พท.ลุยสุรินทร์ โอ๊คเผย อุ๊งอิ๊งคิดถึงชาวบ้าน ไม่หวั่น 7 งูเห่า ย้ำมีคนดีกว่า
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7094311
เพื่อไทยลุยสุรินทร์ โอ๊คเผย อุ๊งอิ๊งมาไม่ได้ ฝากความคิดถึงชาวบ้าน หมอชลน่าน ไม่หวั่น 7 งูเห่าโหวตสวนมติพรรคอภิปรายงบ ย้ำมีคนที่ดีกว่า พร้อมเปิดตัว
วันที่5 มิ.ย.2565 พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม “
ครอบครัวเพื่อไทย เพื่อชาวนาไทย จ.สุรินทร์” โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นาย
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คณะกรรมการยุทธศาสต์และทิศทางการเมืองพรรค นาย
วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย นาย
ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม นาย
คุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ นาย
สมคิด เชื้อคง นาย
ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นาย
เกรียง กัลป์ตินันท์ นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง น.ส.
อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค น.ส.
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค
โดยนาย
พานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย ซึ่งมาแทน น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่สามารถร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้เนื่องจากติดโควิด ทั้งนี้ กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยฯ เริ่มด้วยการพบปะประชาชนที่ ปราสาทศีขรภูมิ มีประชาชนใส่เสื้อพรรคเพื่อไทย และเสื่อที่สกรีนหน้า น.ส.แพทองธาร รอให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก
นายพานทองแท้ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ของตนไม่ได้มาแทน น.ส.แพทองธาร เพราะเดิมทีตนและ น.ส.แพทองธารจะเดินทางร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วยกัน แต่น.ส.แพทองธาร ไม่สบายตนก็เลยมาคนเดียว โดยน.ส.แพทองธาร ฝากความคิดถึงมาถึงพี่น้องชาวสุรินทร์ ส่วนตัวเห็นบรรยากาศที่ประชาชนมาให้การต้อนรับ ก็รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น ตนก็เป็นหนึ่งในครอบครัวเพื่อไทย ถ้ามีเวลาก็จะลงพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวเพื่อไทย
ด้านนพ.
ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 ส.ส. พรรคเพื่อไทยโหวตสวนมติพรรคกรณีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ว่า ไม่กังวล เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขอให้พี่น้องชาวจ.สุรินทร์มั่นใจว่าพรรคพท.จะเข้ามาแก้วิกฤติได้ ส่วนที่มีการถามกันว่าพรรคพท.มั่นใจในการยึดพื้นที่อีสานใต้ได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น พรรคพท.มีเป้าหมายแลนด์สไลด์ทุกพื้นที่อยู่แล้ว ในพื้นที่อีสานใต้ยอมรับมีการแข่งขันสูง แต่เราจะเสนอประชาชนให้เห็นถึงความต่างในมุมของพรรคพท.
ส่วน 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคเราก็ทราบมานาน และได้เตรียมผู้สมัครไว้แทนพร้อมแล้ว ขอมองในมุมบวกการที่ส.ส.ย้ายออกจากพรรคเรา มันอธิบายประชาชนไม่ได้ว่าทำไมไม่ดำเนินการกับพรรคพท. พูดตรงๆ ว่าทำไมถึงทรยศพรรคพท. นี้พูดแบบภาษาพี่น้อง ในขณะที่เราเป็นความหวังให้ประชาชน เพื่อไทยกำลังกลับขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา ดังนั้นจะต้องมีคำตอบตรงนั้น และตรงนี้จะเป็นแรงขับให้มีการสนับสนุนมากขึ้น ส่วนจะขับออกหรือไม่จากนี้ก็จะเข้าสู่คณะกรรมการวินัยของพรรค สอบสวนพฤติกรรมดูตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่าการจัดกิจกรรมของครอบครัวเพื่อไทย หวังผลไปถึงการเลือกตั้งหรือไม่ นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า เรามีเป้าหมายไปทุกจังหวัดในทุกพื้นที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะไป จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นเมืองหลวงของพรรคภูมิใจหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามีเป้าหมายจัดทุกที่ แต่ขึ้นกับความพร้อม และสำหรับจ.สุรินทร์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเราตั้งเป้าหมายได้ส.ส.ยกจังหวัด ส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีส.ส.ย้ายพรรคไป 3 คน เราทราบมานานแล้วว่าเขาจะไป อีกไม่นานเราจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแทนคนที่ย้ายไป ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าแน่นอน
'ก้าวไกล' จี้ 'ประยุทธ์' แจงกองทัพ ใช้เงิน 7 ล้าน จ้างตรวจสอบ จีที 200
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7094261
‘ก้าวไกล’ จี้ ‘ประยุทธ์’ แจงกองทัพ ใช้เงิน 7 ล้าน จ้างตรวจสอบ จีที 200 ทั้งที่รู้ชัดเป็นอุปกรณ์ลวงโลก ชี้แค่ไขควงอันเดียวก็รู้แล้ว ยันลุยตรวจสอบกัดไม่ปล่อย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 มิ.ย.65 ที่พรรคก้าวไกล นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวว่าจากการอภิปรายในสภาเรื่องกองทัพจ้างตรวจสอบจีที 200 โดยการใช้เม็ดเงินกว่า 7 ล้านบาท เพื่อตรวจเครื่องจีที 200 นั้น ถือเป็นการใช้เม็ดเงินที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ใช้เม็ดเงินอย่างไร้ประโยชน์ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้ได้จริง เป็นไม้ล้างป่าช้า สวทช. ก็ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ใช้ไม่ได้จริง และสามารถดำเนินการเอาผิดกับเอกชนได้
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินเพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์นี้ใช้ได้หรือไม่ พรรคก้าวไกลจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้เงินภาษีประชาชนไปตรวจสอบเครื่องนี้อีก ใช้ถึงเครื่องละ 10,000 บาท จริงหรือ เพราะคนทั่วไปใช้ไขควงอันเดียวก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว ทำไมเราต้องใช้เงินมากขนาดนี้เพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ลวงโลกนี้ลวงโลก ทั้งที่ประจักษ์ด้วยสายตาอยู่แล้ว
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องกองทัพ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หยุดใช้เงินภาษีอย่างสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ หยุดใช้เงินภาษีที่ไม่เห็นคุณค่าแบบนี้ และตอบคำถามของสังคมให้ประชาชนชัดเจนและน่าเชื่อถือ ให้ได้ว่าทำไมต้องยอมควักเงิน 7 ล้านบาทเพื่อพิสูจน์อุปกรณ์ลวงโลก
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยิ่งตอกย้ำว่าตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ไม่ได้ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างมีประโยชน์มากขึ้นแม้แต่น้อย เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังจริงๆ ฝากประชาชนช่วยกันติดตามเรื่องนี้ต่อไป พรรคก้าวไกลจะไม่ปล่อยให้ใช้ภาษีประชาชนกับเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้ เป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่คุ้มค่า
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบจีที 200 เป็นงบประมาณของปีที่แล้ว แต่ปัญหาคือว่าทำไมเราไม่รู้ เพราะนี่คือปัญหาที่ทำให้เห็นว่ากรรมาธิการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ จึงทำให้ประชาชนไม่รู้ว่ากองทัพ หรือโครงการต่างๆ มีงบประมาณอย่างไร กองทัพก็มักจะบอกว่าเป็นโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงเปิดเผยไม่ได้
ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องทำความเข้าใจกันว่างบประมาณ หรือโครงการต่างๆต้องทำให้ผู้แทนราษฎรเข้าถึงข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อให้รู้ว่า โครงการไหนควรทำไม่ควรทำ หรือควรตัดไม่ควรตัด เพราะถ้าเรารู้ว่ามีโครงการแบบนี้ตั้งแต่ต้น ก็จะไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างแบบนี้อย่างแน่นอน
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อเรารู้ข้อมูล คนที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำต้องทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาด เพราะหลักฐานทุกอย่างชัดเจนว่าจีที 200 คืออุปกรณ์ลวงโลกไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบ การใช้งบฯแบบนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจส่อทุจริต ดังนั้นนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนพรรคจะยื่นป.ป.ช.หรือไม่ คงต้องคุยกัน ตอนนี้รอคำตอบจากนายกรัฐมนตรีก่อน เราให้โอกาสท่านในการชี้แจงให้ประชาชนมีความกระจ่าง โฆษกกองทัพออกมาชี้แจงก็ไม่กระจ่างเพราะไปโบ้ยองค์กรอื่น ไม่สามารถทำให้ผู้แทนราษฎรเข้าใจได้อย่างแท้จริง
เตือนอย่าชะล่าใจ‘ครัวโลก’ หลงโอกาสหวั่นตั้งรับไม่ทัน
https://www.dailynews.co.th/news/1116134/
วิกฤติอาหารโลกส่งสัญญาณเตือนแรง ! ล่าสุด 30 ประเทศทั่วโลกประกาศจำกัดการส่งออกอาหาร นับเป็นปรากฏการณ์กักตุนสินค้าเกษตรที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 ปี ยิ่งทำให้สถานการณ์ “ความมั่นคงทางอาหารของโลก” เริ่มเลวร้ายขึ้น
วิกฤติอาหารโลก!!! กำลังถูกส่งสัญญาณเตือนแรง และถี่ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ ในหลายเวทีโลก ต่างหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา ยิ่งล่าสุด 30 ประเทศทั่วโลก ประกาศจำกัดการส่งออกอาหาร นับเป็นปรากฏการณ์กักตุนสินค้าเกษตรที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤติราคาอาหารเมื่อปี 50-51 ยิ่งทำให้สถานการณ์
“ความมั่นคงทางอาหารของโลก” เริ่มเลวร้ายขึ้น จากเดิมที่ทั่วโลกต้องเผชิญปัญหาภาวะโลกร้อน ลามมาถึงการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 ต่อด้วยวิกฤติความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครนจนลากยาวมากระทบถึงวิกฤติราคาพลังงานที่สูงต่อเนื่อง
“คริสตินา จีโอจีวา” ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ออกมาเตือนถึงเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่สภาวะยุ่งเหยิง เป็นผลมาจากทั้งการระบาดของโควิด-19 ตลอดไปจนถึงความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งมี 30 ประเทศทั่วโลก ที่ใช้มาตรการจำกัดการส่งออกอาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งจากปัญหาราคาอาหาร และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ จะยิ่งสร้างความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะที่ยุ่งเหยิงอย่างที่สุด
คาดวิกฤติยาวถึงปี 66
สอดคล้องกับ
“เดวิด มัลพาส” ประธานธนาคารโลก มองว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น วิกฤติการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารครั้งนี้ จะครอบคลุมระยะเวลาหลายเดือนและอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 66
ยิ่งเข้าไปดูข้อมูลของ
“องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ” หรือเอฟเอโอ ยิ่งส่อให้เห็นถึงวิกฤติราคาอาหารแพงทั่วโลก ระบุว่า ดัชนีราคาอาหาร เป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงรายเดือนของสินค้า อาหารและโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดทั่วโลก เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธัญพืช ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ น้ำมันพืช และน้ำตาล มีค่าเฉลี่ยเดือน ธ.ค. 64 อยู่ที่ 133.7 จากระดับ 134.9 เทียบกับเดือนพ.ย.ปี 64 ถือเป็นเดือนที่ 4 ที่ดัชนีเพิ่มสูงขึ้น และยังเป็นระดับที่พุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี
ขณะที่ราคาอาหารของไทยก็พุ่งทะยานไม่หยุดเช่นกัน เช่น เนื้อหมูแพงสุดในรอบ 10 ปี ไก่ ปลา ผักต่าง ๆ พริก ราคาปรับขึ้นยกแผง ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าอั้นราคาไม่ไหว ปรับขึ้นราคาอาหารตามสั่ง 5–10 บาท เพราะนอกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากก๊าซหุงต้ม ราคาน้ำมันดีเซล ที่เป็นน้ำมันหลักในภาคขนส่งก็ขึ้น ค่าไฟฟ้าก็ปรับขึ้น ทุกอย่างขึ้นแซงหน้ารายได้ ที่อยู่เท่าเดิม บางรายลดลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ!!!
โอกาสในวิกฤติจริงหรือ?
ด้านการรับมือวิกฤติอาหารของโลก…ของไทย ดูเหมือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันว่า จะเป็น “โอกาส…ในวิกฤติ” ของไทยมากกว่า ด้วยความที่ไทยเป็น “ครัวของโลก” เป็นประเทศที่มีสินค้าเกษตรหลากหลาย จึงเชื่อว่าไทยจะไม่เดินไปสู่จุดขาดแคลนอาหาร โดยเรื่องนี้ กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลเรื่องการค้า และการส่งออก ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภค อาหาร สินค้าเกษตร และสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งภายในประเทศและทั่วโลกแบบใกล้ชิด ติดตามกันแบบรายวัน ภายใต้โจทย์สำคัญคือดูแลให้มีปริมาณสินค้าเพียงพอสำหรับบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งออกสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างเหมาะสม
สำหรับรายการสินค้าที่ติดตาม มีทั้งกลุ่มที่ผลิตได้ภายในประเทศ และไทยเป็นผู้ส่งออก เช่น ข้าวสาร น้ำมันปาล์ม เนื้อไก่ เนื้อหมู ไข่ไก่ มันสำปะหลัง อาหารแปรรูป รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ซึ่งไทยยังคงมีเพียงพอสำหรับบริโภคภายในประเทศ และยังคงสามารถส่งออกได้ปกติ โดยไม่ขาดแคลน
JJNY : พท. ลุยสุรินทร์│'ก้าวไกล'จี้'ประยุทธ์'แจงจ้างตรวจจีที200│เตือนอย่าชะล่าใจ‘ครัวโลก’│ยูเครนเผยคลิป เที่ยวบินนายพล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7094311
เพื่อไทยลุยสุรินทร์ โอ๊คเผย อุ๊งอิ๊งมาไม่ได้ ฝากความคิดถึงชาวบ้าน หมอชลน่าน ไม่หวั่น 7 งูเห่าโหวตสวนมติพรรคอภิปรายงบ ย้ำมีคนที่ดีกว่า พร้อมเปิดตัว
วันที่5 มิ.ย.2565 พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย เพื่อชาวนาไทย จ.สุรินทร์” โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คณะกรรมการยุทธศาสต์และทิศทางการเมืองพรรค นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ส.ส.สุรินทร์ นายสมคิด เชื้อคง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค
โดยนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย ซึ่งมาแทน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่สามารถร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้เนื่องจากติดโควิด ทั้งนี้ กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยฯ เริ่มด้วยการพบปะประชาชนที่ ปราสาทศีขรภูมิ มีประชาชนใส่เสื้อพรรคเพื่อไทย และเสื่อที่สกรีนหน้า น.ส.แพทองธาร รอให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก
นายพานทองแท้ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ของตนไม่ได้มาแทน น.ส.แพทองธาร เพราะเดิมทีตนและ น.ส.แพทองธารจะเดินทางร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วยกัน แต่น.ส.แพทองธาร ไม่สบายตนก็เลยมาคนเดียว โดยน.ส.แพทองธาร ฝากความคิดถึงมาถึงพี่น้องชาวสุรินทร์ ส่วนตัวเห็นบรรยากาศที่ประชาชนมาให้การต้อนรับ ก็รู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น ตนก็เป็นหนึ่งในครอบครัวเพื่อไทย ถ้ามีเวลาก็จะลงพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวเพื่อไทย
ด้านนพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 7 ส.ส. พรรคเพื่อไทยโหวตสวนมติพรรคกรณีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ว่า ไม่กังวล เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขอให้พี่น้องชาวจ.สุรินทร์มั่นใจว่าพรรคพท.จะเข้ามาแก้วิกฤติได้ ส่วนที่มีการถามกันว่าพรรคพท.มั่นใจในการยึดพื้นที่อีสานใต้ได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น พรรคพท.มีเป้าหมายแลนด์สไลด์ทุกพื้นที่อยู่แล้ว ในพื้นที่อีสานใต้ยอมรับมีการแข่งขันสูง แต่เราจะเสนอประชาชนให้เห็นถึงความต่างในมุมของพรรคพท.
ส่วน 7 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคเราก็ทราบมานาน และได้เตรียมผู้สมัครไว้แทนพร้อมแล้ว ขอมองในมุมบวกการที่ส.ส.ย้ายออกจากพรรคเรา มันอธิบายประชาชนไม่ได้ว่าทำไมไม่ดำเนินการกับพรรคพท. พูดตรงๆ ว่าทำไมถึงทรยศพรรคพท. นี้พูดแบบภาษาพี่น้อง ในขณะที่เราเป็นความหวังให้ประชาชน เพื่อไทยกำลังกลับขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา ดังนั้นจะต้องมีคำตอบตรงนั้น และตรงนี้จะเป็นแรงขับให้มีการสนับสนุนมากขึ้น ส่วนจะขับออกหรือไม่จากนี้ก็จะเข้าสู่คณะกรรมการวินัยของพรรค สอบสวนพฤติกรรมดูตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่าการจัดกิจกรรมของครอบครัวเพื่อไทย หวังผลไปถึงการเลือกตั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามีเป้าหมายไปทุกจังหวัดในทุกพื้นที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะไป จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นเมืองหลวงของพรรคภูมิใจหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามีเป้าหมายจัดทุกที่ แต่ขึ้นกับความพร้อม และสำหรับจ.สุรินทร์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเราตั้งเป้าหมายได้ส.ส.ยกจังหวัด ส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ที่มีส.ส.ย้ายพรรคไป 3 คน เราทราบมานานแล้วว่าเขาจะไป อีกไม่นานเราจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแทนคนที่ย้ายไป ซึ่งมีคุณสมบัติดีกว่าแน่นอน
'ก้าวไกล' จี้ 'ประยุทธ์' แจงกองทัพ ใช้เงิน 7 ล้าน จ้างตรวจสอบ จีที 200
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7094261
‘ก้าวไกล’ จี้ ‘ประยุทธ์’ แจงกองทัพ ใช้เงิน 7 ล้าน จ้างตรวจสอบ จีที 200 ทั้งที่รู้ชัดเป็นอุปกรณ์ลวงโลก ชี้แค่ไขควงอันเดียวก็รู้แล้ว ยันลุยตรวจสอบกัดไม่ปล่อย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 มิ.ย.65 ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวว่าจากการอภิปรายในสภาเรื่องกองทัพจ้างตรวจสอบจีที 200 โดยการใช้เม็ดเงินกว่า 7 ล้านบาท เพื่อตรวจเครื่องจีที 200 นั้น ถือเป็นการใช้เม็ดเงินที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ใช้เม็ดเงินอย่างไร้ประโยชน์ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้ได้จริง เป็นไม้ล้างป่าช้า สวทช. ก็ยืนยันว่าอุปกรณ์นี้ใช้ไม่ได้จริง และสามารถดำเนินการเอาผิดกับเอกชนได้
ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินเพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์นี้ใช้ได้หรือไม่ พรรคก้าวไกลจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้เงินภาษีประชาชนไปตรวจสอบเครื่องนี้อีก ใช้ถึงเครื่องละ 10,000 บาท จริงหรือ เพราะคนทั่วไปใช้ไขควงอันเดียวก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว ทำไมเราต้องใช้เงินมากขนาดนี้เพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ลวงโลกนี้ลวงโลก ทั้งที่ประจักษ์ด้วยสายตาอยู่แล้ว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องกองทัพ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หยุดใช้เงินภาษีอย่างสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ หยุดใช้เงินภาษีที่ไม่เห็นคุณค่าแบบนี้ และตอบคำถามของสังคมให้ประชาชนชัดเจนและน่าเชื่อถือ ให้ได้ว่าทำไมต้องยอมควักเงิน 7 ล้านบาทเพื่อพิสูจน์อุปกรณ์ลวงโลก
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ยิ่งตอกย้ำว่าตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปี ไม่ได้ใช้เงินภาษีประชาชนอย่างมีประโยชน์มากขึ้นแม้แต่น้อย เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังจริงๆ ฝากประชาชนช่วยกันติดตามเรื่องนี้ต่อไป พรรคก้าวไกลจะไม่ปล่อยให้ใช้ภาษีประชาชนกับเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้ เป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่คุ้มค่า
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบจีที 200 เป็นงบประมาณของปีที่แล้ว แต่ปัญหาคือว่าทำไมเราไม่รู้ เพราะนี่คือปัญหาที่ทำให้เห็นว่ากรรมาธิการไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ จึงทำให้ประชาชนไม่รู้ว่ากองทัพ หรือโครงการต่างๆ มีงบประมาณอย่างไร กองทัพก็มักจะบอกว่าเป็นโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงเปิดเผยไม่ได้
ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องทำความเข้าใจกันว่างบประมาณ หรือโครงการต่างๆต้องทำให้ผู้แทนราษฎรเข้าถึงข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อให้รู้ว่า โครงการไหนควรทำไม่ควรทำ หรือควรตัดไม่ควรตัด เพราะถ้าเรารู้ว่ามีโครงการแบบนี้ตั้งแต่ต้น ก็จะไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างแบบนี้อย่างแน่นอน
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อเรารู้ข้อมูล คนที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม และเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำต้องทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาด เพราะหลักฐานทุกอย่างชัดเจนว่าจีที 200 คืออุปกรณ์ลวงโลกไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบ การใช้งบฯแบบนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจส่อทุจริต ดังนั้นนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนพรรคจะยื่นป.ป.ช.หรือไม่ คงต้องคุยกัน ตอนนี้รอคำตอบจากนายกรัฐมนตรีก่อน เราให้โอกาสท่านในการชี้แจงให้ประชาชนมีความกระจ่าง โฆษกกองทัพออกมาชี้แจงก็ไม่กระจ่างเพราะไปโบ้ยองค์กรอื่น ไม่สามารถทำให้ผู้แทนราษฎรเข้าใจได้อย่างแท้จริง
เตือนอย่าชะล่าใจ‘ครัวโลก’ หลงโอกาสหวั่นตั้งรับไม่ทัน
https://www.dailynews.co.th/news/1116134/
วิกฤติอาหารโลกส่งสัญญาณเตือนแรง ! ล่าสุด 30 ประเทศทั่วโลกประกาศจำกัดการส่งออกอาหาร นับเป็นปรากฏการณ์กักตุนสินค้าเกษตรที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 ปี ยิ่งทำให้สถานการณ์ “ความมั่นคงทางอาหารของโลก” เริ่มเลวร้ายขึ้น
วิกฤติอาหารโลก!!! กำลังถูกส่งสัญญาณเตือนแรง และถี่ ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ ในหลายเวทีโลก ต่างหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา ยิ่งล่าสุด 30 ประเทศทั่วโลก ประกาศจำกัดการส่งออกอาหาร นับเป็นปรากฏการณ์กักตุนสินค้าเกษตรที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ช่วงที่เกิดวิกฤติราคาอาหารเมื่อปี 50-51 ยิ่งทำให้สถานการณ์ “ความมั่นคงทางอาหารของโลก” เริ่มเลวร้ายขึ้น จากเดิมที่ทั่วโลกต้องเผชิญปัญหาภาวะโลกร้อน ลามมาถึงการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 ต่อด้วยวิกฤติความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครนจนลากยาวมากระทบถึงวิกฤติราคาพลังงานที่สูงต่อเนื่อง
“คริสตินา จีโอจีวา” ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ออกมาเตือนถึงเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่สภาวะยุ่งเหยิง เป็นผลมาจากทั้งการระบาดของโควิด-19 ตลอดไปจนถึงความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งมี 30 ประเทศทั่วโลก ที่ใช้มาตรการจำกัดการส่งออกอาหาร พลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งจากปัญหาราคาอาหาร และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ จะยิ่งสร้างความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะที่ยุ่งเหยิงอย่างที่สุด
คาดวิกฤติยาวถึงปี 66
สอดคล้องกับ “เดวิด มัลพาส” ประธานธนาคารโลก มองว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น วิกฤติการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารครั้งนี้ จะครอบคลุมระยะเวลาหลายเดือนและอาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 66
ยิ่งเข้าไปดูข้อมูลของ “องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ” หรือเอฟเอโอ ยิ่งส่อให้เห็นถึงวิกฤติราคาอาหารแพงทั่วโลก ระบุว่า ดัชนีราคาอาหาร เป็นตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงรายเดือนของสินค้า อาหารและโภคภัณฑ์ที่มีการซื้อขายมากที่สุดทั่วโลก เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธัญพืช ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ น้ำมันพืช และน้ำตาล มีค่าเฉลี่ยเดือน ธ.ค. 64 อยู่ที่ 133.7 จากระดับ 134.9 เทียบกับเดือนพ.ย.ปี 64 ถือเป็นเดือนที่ 4 ที่ดัชนีเพิ่มสูงขึ้น และยังเป็นระดับที่พุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี
ขณะที่ราคาอาหารของไทยก็พุ่งทะยานไม่หยุดเช่นกัน เช่น เนื้อหมูแพงสุดในรอบ 10 ปี ไก่ ปลา ผักต่าง ๆ พริก ราคาปรับขึ้นยกแผง ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าอั้นราคาไม่ไหว ปรับขึ้นราคาอาหารตามสั่ง 5–10 บาท เพราะนอกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากก๊าซหุงต้ม ราคาน้ำมันดีเซล ที่เป็นน้ำมันหลักในภาคขนส่งก็ขึ้น ค่าไฟฟ้าก็ปรับขึ้น ทุกอย่างขึ้นแซงหน้ารายได้ ที่อยู่เท่าเดิม บางรายลดลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ!!!
โอกาสในวิกฤติจริงหรือ?
ด้านการรับมือวิกฤติอาหารของโลก…ของไทย ดูเหมือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันว่า จะเป็น “โอกาส…ในวิกฤติ” ของไทยมากกว่า ด้วยความที่ไทยเป็น “ครัวของโลก” เป็นประเทศที่มีสินค้าเกษตรหลากหลาย จึงเชื่อว่าไทยจะไม่เดินไปสู่จุดขาดแคลนอาหาร โดยเรื่องนี้ กรมการค้าภายใน และกระทรวงพาณิชย์ ที่ดูแลเรื่องการค้า และการส่งออก ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภค อาหาร สินค้าเกษตร และสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งภายในประเทศและทั่วโลกแบบใกล้ชิด ติดตามกันแบบรายวัน ภายใต้โจทย์สำคัญคือดูแลให้มีปริมาณสินค้าเพียงพอสำหรับบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งออกสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างเหมาะสม
สำหรับรายการสินค้าที่ติดตาม มีทั้งกลุ่มที่ผลิตได้ภายในประเทศ และไทยเป็นผู้ส่งออก เช่น ข้าวสาร น้ำมันปาล์ม เนื้อไก่ เนื้อหมู ไข่ไก่ มันสำปะหลัง อาหารแปรรูป รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ซึ่งไทยยังคงมีเพียงพอสำหรับบริโภคภายในประเทศ และยังคงสามารถส่งออกได้ปกติ โดยไม่ขาดแคลน