เกริ่นเล็กน้อยค่ะ
เรื่องคือพี่คนนี้สมมติให้ชื่อ ก กำลังมองหางานใหม่และได้ติดต่อกับบริษัท a มาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว
มีการคุยกันมาเรื่อยๆ ค่ะ และด้วยความที่พี่ ก น่าจะสนิทกับเราที่สุดในที่ทำงานเลยบอกเรื่องนี้กับเราตลอดว่ากำลังคุยตกลงกับบริษัท a ในตำแหน่ง...นะ
ต่อมาเราลาออกตอนสิ้นเดือน กพ ที่ผ่านมาและไม่ทราบว่าอย่างไร ช่วงกลางมีนา บริษัท a ได้ติดต่อเรามาทางอีเมล์ว่าเราเป็นเจ้าของโปรเจค b ใช่ไหม ทางเขามีความสนใจในตัวคนที่ทำโปรเจคนี้มากเลยอยากจะขอนัดคุยด้วยหากมีเวลา เราจึงตอบตกลงและไปเจอกันกับคนจากบริษัท a
ปรากฎว่าคนที่เราไปเจอเขาเป็น ceo ของบริษัท หลังจากมีการพูดคุยกันกว่าสี่ชั่วโมง เขาได้เชิญชวนเราไปทำงานด้วยในโปรเจคของเขา เราก็ตอบรับคำเชิญนั้นและเช็คเอกสารสัญญาต่างๆ และตกลงเริ่มงานในเดือนถัดมา
ตั้งแต่ช่วงเริ่มงานจนถึงวันนี้ พี่ ก ยังคงติดต่อเราทั้งการโทรและการส่งไลน์มาไม่หยุด พยายามถามาว่าเราได้เข้าไปทำในตำแหน่งอะไรและเงินเดือนเท่าไหร่ ซึ่งเราบ่ายเบี่ยงที่จะตอบมาตลอด แต่ยังคงถูกถามแบบอ้อมๆ เสมอมาจนทุกวันนี้ ตำแหน่งที่เราได้มาทำนั้นคือตำแหน่งที่พี่ ก คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาทำ
พักหลังจะได้ยินพี่ ก พูดใส่ตลอดว่า เขายังไม่จ้างพี่ ก เพราะงบยังไม่ได้ และจะอ้อมตลอดว่าแต่ทำไมเขาจ้างเราได้ ซึ่งเราก็จะเฉไฉไปตลอดว่าค่าตัวน้องถูกกว่าไง โดยไม่ตอบเป็นเลขไป
ความจริงคือ ceo ออกปากมาเองเลยว่าพี่ ก นั้นดีต่อบริษัทคู่แข็งแต่ไม่ดีต่อบริษัทตัวเอง เขาได้รู้เรื่องภายในเยอะมากจากปากพี่ ก รวมถึงเขาหาตัวเราเจอจากปากพี่ ก เช่นกันที่หลุดมาว่าใครคือคนที่ทำโปรเจค b
พักหลังนี้พี่ ก เริ่มติดต่อมาถี่ขึ้นเนื่องจากโปรเจค b ถูกโอนไปที่มือของเขาและเขาทำมันต่อไม่ได้เลยโทรมาบ่นกับเราว่าโปรเจค b เป็นโปรเจคขยะใกล้ตาย ทำไมต้องโยนขี้มาให้เขาตามเก็บตลอด เราที่เป็นคนฟูมฟักโปรเจคนี้มารู้สึกโกรธมากกับคำพูดของเขาเพราะเขาเขียนแผนไว้ละเอียดมากว่าปีนี้ควรทำอะไร แต่พี่ ก ไม่สามารถทำต่อได้ พี่ ก จะชอบมาถามวิธีแก้ปัญหาต่างๆ กับเราตลอดหรือมีไอเดียตรงนี้ๆ บ้างไหม ซึ่งพอเราเลี่ยงที่จะตอบบ่อยๆ ไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการเลยกลายเป็นพี่แกยื่นเรื่องให้พับโปรเจคนี้ไปซะเนื่องจากเขาไม่ว่างพอจะมาทำโปรเจคนี้ต่อได้
หลังจากคุยไปคุยมาเขาก็หลุดมาอีกว่าเขาเพิ่งคุยกับ ceo บริษัท a มาและมีเรื่องไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทถึงปล่อยให้เราลาออกได้ง่ายเกินไปเบสจากผลงาน และพี่ ก "ตอบไปว่าเขาน่ะไม่คิดว่าน้องคนนี้(จขกท) จะมีประโยชน์กับที่นี่นะ เขาไม่แคร์อะไรหรอกถ้าจะออกไปทำที่ไหนต่อน่ะ เธอลาออกไปก็ไม่ได้กระทบกับแผนกอื่นเพราะโปรเจคของเธอมันสแตนอโลน" แล้วพอเราเงียบพี่เขาก็แก้ต่อด้วย "แกไปอยู่ที่ที่เขาเห็นค่าแกดีแล้วแหละ" แล้วก็เริ่มบ่นเรื่องโปรเจคที่เราทิ้งไว้ว่ามันเป็นขยะ เสียเวลา แกทำต่อไม่ได้หรอก พยายามจะให้ขายทิ้งไปซะเพราะพี่ ก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับสิ่งนี้ต่อดี เรารู้แหละว่าเราก็เป็นพนักงานซึ่งพนักงานก็เป็นเบี้ยที่หาใหม่มาแทนได้เสมอ แต่ไปพูดว่าเราไม่ได้มีประโยชน์กับที่นี่เลยมันเกินไปรึเปล่า ยิ่งไปพูดกับที่ทำงานใหม่เราด้วยไม่น่ารักเลย
เราค่อนข้างลำบากใจที่จะตอบหรือคุยกับเขาในพักหลังมากๆ เพราะมันเริ่มหนักขึ้นจากสิ่งที่เขาหลุดมาเรื่อยๆ
1. เขาพูดลับหลังเรากับบริษัทที่เราทำงานอยู่ว่า อยู่ที่เดิมเราก็ไม่มีค่าให้ที่เดิมรั้งไว้ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่รู้เลยว่า ceo ที่เดิมนั้นเสนอ offer อะไรมาให้เราบ้างเพื่อให้เราอยู่และรันโปรเจคต่อ เรารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องต้องไปอธิบายรายละเอียดอะไรให้เขาฟังเลยไม่ได้บอก
2. เขาเอาแต่บ่นกับเราในลักษณะว่าโปรเจคที่เราทำทิ้งไว้ก่อนออกมานั้นเป็นขยะ ให้ปิดทิ้งหรือไม่ก็ขายทิ้งไปซะ ทำไมต้องมาให้เขาเก็บขี้ต่อ เขาเหนื่อย
3. ทุกครั้งที่เกิดการสนทนาเขาจะถามมตำแหน่งและเงินเดือนที่ใหม่เสมอและปิดด้วยค่าตัวเขาแพง งบยังไม่ได้เลยยังไม่ถูกจ้าง
4. ทุกวันนี้เขายังมาถามความเห็นและแนวทางการทำงานในส่วนของเขากับเรา ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเกินไปแล้วกับตำแหน่งของเขาที่เป็นหัวหน้าแผนก และกวนเวลาของเรามาก
คำถามของเราคือ จะพยายามเฟดการติดต่ออย่างไรดี ไม่ได้อยากพูดแรงและสร้างศัตรูในสายงาน และสิ่งที่เขาพูดเราควรจะปล่อยไปดีไหม หรือจัดการอะไรสักอย่างตามความเห็นของพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีกว่าเรา
ทุกวันนี้เราตอบไลน์เขาน้อยมาก เขาจะพิมพ์ทิ้งไว้ยาวๆ ถ้าเราไม่ตอบจะเริ่มโทรไลน์ และปิดด้วยท่าไม้ตายคือโทรมาตอนเช้าตรู่แบบจังหวะตื่นนอน โทรเข้าเบอร์เราเลย บางทีก็เปลี่ยนเบอร์ที่โทรมา บางทีก็มาในไอจี ให้น้องๆ ลูกทีมเก่าเราแทกนู่นนี่มาบ้าง เป็นตัวเชื่อมให้บ้าง อยากให้เขาเพลาๆ ลงทั้งเรื่องของเราและการบอกความเคลื่อนไหวของคนข้างในบริษัททั้งที่เราออกมาแล้ว เราไม่ได้อยากรู้สิ่งที่บริษัทเก่ากำลังทำข้างในเลยค่ะ
รักษาระยะห่างกับพี่ที่ทำงานเก่าอย่างไรดี เนื่องจากเริ่มรู้สึกว่าเขาดิสเครดิตเราลับหลังและชอบมาถามเรื่องงานของตัวเอง
เรื่องคือพี่คนนี้สมมติให้ชื่อ ก กำลังมองหางานใหม่และได้ติดต่อกับบริษัท a มาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว
มีการคุยกันมาเรื่อยๆ ค่ะ และด้วยความที่พี่ ก น่าจะสนิทกับเราที่สุดในที่ทำงานเลยบอกเรื่องนี้กับเราตลอดว่ากำลังคุยตกลงกับบริษัท a ในตำแหน่ง...นะ
ต่อมาเราลาออกตอนสิ้นเดือน กพ ที่ผ่านมาและไม่ทราบว่าอย่างไร ช่วงกลางมีนา บริษัท a ได้ติดต่อเรามาทางอีเมล์ว่าเราเป็นเจ้าของโปรเจค b ใช่ไหม ทางเขามีความสนใจในตัวคนที่ทำโปรเจคนี้มากเลยอยากจะขอนัดคุยด้วยหากมีเวลา เราจึงตอบตกลงและไปเจอกันกับคนจากบริษัท a
ปรากฎว่าคนที่เราไปเจอเขาเป็น ceo ของบริษัท หลังจากมีการพูดคุยกันกว่าสี่ชั่วโมง เขาได้เชิญชวนเราไปทำงานด้วยในโปรเจคของเขา เราก็ตอบรับคำเชิญนั้นและเช็คเอกสารสัญญาต่างๆ และตกลงเริ่มงานในเดือนถัดมา
ตั้งแต่ช่วงเริ่มงานจนถึงวันนี้ พี่ ก ยังคงติดต่อเราทั้งการโทรและการส่งไลน์มาไม่หยุด พยายามถามาว่าเราได้เข้าไปทำในตำแหน่งอะไรและเงินเดือนเท่าไหร่ ซึ่งเราบ่ายเบี่ยงที่จะตอบมาตลอด แต่ยังคงถูกถามแบบอ้อมๆ เสมอมาจนทุกวันนี้ ตำแหน่งที่เราได้มาทำนั้นคือตำแหน่งที่พี่ ก คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาทำ
พักหลังจะได้ยินพี่ ก พูดใส่ตลอดว่า เขายังไม่จ้างพี่ ก เพราะงบยังไม่ได้ และจะอ้อมตลอดว่าแต่ทำไมเขาจ้างเราได้ ซึ่งเราก็จะเฉไฉไปตลอดว่าค่าตัวน้องถูกกว่าไง โดยไม่ตอบเป็นเลขไป
ความจริงคือ ceo ออกปากมาเองเลยว่าพี่ ก นั้นดีต่อบริษัทคู่แข็งแต่ไม่ดีต่อบริษัทตัวเอง เขาได้รู้เรื่องภายในเยอะมากจากปากพี่ ก รวมถึงเขาหาตัวเราเจอจากปากพี่ ก เช่นกันที่หลุดมาว่าใครคือคนที่ทำโปรเจค b
พักหลังนี้พี่ ก เริ่มติดต่อมาถี่ขึ้นเนื่องจากโปรเจค b ถูกโอนไปที่มือของเขาและเขาทำมันต่อไม่ได้เลยโทรมาบ่นกับเราว่าโปรเจค b เป็นโปรเจคขยะใกล้ตาย ทำไมต้องโยนขี้มาให้เขาตามเก็บตลอด เราที่เป็นคนฟูมฟักโปรเจคนี้มารู้สึกโกรธมากกับคำพูดของเขาเพราะเขาเขียนแผนไว้ละเอียดมากว่าปีนี้ควรทำอะไร แต่พี่ ก ไม่สามารถทำต่อได้ พี่ ก จะชอบมาถามวิธีแก้ปัญหาต่างๆ กับเราตลอดหรือมีไอเดียตรงนี้ๆ บ้างไหม ซึ่งพอเราเลี่ยงที่จะตอบบ่อยๆ ไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการเลยกลายเป็นพี่แกยื่นเรื่องให้พับโปรเจคนี้ไปซะเนื่องจากเขาไม่ว่างพอจะมาทำโปรเจคนี้ต่อได้
หลังจากคุยไปคุยมาเขาก็หลุดมาอีกว่าเขาเพิ่งคุยกับ ceo บริษัท a มาและมีเรื่องไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทถึงปล่อยให้เราลาออกได้ง่ายเกินไปเบสจากผลงาน และพี่ ก "ตอบไปว่าเขาน่ะไม่คิดว่าน้องคนนี้(จขกท) จะมีประโยชน์กับที่นี่นะ เขาไม่แคร์อะไรหรอกถ้าจะออกไปทำที่ไหนต่อน่ะ เธอลาออกไปก็ไม่ได้กระทบกับแผนกอื่นเพราะโปรเจคของเธอมันสแตนอโลน" แล้วพอเราเงียบพี่เขาก็แก้ต่อด้วย "แกไปอยู่ที่ที่เขาเห็นค่าแกดีแล้วแหละ" แล้วก็เริ่มบ่นเรื่องโปรเจคที่เราทิ้งไว้ว่ามันเป็นขยะ เสียเวลา แกทำต่อไม่ได้หรอก พยายามจะให้ขายทิ้งไปซะเพราะพี่ ก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับสิ่งนี้ต่อดี เรารู้แหละว่าเราก็เป็นพนักงานซึ่งพนักงานก็เป็นเบี้ยที่หาใหม่มาแทนได้เสมอ แต่ไปพูดว่าเราไม่ได้มีประโยชน์กับที่นี่เลยมันเกินไปรึเปล่า ยิ่งไปพูดกับที่ทำงานใหม่เราด้วยไม่น่ารักเลย
เราค่อนข้างลำบากใจที่จะตอบหรือคุยกับเขาในพักหลังมากๆ เพราะมันเริ่มหนักขึ้นจากสิ่งที่เขาหลุดมาเรื่อยๆ
1. เขาพูดลับหลังเรากับบริษัทที่เราทำงานอยู่ว่า อยู่ที่เดิมเราก็ไม่มีค่าให้ที่เดิมรั้งไว้ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่รู้เลยว่า ceo ที่เดิมนั้นเสนอ offer อะไรมาให้เราบ้างเพื่อให้เราอยู่และรันโปรเจคต่อ เรารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องต้องไปอธิบายรายละเอียดอะไรให้เขาฟังเลยไม่ได้บอก
2. เขาเอาแต่บ่นกับเราในลักษณะว่าโปรเจคที่เราทำทิ้งไว้ก่อนออกมานั้นเป็นขยะ ให้ปิดทิ้งหรือไม่ก็ขายทิ้งไปซะ ทำไมต้องมาให้เขาเก็บขี้ต่อ เขาเหนื่อย
3. ทุกครั้งที่เกิดการสนทนาเขาจะถามมตำแหน่งและเงินเดือนที่ใหม่เสมอและปิดด้วยค่าตัวเขาแพง งบยังไม่ได้เลยยังไม่ถูกจ้าง
4. ทุกวันนี้เขายังมาถามความเห็นและแนวทางการทำงานในส่วนของเขากับเรา ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเกินไปแล้วกับตำแหน่งของเขาที่เป็นหัวหน้าแผนก และกวนเวลาของเรามาก
คำถามของเราคือ จะพยายามเฟดการติดต่ออย่างไรดี ไม่ได้อยากพูดแรงและสร้างศัตรูในสายงาน และสิ่งที่เขาพูดเราควรจะปล่อยไปดีไหม หรือจัดการอะไรสักอย่างตามความเห็นของพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การทำงานมาหลายปีกว่าเรา
ทุกวันนี้เราตอบไลน์เขาน้อยมาก เขาจะพิมพ์ทิ้งไว้ยาวๆ ถ้าเราไม่ตอบจะเริ่มโทรไลน์ และปิดด้วยท่าไม้ตายคือโทรมาตอนเช้าตรู่แบบจังหวะตื่นนอน โทรเข้าเบอร์เราเลย บางทีก็เปลี่ยนเบอร์ที่โทรมา บางทีก็มาในไอจี ให้น้องๆ ลูกทีมเก่าเราแทกนู่นนี่มาบ้าง เป็นตัวเชื่อมให้บ้าง อยากให้เขาเพลาๆ ลงทั้งเรื่องของเราและการบอกความเคลื่อนไหวของคนข้างในบริษัททั้งที่เราออกมาแล้ว เราไม่ได้อยากรู้สิ่งที่บริษัทเก่ากำลังทำข้างในเลยค่ะ