ติดเชื้อวันนี้ 4,144 ดับ 36 ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวที่ รพ. 1,034
https://www.matichon.co.th/local/news_3362412
ติดเชื้อวันนี้ 4,144 ดับ 36 ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวที่ รพ. 1,034
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เผยแพร่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2565 โดยวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก รวม 4,144 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 4,143 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,196,302 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 7,235 ราย หายป่วยสะสม 2,173,553 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 47,879 ราย เสียชีวิต 36 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,034 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 13 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 13.8
หนี้ครัวเรือนไทยอ่วม! พุ่ง 14.58 ล้านล้านบาท เผยจ่ายไม่ไหว รายได้ยังไม่ฟื้นตัว-ค่าครองชีพสูงขึ้น
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/292471
หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 14.58 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 90.1% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3.9% จากสินเชื่อเพื่อยานยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อกลุ่มเช่าซื้อ ลิซซิ่ง เฝ้าระวัง NPLs กลุ่มสินเชื่อรถยนต์ ค้างชำระสูงถึง 11.08% กลุ่มรายได้น้อยยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
นาย
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/2565 โดยในส่วนหนี้สินครัวเรือนล่าสุด ข้อมูลไตรมาส 4/2564 พบว่าหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.58 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.9 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ของไตรมาสก่อนหน้า โดยหนี้สินครัวเรือนขณะนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.1 ต่อ GDP ซึ่งสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อยานยนต์ ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากร้อยละ 0.3 ในไตรมาสก่อน จากการส่งเสริมการขายช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป (ช่วงสิ้นปีที่แล้ว) ขณะที่สินเชื่อจากบัตรเครดิต ขยายตัวร้อยละ 1.6 จากการหดตัวร้อยละ 0.5 ในไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ ซึ่งเป็นสินเชื่อในกลุ่มเช่าซื้อ และ ลิสซิ่ง ที่ขยายตัวมากถึงร้อยละ 21.6
ส่วนสินเชื่อที่ขยายตัวในอัตราที่ลดลง เช่น สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวร้อยละ 5.0 จากร้อยละ 5.8 ในไตรมาสก่อน และสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ ขยายตัวร้อยละ 6.5 จากร้อยละ 7.6 ในไตรมาสก่อน
ในขณะเดียวกันความสามารถในการชำระหนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้เสียจากหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค มีมูลค่า 1.43 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 4.0 คิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.73 แต่ยังต้องเฝ้าระวังหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากมีสินเชื่อค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ต่อสินเชื่อรวมสูงถึงร้อยละ 11.08 มูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท และยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด เพราะครัวเรือนไทย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย สภาพคล่องต่ำ มีฐานะการเงินที่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่หดตัวยาวนาน, รายได้ครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัว แม้จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นแต่ชั่วโมงการทำงานยังไม่ปกติ และ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ครัวเรือนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
นอกจากนี้ภาพรวมด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้น โดยมีการจ้างงานทั้งสิ้น 38.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการจ้างงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกภาคการเกษตร แต่ขณะเดียวกัน การจ้างงานในสาขาก่อสร้าง และ โรงแรม/ภัตตาคาร มีการจ้างงานที่ลดลง ร้อยละ 1.1 ส่วนหนึ่งเกิดจากการระบาดของโควิด19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มากนัก นอกจากนี้ชั่วโมงการทำงานที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาพรวมและภาคเอกชน แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้เสมือนว่างงานในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีจำนวนถึง 3.8 ล้านคนขณะที่ผู้ทำงานล่วงเวลามีแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่าช่วงปกติ
สำหรับการว่างงานปรับตัวดีขึ้น โดยมีจำนวน 6.1 แสนคน ลดลงจาก 7.6 แสนคนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลงจาก 6.3 แสนคนในไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการว่างงานที่ร้อยละ 1.53 ถือว่าต่ำสุดในช่วงโควิด-19 เช่นเดียวกับการว่างงานในระบบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามตัวเลขของผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.6 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสวนทางผู้ว่างงานที่มีประสบการณ์ทำงานที่เริ่มปรับตัวลดลง, ผู้ว่างงานระยะยาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนถึง 1.7 แสนคน และ การว่างงานในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับสูง (อุดมศึกษา) ยังมีจำนวนมากคิดเป็นร้อยละ 3.10
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องจับตา คือ ส่วนการจ้างงานจะกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิดเมื่อใด ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แม้การท่องเที่ยวจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้น แต่ยังคงต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
เป็นช่างมันเหนื่อย! หนุ่มหันค้ายาบ้า เม็ดละ 20 บ. ถอยจยย.ใหม่แสนกว่า
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7066228
เป็นช่างมันเหนื่อย! หนุ่มหันค้ายาบ้า เม็ดละ 20 บาท เก็บเงินออกจยย.ใหม่คันละ 1 แสนกว่า วิ่งส่งของให้ลูกค้า ไม่กี่วันก็ถูกจับ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2565 ว่าที่ร้อยตรี
ทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอเมืองลพบุรี นำกำลังฝ่ายปกครอง อส. กำนันผู้ใหญ่บ้าน กว่า 10 นาย เข้าจับกุมผู้ต้องหาเสพยาบ้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ก่อนสอบสวนขยายผลจนทราบว่าซื้อมาจาก นายเหวอ พ่อค้าจำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ อยู่ในซอยอุตุนิยมวิทยา เขตเทศบาลเมืองลพบุรี อ.เมืองลพบุรี
เจ้าหน้าที่ส่งสายลับเข้าล่อซื้อยาบ้าจากนายเหวอ ซึ่งนัดให้ไปรับที่หน้าบ้านเลขที่ 57 ซอยอุตุนิยมวิทยา ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี โดยใช้รถยนต์ปิดเส้นทางเข้าออกซอยอุตุนิยมวิทยา ป้องกันการหลบหนี กระทั่งสายได้ส่งสัญญาณว่ารับยาบ้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงวิ่งเข้าไปรวบตัวนายเหวอ ได้ พร้อมเงินสดที่ใช้ล่อซื้อและยาบ้าในตัวอีกส่วนหนึ่ง
จากการตรวจสอบทราบชื่อคือนาย
สมชาย คำแป้น หรือฉายา
เหวอ ซอยอุตุ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ซอยอุตุนิยมวิทยา ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี นอกจากนี้ยังพบบัตรประจำตัวนักโทษชาย สมชาย คำแป้น คดียาเสพติด ตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ต้องคดียาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษมาไม่ถึง 4 เดือน
สอบสวนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเอง และมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง พบเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ GPX สีส้ม สภาพใหม่ป้ายแดง ยังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจค้นบริเวณซุ้มใต้บังโคลนล้อหน้า พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 9,082 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
นาย
สมชาย ให้การอีกว่า เข้าออกเรือนจำจนรู้จักกับแก๊งค้ายาบ้าในเรือนจำ จึงเรียนรู้พัฒนาจากผู้เสพ มาเป็นผู้ค้า ช่วงแรกรับยาบ้ามาครั้งละ 100-200 เม็ด จนนายทุนไว้ใจ ช่วงหลังส่งมาให้ครั้งละ 10,000 เม็ด เมื่อหมดแล้วก็ไปเอาใหม่ ในราคามัดละ 15,000 บาท นำมาขายเม็ดละ 20 บาท มีลูกค้าเป็นคนในชุมชน และกลุ่มวัยรุ่น ทำให้ตนมีเงินไปซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ราคากว่า 1 แสนบาท มาใช้วิ่งส่งยาบ้าให้ลูกค้า แต่เพิ่งออกรถมาใหม่ได้เพียง 23 วัน ก็มาถูกจับ
นาย
สมชาย กล่าวต่อว่า ตนคิดจะเลิกค้ายาบ้า และเคยไปทำงานเป็นช่างเชื่อม แต่ก็ทำไม่ไหว เหนื่อย ท้อ รายได้ไม่ดี จึงหันกลับมาขายยาบ้า เพราะมีรายได้ดีกว่า
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนเบื้องต้นแล้ว จึงทำการบันทึกจับกุม แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไวในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
JJNY : ติดเชื้อ 4,144 ดับ 36│หนี้ครัวเรือนอ่วม! รายได้ยังไม่ฟื้น│เป็นช่างมันเหนื่อย! หันค้ายาบ้า│ชัชชาติใส่บาตรวันเกิด
https://www.matichon.co.th/local/news_3362412
ติดเชื้อวันนี้ 4,144 ดับ 36 ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวที่ รพ. 1,034
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เผยแพร่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2565 โดยวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก รวม 4,144 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 4,143 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,196,302 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
หายป่วยกลับบ้าน 7,235 ราย หายป่วยสะสม 2,173,553 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 47,879 ราย เสียชีวิต 36 ราย
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,034 ราย เฉลี่ยจังหวัดละ 13 ราย อัตราครองเตียง ร้อยละ 13.8
หนี้ครัวเรือนไทยอ่วม! พุ่ง 14.58 ล้านล้านบาท เผยจ่ายไม่ไหว รายได้ยังไม่ฟื้นตัว-ค่าครองชีพสูงขึ้น
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/292471
หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 14.58 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 90.1% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 3.9% จากสินเชื่อเพื่อยานยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อกลุ่มเช่าซื้อ ลิซซิ่ง เฝ้าระวัง NPLs กลุ่มสินเชื่อรถยนต์ ค้างชำระสูงถึง 11.08% กลุ่มรายได้น้อยยังมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 1/2565 โดยในส่วนหนี้สินครัวเรือนล่าสุด ข้อมูลไตรมาส 4/2564 พบว่าหนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.58 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.9 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ของไตรมาสก่อนหน้า โดยหนี้สินครัวเรือนขณะนี้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.1 ต่อ GDP ซึ่งสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อยานยนต์ ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากร้อยละ 0.3 ในไตรมาสก่อน จากการส่งเสริมการขายช่วงงานมอเตอร์เอ็กซ์โป (ช่วงสิ้นปีที่แล้ว) ขณะที่สินเชื่อจากบัตรเครดิต ขยายตัวร้อยละ 1.6 จากการหดตัวร้อยละ 0.5 ในไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ ซึ่งเป็นสินเชื่อในกลุ่มเช่าซื้อ และ ลิสซิ่ง ที่ขยายตัวมากถึงร้อยละ 21.6
ส่วนสินเชื่อที่ขยายตัวในอัตราที่ลดลง เช่น สินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวร้อยละ 5.0 จากร้อยละ 5.8 ในไตรมาสก่อน และสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ ขยายตัวร้อยละ 6.5 จากร้อยละ 7.6 ในไตรมาสก่อน
ในขณะเดียวกันความสามารถในการชำระหนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้เสียจากหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค มีมูลค่า 1.43 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อนร้อยละ 4.0 คิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.73 แต่ยังต้องเฝ้าระวังหนี้เสียในกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ เนื่องจากมีสินเชื่อค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ต่อสินเชื่อรวมสูงถึงร้อยละ 11.08 มูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท และยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด เพราะครัวเรือนไทย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย สภาพคล่องต่ำ มีฐานะการเงินที่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่หดตัวยาวนาน, รายได้ครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัว แม้จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นแต่ชั่วโมงการทำงานยังไม่ปกติ และ ค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ครัวเรือนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
นอกจากนี้ภาพรวมด้านแรงงานปรับตัวดีขึ้น โดยมีการจ้างงานทั้งสิ้น 38.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการจ้างงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกภาคการเกษตร แต่ขณะเดียวกัน การจ้างงานในสาขาก่อสร้าง และ โรงแรม/ภัตตาคาร มีการจ้างงานที่ลดลง ร้อยละ 1.1 ส่วนหนึ่งเกิดจากการระบาดของโควิด19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มากนัก นอกจากนี้ชั่วโมงการทำงานที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาพรวมและภาคเอกชน แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้เสมือนว่างงานในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีจำนวนถึง 3.8 ล้านคนขณะที่ผู้ทำงานล่วงเวลามีแนวโน้มดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่าช่วงปกติ
สำหรับการว่างงานปรับตัวดีขึ้น โดยมีจำนวน 6.1 แสนคน ลดลงจาก 7.6 แสนคนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลงจาก 6.3 แสนคนในไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการว่างงานที่ร้อยละ 1.53 ถือว่าต่ำสุดในช่วงโควิด-19 เช่นเดียวกับการว่างงานในระบบที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามตัวเลขของผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.6 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสวนทางผู้ว่างงานที่มีประสบการณ์ทำงานที่เริ่มปรับตัวลดลง, ผู้ว่างงานระยะยาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนถึง 1.7 แสนคน และ การว่างงานในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับสูง (อุดมศึกษา) ยังมีจำนวนมากคิดเป็นร้อยละ 3.10
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องจับตา คือ ส่วนการจ้างงานจะกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิดเมื่อใด ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แม้การท่องเที่ยวจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากขึ้น แต่ยังคงต้องประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
เป็นช่างมันเหนื่อย! หนุ่มหันค้ายาบ้า เม็ดละ 20 บ. ถอยจยย.ใหม่แสนกว่า
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7066228
เป็นช่างมันเหนื่อย! หนุ่มหันค้ายาบ้า เม็ดละ 20 บาท เก็บเงินออกจยย.ใหม่คันละ 1 แสนกว่า วิ่งส่งของให้ลูกค้า ไม่กี่วันก็ถูกจับ
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2565 ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอเมืองลพบุรี นำกำลังฝ่ายปกครอง อส. กำนันผู้ใหญ่บ้าน กว่า 10 นาย เข้าจับกุมผู้ต้องหาเสพยาบ้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ก่อนสอบสวนขยายผลจนทราบว่าซื้อมาจาก นายเหวอ พ่อค้าจำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ อยู่ในซอยอุตุนิยมวิทยา เขตเทศบาลเมืองลพบุรี อ.เมืองลพบุรี
เจ้าหน้าที่ส่งสายลับเข้าล่อซื้อยาบ้าจากนายเหวอ ซึ่งนัดให้ไปรับที่หน้าบ้านเลขที่ 57 ซอยอุตุนิยมวิทยา ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี โดยใช้รถยนต์ปิดเส้นทางเข้าออกซอยอุตุนิยมวิทยา ป้องกันการหลบหนี กระทั่งสายได้ส่งสัญญาณว่ารับยาบ้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงวิ่งเข้าไปรวบตัวนายเหวอ ได้ พร้อมเงินสดที่ใช้ล่อซื้อและยาบ้าในตัวอีกส่วนหนึ่ง
จากการตรวจสอบทราบชื่อคือนายสมชาย คำแป้น หรือฉายา เหวอ ซอยอุตุ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ซอยอุตุนิยมวิทยา ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี นอกจากนี้ยังพบบัตรประจำตัวนักโทษชาย สมชาย คำแป้น คดียาเสพติด ตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ต้องคดียาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษมาไม่ถึง 4 เดือน
สอบสวนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเอง และมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถจักรยานยนต์อีกจำนวนหนึ่ง พบเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ GPX สีส้ม สภาพใหม่ป้ายแดง ยังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจค้นบริเวณซุ้มใต้บังโคลนล้อหน้า พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ 9,082 เม็ด ยาไอซ์ 1 ถุง และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง
นายสมชาย ให้การอีกว่า เข้าออกเรือนจำจนรู้จักกับแก๊งค้ายาบ้าในเรือนจำ จึงเรียนรู้พัฒนาจากผู้เสพ มาเป็นผู้ค้า ช่วงแรกรับยาบ้ามาครั้งละ 100-200 เม็ด จนนายทุนไว้ใจ ช่วงหลังส่งมาให้ครั้งละ 10,000 เม็ด เมื่อหมดแล้วก็ไปเอาใหม่ ในราคามัดละ 15,000 บาท นำมาขายเม็ดละ 20 บาท มีลูกค้าเป็นคนในชุมชน และกลุ่มวัยรุ่น ทำให้ตนมีเงินไปซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ราคากว่า 1 แสนบาท มาใช้วิ่งส่งยาบ้าให้ลูกค้า แต่เพิ่งออกรถมาใหม่ได้เพียง 23 วัน ก็มาถูกจับ
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนคิดจะเลิกค้ายาบ้า และเคยไปทำงานเป็นช่างเชื่อม แต่ก็ทำไม่ไหว เหนื่อย ท้อ รายได้ไม่ดี จึงหันกลับมาขายยาบ้า เพราะมีรายได้ดีกว่า
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนเบื้องต้นแล้ว จึงทำการบันทึกจับกุม แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไวในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป