบบย่อยอาหารและขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและขึ้นอยู่กับชนิดของสารปรอทที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและอวัยวะส่วนใดของร่างกายที่ได้รับพิษของสารปรอทในรูปเมทธิลหรืออัลคิลเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีพิษมากที่สุด หากสารปรอทที่เรารู้จักมาในรูปปกติที่สารปรอทควรจะอยู่ก็คงไม่กังวล แต่หากมีการนำสารปรอทไปผสมหรือเจือปนมากับครีมและเครื่องสำอางและผู้ใช้ไม่ทราบหรือทราบแต่รู้ไม่เท่าทันผลที่ได้จะเป็นอย่างไร สารปรอทเป็นสารอันตรายที่มีคนนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางเพื่อทำให้ผิวขาว ลดจุดด่างดำ หรือรักษาฝ้า โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ที่ใช้ในการสร้างเม็ดสี จึงทำให้ผิวขาวขึ้นและยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงป้องกันสิวได้สารปรอทเป็นสารต้องห้ามไม่ให้ผสมในเครื่องสำอางหรือครีม เนื่องจากเป็นสารอันตราย เมื่อทำครีมที่มีปรอทเป็นส่วนผสมสารปรอทจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังได้ เมื่อสารปรอทถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังจะสะสมอยู่ในร่างกายทำลายไต ระบบประสาท และเยื่อบุทางเดินทางใจ ทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้สารปรอทจะทำลายระบบประสาทส่วนกลางทั้งสมองและไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายและเสียการรับรู้ เช่น การมองเห็น การได้ยิน การทำลายอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่เกิดจากสารปรอทเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถรักษาหรือทำให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ สำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หากได้รับสารปรอทเมื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไปสู่ทารก ทำให้เด็กมีสมองพิการและปัญญาอ่อน หากผู้บริโภคทาครีมที่มีส่วนผสมของสารปรอทเป็นเวลานาน ผิวจะบาง แดง แพ้ เกิดผื่นระคายเคือง เล็บที่สัมผัสกับครีมจะบางลงและเมื่อผู้บริโภคหยุดหรือเลิกใช้บริเวณที่ถ้าครีมจะเกิดรอยดำถาวรที่หน้าหรือบริเวณที่ทาครีมดังกล่าว ดังนั้น หากผู้บริโภคซื้อครีมที่ท่านไม่เคยใช้หรือไม่แน่ใจว่าครีมที่ท่านซื้อมามีสารปรอทผสมหรือไม่ ผู้บริโภคสามารถทดสอบครีมนั้นได้ด้วยตนเอง คือ ให้นำครีมมาถูกับทองคำแท้ 5-10 นาที ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลดำแสดงว่ามีสารปรอทอยู่ หรือนำผงซักฟอกผสมกับน้ำเปล่าให้มีลักษณะข้นคล้าย ๆ ครีมแล้วจึงป้ายครีมดังกล่าวลงบนกระดาษทิชชูและเทน้ำผงซักฟอกลงไปบนครีม รอประมาณไม่เกิน 5 นาที ถ้าครีมมีการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลแสดงว่ามีสารปรอทเป็นส่วนผสมในครีมดังกล่าว
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขอแนะนำว่าหากผู้บริโภคต้องเลือกซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าควรให้ความสำคัญกับ “ฉลาก” ว่าครีมหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องระบุแหล่งผลิต ครั้งที่ผลิต วัน เดือนปีที่ผลิต ฉลากที่ถูกต้องจะต้องเป็นภาษาไทยมีข้อความบังคับ ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบ วิธีใช้ ชื่อที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และปริมาณสุทธิ ที่สำคัญผู้บริโภคต้องซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ซื้อเพราะคำโฆษณาหรือตามร้านค้าหาบเร่
อ้างอิง
หนังสือความรู้สิ่งเป็นพิษ ตอนที่ 14 พ.ศ. 2543 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หน้าที่ 9-13