REVIEW: ชีวิตนักเรียนนอกในวัยเกษียณ ประสบการณ์ใหม่ที่ได้สัมผัส กับกิจกรรมที่ทำระหว่างเรียน สนุกมากกกกกก

สวัสดีค่ะ ชาวพันทิปทุกท่านอมยิ้ม01

จากตอนเดิมที่หนูถิ่นเขียนเล่าเรื่องได้มาเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ฟินแลนด์หลังเกษียณการทำงานที่ประเทศไทยตอนอายุ 55 ปี ตามลิงค์ด้านล่างนี้
https://ppantip.com/topic/41372528

โอ้โห เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก หนูถิ่นมาเรียนที่นี่ได้หนึ่งเทอมการศึกษาแล้ว อยู่ที่นี่มาจะครบ 5 เดือนเต็มแล้วค่ะ หนูถิ่นมาที่นี่เมื่อต้นปีมกราคม 2565 ตอนที่เขียนนี้กำลังจะสิ้นเดือนพฤษภาคม 2565 ค่ะ มาตั้งแต่หน้าหนาว ตอนนี้จะเข้าสู่หน้าร้อนของที่นี่แล้ว หิมะละลายไปหมด ถนนหนทางตอนนี้เดินสบายมาก อากาศเย็น ๆ กำลังดี แต่แดดแรงมาก ฝรั่งชอบมาก แต่หนูถิ่นไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ กลัวหน้าเป็นฝ้าค่ะ หุ หุ หุ การเรียนหนูถิ่นไม่ค่อยเน้นสักเท่าไหร่ เอาแค่พอผ่าน เน้นมาเรียนรู้ หาประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยทำในวัยเด็ก
 
ก่อนมาเรียนที่นี่หนูถิ่นก็คิดไว้ในใจว่า เวลาเรามาเรียน เราก็อยากจะทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ ๆ  ได้เข้าถึงคนท้องถิ่นที่นี่ จะได้ฝึกพูดภาษาฟินนิชในชีวิตประจำวัน ฝึกการทำงานกับคนฟินน์ และแถมจะได้เงินมาช่วยค่าหอพัก ค่าอาหารเราด้วย ไม่ต้องเอาเงินเก็บของเราออกมาใช้เยอะ  แต่ในใจก็มีคิดว่าเราอายุเยอะแล้ว จะหางานทำได้หรือ นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ก็จะมาทำงานทำความสะอาดกัน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นงานที่ต่ำต้อยอะไร คนที่นี่เขาเสมอภาคกันทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเพศ เรื่องอายุ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่งานทำความสะอาด ก็ไม่ใช่จะหาได้ง่าย ๆ นะ และบางทีได้งาน ก็ไม่ได้มีงานทำทุกวัน เรื่องทำงานพาร์ทไทม์ วางแผนไว้ว่าจะทำ แต่เทอมแรกยังไม่พร้อม อยากจะเซ็ทตัวเองให้เข้าที่เข้าทางก่อน กะว่าเทอมหน้า ซึ่งจะเปิดเรียนประมาณสิ้นเดือนสิงหาคม แล้วเราค่อยทำงาน เอาสักอาทิตย์ล่ะ 2-3 วันก็พอ ต้องแบ่งเวลาไว้เรียนหนังสือ ทำรายงาน ทบทวนบทเรียนด้วย

หนูถิ่นวางแผนว่าเราอยากทำงานเกี่ยวกับอาหารดีกว่า เผื่อได้ไปทำงานเกี่ยวกับอาหาร อาจจะได้เคล็ดลับอะไรกลับมาบ้าง ถ้าเราย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย และสายการเรียนของหนูถิ่นก็เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ก็จะเกี่ยวกับงานด้านโรงแรม ด้านร้านอาหารอะไรประมาณนี้ แต่อยู่ที่ฟินแลนด์จะทำงานร้านอาหารเราต้องมีใบ Hygiene passport ด้วย ก็เลยจะไปสอบเอาใบนี้เก็บเอาไว้ก่อน หนูถิ่นอยู่ที่เมือง Kajaani ซึ่งไม่มีสนามสอบ Hygiene passport ต้องไปสอบที่เมืองอื่น หนูถิ่นก็อาศัยช่วงสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียน เหมือนหยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์ เขาเรียกว่า Self study week ไปสอบดีกว่า สนามสอบที่ใกล้ที่สุดคือที่เมือง Kuopio ซึ่งต้องนั่งรถไฟไป 2.5 ชั่วโมง นั่งกลับอีก 2.5 ชั่วโมง แต่สัปดาห์ที่หนูถิ่นว่าง เขาไม่เปิดสอบ เลยต้องไปสอบที่เมือง Kouvola ซึ่งต้องนั่งรถไฟไป 4.5 ชั่วโมง นั่งกลับอีก 4.5 ชั่วโมง ก็ลุยเลย เอาจังหวะที่เราว่างไปสอบ จะได้ไม่ต้องขาดเรียน นั่งรถไฟไปไกลหน่อย จะได้จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ค่ารถไฟไป Kouvola 37.60 Euro ราคานักเรียนลดประมาณ 30% แล้วนะ ค่าสมัครสอบอีก 54 Euro หนูถิ่นก็อ่านหนังสือเตรียมตัวไปสอบ เราก็หาคู่มือในอินเตอร์เน็ตอ่านเอาเกี่ยวกับเรื่องสุขอนามัยในการทำอาหาร ที่จริงเขามีเปิดคอร์สออนไลน์ติวให้ก่อนสอบ แต่มีค่าใช้จ่าย หนูถิ่นก็ไม่เอา คิดว่าอ่านเองก็ได้ เวลาไปสอบข้อสอบจะเป็นถูกผิด 40 ข้อ ผิดได้ 6 ข้อเท่านั้น ได้คะแนน 34 ขึ้นไป จึงจะผ่าน ครั้งแรกหนูถิ่นพลาด เตรียมตัวไม่ดี พอไปเจอคำถามกำกวม ๆ ก็เลยโดนหลอก สรุปไม่ผ่าน พอสอบเสร็จ เขาบอกให้กลับบ้านได้ เดี๋ยวจะมีอีเมลล์มาแจ้งผลสอบ เดินออกมาจากห้องสอบ ยังไปไม่ถึงไหนเลย ผลออกมาพลาดเป้าไปเยอะ ได้แค่ 29 คะแนน เดินหงอยไปสถานีรถไฟ ต้องนั่งรถไฟกลับ Kajaani อีก 4.5 ชั่วโมง เพลียเลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา กลับมาถึง Kajaani ไม่สบายไป 3 วัน 

กลับมาตั้งต้นใหม่ สมัครสอบใหม่ แต่ครั้งนี้สนามสอบที่เมือง Kuopio ที่ใกล้กว่าเปิดสอบ ก็เลยสมัครใหม่ ห่างจากครั้งแรกหนึ่งสัปดาห์ ค่ารถไฟเมืองนี้จะถูกกว่า เพราะระยะทางใกล้กว่า เสียค่ารถไฟอีก 26.10 Euro ค่าสอบจะถูกลง เนื่องจากเป็นการสอบครั้งที่ 2 ค่าใช้จ่ายในการสอบ 35 Euro ครั้งนี้หนูถิ่นคิดว่าเราจะพลาดอีกไม่ได้แล้ว กลับมาเตรียมตัวใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อคอร์สติวออนไลน์ เพียงแต่ซื้อข้อสอบมาอ่านดู ซื้อแบบ 3 วัน เราก็ฝึกทำข้อสอบวนไปภายใน 3 วัน เสียค่าใช้จ่าย 4.90 Euro ฝึกทำจนได้คะแนนเต็ม 40 คะแนนเลยค่ะ พอวันไปสอบจริง เจอข้อสอบคำถามกำกวม ๆ ทำให้เราไม่แน่ใจในคำตอบเราอยู่หลายข้อ ทีแรกใจฮึกเหิม จะเอาคะแนนเต็ม 40 ให้ได้ ก่อนส่งกระดาษคำตอบ มานั่งนับข้อที่ไม่มั่นใจว่ามีกี่ข้อ กับข้อที่ชัวร์ๆ เลยมีกี่ข้อ มีไม่มั่นใจพอดี 6 ข้อ แต่สุดท้ายครั้งนี้สอบได้ 36 คะแนน พลาดไป 4 ข้อ ทราบผลสอบทันที เพราะคนคุมสอบตรวจต่อหน้าเราเลย เดินลัลล้ามาที่สถานีรถไฟ เพื่อกลับ Kajaani แฮปปี้สุด ๆ ตอนรอรถไฟที่ชานชาลา ไม่ค่อยมีคน เลยร้องเพลงดัง ๆ เพราะมีความสุขมากกกกก เกือบไปแล้ว ถ้าสอบรอบนี้ พลาดอีก คงเศร้าหนัก กลับมาคงป่วยอีก นี่ผ่านแล้ว ดีใจสุด ๆ 555 รอดล่ะ รออีกประมาณ 3 อาทิตย์ เขาก็ส่ง Hygiene passport card แล้วก็ Certificate มาให้หนูถิ่น มีอายุ 5 ปี ก็ต้องไปสอบใหม่อีก ที่หนูถิ่นต้องเร่งสอบให้ผ่านเพราะว่าช่วงปิดเทอมหนูถิ่นจะไปฝึกงาน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร และเลือกจะไปฝึกงานทางด้าน Restaurant and café service ซึ่งต้องมีใบนี้ หนูถิ่นวางแผนฝึกงานเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม 2565 รวมฝึก 2 เดือน แล้วหลังจากฝึกงานเสร็จก็จะหางานพาร์ทไทม์ทำ

หนูถิ่นมาคิดดูว่า งานไม่ใช่จะหาปุ๊บได้ปั๊บ ต้องเริ่ม ๆ มอง ๆ หาไว้ก่อน จะได้ทันการหลังจากเราฝึกงานจบ ก็เริ่มเข้าไปในเว็บหางานของที่นี่ monster.fi เจองานอยู่อันนึงเขียนว่ารับสมัคร Grilli worker ก็น่าจะเป็นพนักงานปิ้ง ๆ ย่าง ๆ อะไรประมาณนี้ การสมัครงานของที่นี่ ต้องส่ง CV และวีดิโอแนะนำตัวเองไปด้วย แต่หนูถิ่นยังไม่ได้ทำวีดิโอ ก็เลยเขียนอีเมลล์ไปถามเล่น ๆ ว่า เราสนใจสมัครงานในตำแหน่งนี้ ไม่ทราบยังรับอยู่ไหม พอเช็คสถานที่ในกูเกิ้ล อยู่ใกล้ที่พักหนูถิ่นมากกก เดินไปแค่ 1.1 กิโลเมตรเอง รูมเมทของหนูถิ่นเป็นคนอินเดียได้งานทำความสะอาด แต่ที่ทำงานต้องนั่งรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง พอดีที่มหาวิทยาลัยนี้ มีคนอินเดียอยู่เยอะ เขามีรถ 1 คัน ก็นัดรวมตัวกันนั่งรถแชร์ค่าใช้จ่ายกันไปทำงาน หนูถิ่นก็เขียนเล่นๆ ไม่คิดว่าอีก 2 วัน เขาจะตอบกลับมาเป็นภาษาฟินนิชว่าให้มาคุยกัน  เราก็เลยตอบอีเมลล์เขาเป็นภาษาอังกฤษปนภาษาฟินน์กกลับไปว่าหนูถิ่นว่างวันรุ่งขึ้น จะไปพบเขาเวลาบ่ายสองนะ เขาก็ตอบกลับมาว่าโอเค 

พอถึงเวลานัด หนูถิ่นก็ไป ก็คิดว่าไปเล่นๆ ออกไปพูดคุยกับผู้คน เปิดหูเปิดตา พอไปถึงร้านที่เราไป เป็นร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ ประมาณร้านแมคโดนัลด์ เจ้าของร้านเป็นผู้หญิงฟินน์ อายุเดาไม่ออก ฝรั่งดูยาก แต่หนูถิ่นคิดว่าอายุน้อยกว่าหนูถิ่นแน่นอน เพราะตอนนี้เรา 56 แล้ว หนูถิ่นก็บอกเขาว่ามีนัดจะมาคุย เขาก็ให้เรานั่งรอสักพัก เขาก็มาคุยด้วย ถามว่าพูดฟินนิชได้ไหม ก็ตอบเขาว่าได้จี๊ดนึง เขาก็ถามว่าจี๊ดแค่ไหน เลยตอบตลก ๆ ไปว่าได้แค่คำทักทายสวัสดี ขอบคุณ Terve! Kiitos! อาเจ้เจ้าของร้านก็ส่งภาษาฟินนิชมาเป็นชุด แต่เดาได้ว่าเขาถามมาจากประเทศอะไร ก็ตอบเขาว่าไทยแลนด์ ไม่ใช่แค่อาเจ้เจ้าของร้านมาสัมภาษณ์นะ คุณแม่ก็มาคุย คุณน้องชายวัยรุ่นก็มาคุย ดูสนใจเรามาก แต่คุณแม่พูดอังกฤษไม่ได้ มีอาเจ้กับน้องชายที่พูดภาษาอังกฤษได้ หนูถิ่นก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้งานหรอกทีแรก เขาถามหนูถิ่นว่าพูดฟินนิชไม่ได้ จะทำงานได้ยังไง หนูถิ่นก็บอกกำลังเรียนรู้อยู่ ก็ให้เราอยู่ก้นครัวก่อน เพราะเรายังพูดไม่ได้ น้องชายอาเจ้ เด็กวัยรุ่นก็ตอบกลับมาว่าไม่ได้หรอก เดี๋ยวหนูถิ่นทำงานแล้วจะไม่มีความสุข ต้องออกมาพูดพบปะกับผู้คนบ้าง จะได้ไม่เบื่อ ฝึกพูดทักทาย ฝึกพูดเล่นกับลูกค้า เขาจะค่อย ๆ สอน เอ่อ ดูเขาเป็นมิตรกับพนักงานมาก กลัวพนักงานมาอยู่แล้วจะไม่มีความสุข สุดท้ายเขาก็รับหนูถิ่นเข้าทำงานแบบงง ๆ อีก 2 วันมาเริ่มงาน หนูถิ่นก็เอาไว้ก่อน 

ได้งานแบบกะทันหัน เร็วกว่าเป้าที่เราวางไว้ว่าจะเริ่มทำงานเทอมหน้า หนูถิ่นบอกเขาไปว่า เราจะว่างแค่วันเสาร์ อาทิตย์ นะ วันธรรมดาหนูถิ่นต้องเรียนหนังสือ ถ้ามีเวลาว่างจะบอกเพิ่ม ก็โอเคตามนั้น อ่อ ลืมเล่า เขาถามหนูถิ่นว่าอายุเท่าไหร่ บอกเขาไปว่า 56 เขาไม่มีอาการเลยนะว่าเราอายุเยอะ คนที่นี่เรื่องอายุไม่มีปัญหาเลยจริง ๆ พอเขารับเราเข้าทำงาน เขาก็ให้เมนูของร้านให้เราไปศึกษาก่อนว่ามีรายการอะไรบ้าง โอ้โห ภาษาฟินนิช หนูถิ่นก็ไปนั่งแปลว่าแปลว่าอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่นแฮมเบอร์เกอร์ ภาษาฟินนิชเรียกว่า Hampurilainen ฮัมปุริลไลเน่น ยาวมากกกกก ดีว่าเอาเมนูมาศึกษาก่อน หนูถิ่นได้จดจำคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารมาเพี้ยบเลย แตงกวา kurkku มะเขือเทศ tomaatti หัวหอม sipuli กระเทียม valkosipuli สับปะรด ananas ไข่ muna ขนมปัง sämpylä ชีส juusto ซอสมะเขือเทศ ketsuppi มัสตาร์ด sinappi  ผักกาดขาว kiinakaali
 
งานที่นี่เขาจะแบ่งเป็น 3 กะ ร้านเจ้เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด ขายถึง 5 ทุ่ม หนูถิ่นได้รอบเช้าวันเสาร์อาทิตย์ เริ่มงานเวลา 11:30 – 16:00 น. วันธรรมดาจะเริ่มงาน 9:30 – 16:00 ทำงานวันอาทิตย์จะได้ 2 แรงค่ะ มีอาหารกลางวันให้ทานที่ร้านได้ฟรี ส่วนค่าแรง หนูถิ่นยังพูดฟินนิชไม่ได้ เขาให้ชั่วโมงล่ะ 10.30 Euro เพื่อนอินเดียทำความสะอาดที่ต้องนั่งรถไปไกล ได้ชั่วโมงล่ะ 9.95 Euro ไม่มีอาหารกลางวันให้ แต่เรทของหนูถิ่น ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ สำหรับนักเรียน

เริ่มงานวันแรก ทำงานคู่กับอาเจ้เจ้าของร้าน อาเจ้พาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทำงานที่ห้องใต้ดิน แล้วก็ชี้ให้ดูห้องเย็นเก็บพวกอาหาร มีห้องเก็บเนื้อสัตว์ เก็บชีส เก็บนม เก็บผักต่าง ๆ เป็นห้องเย็นนะ ไม่ใช่ตู้เย็น หลังจากนั้นก็ขึ้นมาที่ห้องครัว ชี้ให้ดูข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ว่าอะไรอยู่ตรงไหน การเก็บของในตู้เย็น เวลาจะหยิบมาใช้ ให้เอาของที่อยู่ด้านนอกออกมาใช้ก่อน ถ้าเวลาเราเอาของใหม่มาเก็บในตู้เย็นก็ต้องเก็บไว้ด้านใน เอาของที่อยู่ในตู้เย็นก่อนให้ออกมาอยู่หน้าสุด เวลาทำงานจะต้องมาก่อนเปิดร้านครึ่งชั่วโมง เพราะต้องมาเตรียมจัดของก่อน เริ่มงาน 11:30 น. แต่ร้านจะเปิด  12:00 น. วันแรกอาเจ้สอนให้สไลซ์แตงกว่ามะเขือเทศ เขามีเครื่องสไลซ์ ทั้งสองอย่าง เครื่องไม่เหมือนกัน เราต้องระวังด้วย เพราะมีดมันคมมาก

หลังจากเตรียมของเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเที่ยงเปิดร้าน หนูถิ่นก็ยังรับออร์เดอร์ไม่เป็นต้องคีย์เข้าเครื่อง เป็นรายการอาหารที่ต้องทำ อาเจ้เก่งมาก รับออร์เดอร์มาแล้วก็มาสอนหนูถิ่น ให้หนูถิ่น เอาเนื้อก้อนใหญ่ 188 g ก้อนเล็ก 120 g ลงกระทะทอด อันนี้เป็นกระทะแบน ๆ แบบไม่มีน้ำมัน กระทะร้อนมาก ตอนประกบขนมปังที่ย่างเสร็จ ก็ต้องมีเครื่องปรุง น้ำมายองเนสก็มีหลายอย่างมาก ต้องบีบซอสที่ขนมปัง ใส่กระเทียมหัวหอม สลัดแตงกวา มะเขือเทศ แตงกวา ผักกาดขาว ใส่เนื้อที่ทอดเสร็จไว้ตรงกลางขนมปัง เอาไปห่อด้วยกระดาษฟอยด์ ทำงานมือเป็นระวิง ขายดิบขายดี ไหนจะมีลูกค้า Drive thru , Walk in มีแบบโทรเข้ามาสั่งด้วย อาเจ้หัวหมุนเลย แต่ก็ทำงานคึกคักมาก ไม่มีโมโห อารมณ์ดีสุด ๆ รายการอาหารมีหลายอย่างมาก มีเคบับย่างด้วยที่หมุนไฟฟ้าแล้วก็สไลซ์ออกมาแบบอัตโนมัติเลย เดี๋ยวก็บอกเอาเฟรนช์ฟรายลงตะแกรงทอดน้ำมันร้อน ๆ การทำงาน ถึงแม้เรายังรับออร์เดอร์ไม่เป็น สายตาก็ต้องคอยสอดส่องว่าอะไรหมด ต้องรีบไปเอามาเติมให้ไม่ขาดช่วง ทำงานมันส์มาก 4.30 ชั่วโมงหมดไปไวมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่