แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่อยู่ไกลสุดขอบประเทศไทย แต่มีจุดหมายปลายทางธรรมชาติที่น่าสัมผัส มีสถานที่ท่องเที่ยวเรียกได้ว่ามีความหลากหลายมากๆไม่ว่าจะเป็น เดินป่าขึ้นเขา เที่ยวชมน้ำตก เข้าถ้ำถ่อแพ ตะลุยชมหินงอกหินย้อย ส่องพระอาทิตย์ยามเช้าเคล้าทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
เห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง วิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ ไปเข้าวัดทำบุญ ชมไร่ชา ปั่นจักรยานเที่ยวเล่น เที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่น และทานอาหาร
จีนยูนนาน อาหารเหนือแสนอร่อย เรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีแทบจะครบทุกกิจกรรมสำหรับสายธรรมชาติ ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ไปกันนะคะ
แม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ไกล แต่เราก็ยังมีโอกาสได้ไปแม่ฮ่องสอนอยู่หลายครั้ง พอจะเก็บสถานที่เที่ยว ร้านอาหาร ที่พักมาได้บ้าง เลยอยากมาแชร์เป็นไอเดียในการไปเยือนจังหวัดนี้ กับ45สถานที่ใน 6อำเภอ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ซึ่งต้องบอกเลยว่าสายธรรมชาติต้องถูกใจ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ธรรมชาติอย่างเดียว คาเฟ่ ร้านอาหารก็มีนะคะ
ทุกคนจะได้พบกับความฟินระดับ10 ถ้าได้ค้างแรมสักคืน
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนี้บอกเลยว่าครบทุกรสชาติ มีทุกอย่างแม้กระทั่งทะเล(แต่เป็นทะเลหมอกนะ)
มาเริ่มที่อำเภอสบเมยกันก่อน
1.ม่อนเดียวดาย บ้านบุญเลอ
#ทะเลหมอกสองแผ่นดิน ชื่อเรียกจุดชมวิวพรมแดนระหว่างไทยและพม่า หลายคนอาจจะคุ้นแต่ชื่อ #กลอเซโล ซึ่งกำลังเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกสุดฮิตในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พื้นที่บนเขาสูงแห่งนี้คนพื้นถิ่นส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง มีหลายหมู่บ้านที่อาศัยรวมกันอยู่ที่อ.สบเมย โดยจุดชมวิวที่สามารถไปกางเต็นท์ชมทะเลหมอกได้จะมีหลักๆคือ2หมู่บ้าน
1.บ้านกลอเซโล ที่คุ้นกันดี ด้วยความชื่อแปลก ฟังแล้วติดหู หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าที่เราไปชมทะเลหมอกกันทุกๆม่อนนั้นเรียกว่า กลอเซโล แท้จริงแล้ว กลอเซโลคือชื่อหมู่บ้านนึงในอ.สบเมย โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้อยู่ติดๆกันเริ่มจาก...
-ขุนกลอเซโล เบอร์ติดต่อ 0919261685 FB : ขุนกลอเซโล
-จุดชมวิวโรงเรียนบ้านกลอเซโลที่มีป้าย
-ม่อนบลอโจ
-ม่อนภพฟ้า
2.บ้านบุญเลอ คือจุดเริ่มต้นของจุดชมวิวที่นี่ โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้...
-จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน อยู่ริมถนน ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด (เป็นจุดชมวิวแรกที่มีมาก่อนกลอเซโล)
-จุดชมวิวพระธาตุบ้านบุญเลอ
-จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ลานกางเต็นท์ที่อยู่สูงกว่ากลอเซโล พื้นที่กว้าง และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินได้ชัดอีกด้วย พวกเราแคมป์กันที่ม่อนเดียวดายนี่แหละค่ะ เบอร์ติดต่อ 0919417153 , 0919389394
-จุดชมวิวม่อนชมดาว จะอยู่ตรงข้ามกับม่อนเดียวดาย
-จุดชมวิวดอยโจโค๊ะ จุดนี้เพิ่งมาใหม่ อยู่ถัดไปจากม่อนเดียวดาย
ทุกจุดชมวิวบ้านบุญเลอสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : ทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านบุญเลอ
สำหรับผู้ที่จะใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านผู้ชำนาญทางราคาเหมา 2500 บาท รับส่งจาก อบต.แม่สามแลบ ก็สอบถามไปทางบ้านบุญเลอได้เช่นกัน
*ทุกที่ค่ากางเต็นท์100บาท/คน/คืน (นำเต็นท์และอุปกรณ์การแคมป์ไปเองนะคะ)
*แต่ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะแคมป์ที่จุดไหน แนะนำให้ไปเร็วและไปดูสถานที่จริงเลยว่าชอบจุดไหนก็เลือกจุดนั้น ถ้าอยากใกล้ชิดทะเลหมอกก็กลอเซโลเพราะพื้นที่จะอยู่ต่ำ แต่ถ้าอยากอยู่สูงหน่อยก็ไปบ้านบุญเลอ ไม่ว่าจะกางเต็นท์จุดไหนก็แล้วแต่ เราก็ไปแวะทุกจุดชมวิว ถ่ายรูปได้นะ
โดยจุดชมทะเลหมอกสุดปังที่ได้เห็นกันนั้นเรียกได้ว่ามีให้ชมกันแทบจะทุกวันตั้งแต่เดือนพ.ย.-ก.พ. ของทุกปี เพราะด้านล่างนั้นมีแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่าแล้ว
จุดนี้ถือว่าเป็นเครื่องผลิตหมอกชั้นดี ที่ทำการผลิตได้แบบฟูจนเป็นทะเลหมอกเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ช่วงดึกๆจนถึงเกือบ11โมง น้อยมากที่ใครไปแล้วจะไม่ได้ชมทะเลหมอก ต้องเป็นคนบาปหนักเท่านั้นแหละที่จะไม่ได้เห็น (ล้อเล่นนะคะ) เอาจริงๆ ธรรมชาติเราไม่อาจกะเกณฑ์ได้100% ให้เป็นดังใจนึก มันก็คือทะเลหมอกเสี่ยงทาย เหมือนทุกที่นั่นแหละ แค่ที่นี่มี%ของการจะได้ชมทะเลหมอกเยอะกว่าที่อื่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะ100%นะที่มีให้เห็น
การเดินทาง
สามารถไปได้หลายทางไม่ว่าจะจากจ.ตาก หรือจากจ.เชียงใหม่ เข้าแม่ฮ่องสอน
ส่วนตัวแล้วเดินทางจากเชียงใหม่ไปทางอ.ฮอด จนถึงตัวอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เราจะเข้าสู่ทางไปบ้านแม่คะตวน ขับไปต่อเรื่อยๆผ่านหลายหมู่บ้าน ให้สังเกตป้ายเส้นทางจุดชมวิวกลอเซโล,บ้านบุญเลอนะคะ
เราเลือกไปทางที่อ้อมกว่าคือเส้นทางระยะ22กม. ถนนเป็นทางที่มีการปรับเกลี่ยทางเทปูนพื้นเรียบ สลับกับดินแดง มีหลุมบ้างโดยรวมคือดีกว่าที่คิด และเป็นทางฝุ่นแต่ไม่โหดและยากเกินไป(เอาจริงวันที่ไปไม่ค่อยเจอฝุ่นเท่าไหร่คงเพราะก่อนหน้าฝนตก)
อีกทางคือเส้นทางระยะ18กม. เป็นทางที่เขาบอกว่าโหดและยาก อยู่ที่ผู้ขับชำนาญขนาดไหน เลือกที่เหมาะสมกับคนขับได้เลย
แต่เอาจริงถ้ามาทาง22กม. เดินทางง่ายนะ เพราะเริ่มมีการจัดการถนนให้ดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องไกลนี่สิ ไกลจริง
ข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ
-ทางที่ใช้สัญจรจะมีทั้งทางปูนและดินแดง มีหลุมบ่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเจอฝุ่นเยอะหากได้นั่งกระบะหลังควรเตรียมพร้อมป้องกันฝุ่นกันด้วย
แต่สำหรับเราในวันที่ไปนั้น ฝุ่นแทบไม่เจอ อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฝนน่าจะตก ทำให้พื้นถนนไม่มีฝุ่นมากตามที่คาดไว้ ถ้ามีของสัมภาระไว้ท้ายกระบะแนะนำให้หาอะไรคลุมกันฝุ่นไว้ ถุงดำก็ง่ายดี
-หากวันใดที่ฝนตก เส้นทางที่ไปอาจจะมีความยากขึ้นเท่าตัว พื้นจากฝุ่นจะกลายเป็นดินโคลน ฉะนั้นถ้าคนขับไม่ชำนาญพอ อย่าเพิ่งเสี่ยงค่ะ
-ระหว่างทางจะมีเด็กๆรอต้อนรับ ใครใคร่จะแบ่งปันขนมหรือสิ่งอื่นใดก็ตามแต่สะดวกของแต่ละคนได้เลย
-ในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่ายไม่สามารถใช้ได้ แต่!!!มีWifi 40บาท(สัญญาณค่อนข้างอ่อน หากในช่วงเวลาที่ใช้พร้อมๆกันก็แทบจะใช้ไม่ได้) ที่ม่อนเดียวดายนะคะ จุดชมวิวอื่นๆไม่แน่ใจว่ามีwifiหรือไม่
-ไม่มีไฟฟ้าใช้แสงดาวส่องสว่างแทน(ดาวเต็มฟ้ามาก)
-เราแคมป์ที่ม่อนเดียวดายมีห้องน้ำ3ห้องไม่มีไฟ สิ่งที่ควรมีคือไฟฉาย และจะบอกว่าน้ำค่อนข้างเย็น ถ้าใครจะอาบน้ำ แนะนำช่วงบ่ายแก่ๆ น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้น้ำอุ่น อาบได้สบาย แต่ถ้าใครจิตใจสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องอาบเนอะ แฮ่ะๆ
-ในส่วนของอากาศช่วงเวลากลางคืนไม่หนาวจัด แต่จะเย็นสบาย สิบกว่าองศาในวันที่เราไปช่วงปลายเดือนมกราคม ช่วงเวลากลางวันก็จะร้อนเพราะพื้นที่โล่งบนเขา ไม่ค่อยมีร่มไม้
-อย่างที่ทราบกันว่าถนนที่นี่เหมาะกับรถ4x4 และควรจะขับรถได้ชำนาญระดับนึง หากไม่ชัวร์ก็เหมารถชาวบ้านไปจะปลอดภัยกว่า
สรุปคือทั้งบ้านกลอเซโลและบ้านบุญเลอมีจุดชมวิวที่ต่างกันแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เลือกไม่ได้ก็ไปเยี่ยมชมทุกม่อนเลย ทุกจุดชมวิวเห็นทะเลหมอกหมด และจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกที่สวยงามดึงดูดให้ใครก็อยากมาเยือน แต่sunset,Light and Shadowก็คือดี สนุกกับการถ่ายรูปไปเลยค่ะ
Map :
https://bit.ly/3wuNIpY
ภาพและรีวิวเพิ่มเติม>>>
https://bit.ly/3PxLEF7
2.แม่น้ำสาละวิน สบเมย
แม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่า สามารถขับรถมาได้จะไกลหน่อย แต่เรามองเห็นได้จากระยะไกลที่จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ที่เรากางเต็นท์กัน
Map :
https://goo.gl/maps/pzSfQDThEuJYT9e18
3.ร้านก๋วยเตี๋ยวน้องนัด
ร้านดังในย่านนี้เพราะมีร้านเดียว รสชาติดี ราคาถูก30บาทกับวิวสุดว๊าวมากๆ
Map :
https://goo.gl/maps/EsmvB9NJTmgX1c517
4.ดอยพุ่ยโค
อยู่ในอ.สบเมย จะเป็นการเดินป่าระยะสั้นแค่ประมาณ3กม.เท่านั้น บนยอดดอยสามารถชมวิวได้ 360องศา และยังชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกอีกด้วย ถ้ามาในฤดูกาลที่เหมาะสม ฟ้าเปิดก็จะได้เห็นทะเลหมอกปังๆไปเลย ด้านบนดอยไม่มีร้านค้า ร้านอาหารนะคะ จัดการเตรียมกันเอง
และมุมถ่ายรูปยอดฮิตLandmarkเลยก็ว่าได้ ของดอยพุ่ยโค ก็ต้นเดียวดายต้นไม้ใหญ่นี่แหละ
Map :
https://goo.gl/maps/Bp911vmjNcH2ksEJ6
ต่อไปอำเภอแม่สะเรียง
5.จิ้นตุ๊บ ไส้อั่ว แม่หลวงเพ็ญ
เมื่อมาถึงอ.แม่สะเรียง ก่อนที่จะขึ้นไปยังบ้านบุญเลอหรือกลอเซโล ส่วนใหญ่มักจะแวะทานร้านนี้ อาหารอร่อยทุกเมนูเลย ใครผ่านมาทางนี้เป็นต้องแวะนะคะ
Map :
https://goo.gl/maps/q4DP9b1tQhCmAoeM7
6.พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง
อยู่ตรงข้ามกับร้านแม่หลวงเพ็ญ ลักษณะเรือนไม้สักมีลายฉลุ เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะไทใหญ่ผสมล้านนาแสดงประวัติความเป็นมาและประเพณีวัฒนธรรม วิถิชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวไทยใหญ่ ไทยยวน กระเหรี่ยง ละว้าและชาวมุสลิม บอกเล่าเรื่องราววิถีความเป็นอยู่ของของผู้คนชาวแม่สะเรียงในอดีต ภายในอาคารเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ มีพระพุทธรูปให้ได้กราบบูชาสักการะ
Map :
https://goo.gl/maps/Q73eQaj1hor3bxXR9
7.ร้านอาหารอินทิรา
เป็นร้านอาหารเก่าแก่อยู่ในตัวเมืองอ.แม่สะเรียง ที่รสชาติดี อร่อยถูกปาก สั่งมาหลายเมนูมากแต่ถ่ายทันได้แค่นี้ แนะนำพวกปลา เนื้อดีสดมาก
Map :
https://goo.gl/maps/j47ZtHmLf8h6Dafb9
มาถึงอำเภอปางมะผ้าค่ะ
8.บ้านจ่าโบ่
บ้านเรือนไม้ในหมู่บ้านกลางหุบเขาที่เรียงรายทอดยาวเมื่อมองจากมุมสูง ยังคงมีวิถีชีวิตท้องถิ่นของเผ่าลาหู่หรือที่เราเรียกกันว่ามูเซอให้ได้สัมผัส
ยังคงแต่งกายและใช้ภาษาตามแต่ละเผ่าอยู่ นี่แหละคือเสน่ห์ของบ้านจ่าโบ่ ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาเยือน
บ้านจ่าโบ่อยู่ในอ.ปางมะผ้า ห่างจากอ.ปายประมาณ1ชั่วโมง เป็นหมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาหินและต้นไม้ หมอกแน่นแทบจะตลอดแม้ไม่ใช่ฤดูหนาว เป็นสถานที่ที่เรียกนักท่องเที่ยวได้ดี ด้วยความที่สงบ และยังคงไว้ซึ่งวิถีชาวบ้าน ใครชื่นชอบวิถีชาวบ้านหรือบรรยากาศชุมชน อาจจะเมาโค้งเยอะหน่อย แต่รับรองมาถึงจะหายเหนื่อย
Map :
https://goo.gl/maps/JB4y9iQpuRjJ2Uqn6
9.ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่
ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่เรียกได้ว่าเป็นLandmarkสำคัญของหมู่บ้านก็ว่าได้ กับวิวทานก๋วยเตี๋ยวระดับWorldClassในราคาหลักสิบ
Map :
https://goo.gl/maps/ynFePFw3RFGSxGF19
ภาพและรีวิวเพิ่มเติม>>>
https://bit.ly/3wFdWEZ
10.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่
จุดชมวิวที่อยู่ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวแวะมาถ่ายรูปCheck in กันได้ วันไหนมีทะเลหมอก เหมือนได้นั่งอยู่บนหมอกเลย แต่จากในรูปเราไปมาสองครั้ง มีทั้งฟ้าปิดและวันที่เจอทะเลหมอก ใครไปแล้วไม่เห็นทะเลหมอก อย่าเสียใจไปก็แค่ไปใหม่ค่ะ แฮ่
Map :
https://bit.ly/3sPsKjn
ติดตามต่อที่commentค่ะ
v
v
v
[CR] 45Locations in Mae Hong Son จุดหมายปลายทางธรรมชาติที่น่าสัมผัส
แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่อยู่ไกลสุดขอบประเทศไทย แต่มีจุดหมายปลายทางธรรมชาติที่น่าสัมผัส มีสถานที่ท่องเที่ยวเรียกได้ว่ามีความหลากหลายมากๆไม่ว่าจะเป็น เดินป่าขึ้นเขา เที่ยวชมน้ำตก เข้าถ้ำถ่อแพ ตะลุยชมหินงอกหินย้อย ส่องพระอาทิตย์ยามเช้าเคล้าทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ตกตอนเย็น
เห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง วิ่งเล่นในทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ ไปเข้าวัดทำบุญ ชมไร่ชา ปั่นจักรยานเที่ยวเล่น เที่ยวชมวัฒนธรรมท้องถิ่น และทานอาหาร
จีนยูนนาน อาหารเหนือแสนอร่อย เรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีแทบจะครบทุกกิจกรรมสำหรับสายธรรมชาติ ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ไปกันนะคะ
แม้จะเป็นจังหวัดที่อยู่ไกล แต่เราก็ยังมีโอกาสได้ไปแม่ฮ่องสอนอยู่หลายครั้ง พอจะเก็บสถานที่เที่ยว ร้านอาหาร ที่พักมาได้บ้าง เลยอยากมาแชร์เป็นไอเดียในการไปเยือนจังหวัดนี้ กับ45สถานที่ใน 6อำเภอ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ซึ่งต้องบอกเลยว่าสายธรรมชาติต้องถูกใจ แต่ใช่ว่าจะมีแต่ธรรมชาติอย่างเดียว คาเฟ่ ร้านอาหารก็มีนะคะ
ทุกคนจะได้พบกับความฟินระดับ10 ถ้าได้ค้างแรมสักคืน
แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนี้บอกเลยว่าครบทุกรสชาติ มีทุกอย่างแม้กระทั่งทะเล(แต่เป็นทะเลหมอกนะ)
มาเริ่มที่อำเภอสบเมยกันก่อน
1.ม่อนเดียวดาย บ้านบุญเลอ
#ทะเลหมอกสองแผ่นดิน ชื่อเรียกจุดชมวิวพรมแดนระหว่างไทยและพม่า หลายคนอาจจะคุ้นแต่ชื่อ #กลอเซโล ซึ่งกำลังเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกสุดฮิตในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พื้นที่บนเขาสูงแห่งนี้คนพื้นถิ่นส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง มีหลายหมู่บ้านที่อาศัยรวมกันอยู่ที่อ.สบเมย โดยจุดชมวิวที่สามารถไปกางเต็นท์ชมทะเลหมอกได้จะมีหลักๆคือ2หมู่บ้าน
1.บ้านกลอเซโล ที่คุ้นกันดี ด้วยความชื่อแปลก ฟังแล้วติดหู หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าที่เราไปชมทะเลหมอกกันทุกๆม่อนนั้นเรียกว่า กลอเซโล แท้จริงแล้ว กลอเซโลคือชื่อหมู่บ้านนึงในอ.สบเมย โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้อยู่ติดๆกันเริ่มจาก...
-ขุนกลอเซโล เบอร์ติดต่อ 0919261685 FB : ขุนกลอเซโล
-จุดชมวิวโรงเรียนบ้านกลอเซโลที่มีป้าย
-ม่อนบลอโจ
-ม่อนภพฟ้า
2.บ้านบุญเลอ คือจุดเริ่มต้นของจุดชมวิวที่นี่ โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้...
-จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน อยู่ริมถนน ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด (เป็นจุดชมวิวแรกที่มีมาก่อนกลอเซโล)
-จุดชมวิวพระธาตุบ้านบุญเลอ
-จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ลานกางเต็นท์ที่อยู่สูงกว่ากลอเซโล พื้นที่กว้าง และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินได้ชัดอีกด้วย พวกเราแคมป์กันที่ม่อนเดียวดายนี่แหละค่ะ เบอร์ติดต่อ 0919417153 , 0919389394
-จุดชมวิวม่อนชมดาว จะอยู่ตรงข้ามกับม่อนเดียวดาย
-จุดชมวิวดอยโจโค๊ะ จุดนี้เพิ่งมาใหม่ อยู่ถัดไปจากม่อนเดียวดาย
ทุกจุดชมวิวบ้านบุญเลอสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : ทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านบุญเลอ
สำหรับผู้ที่จะใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านผู้ชำนาญทางราคาเหมา 2500 บาท รับส่งจาก อบต.แม่สามแลบ ก็สอบถามไปทางบ้านบุญเลอได้เช่นกัน
*ทุกที่ค่ากางเต็นท์100บาท/คน/คืน (นำเต็นท์และอุปกรณ์การแคมป์ไปเองนะคะ)
*แต่ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะแคมป์ที่จุดไหน แนะนำให้ไปเร็วและไปดูสถานที่จริงเลยว่าชอบจุดไหนก็เลือกจุดนั้น ถ้าอยากใกล้ชิดทะเลหมอกก็กลอเซโลเพราะพื้นที่จะอยู่ต่ำ แต่ถ้าอยากอยู่สูงหน่อยก็ไปบ้านบุญเลอ ไม่ว่าจะกางเต็นท์จุดไหนก็แล้วแต่ เราก็ไปแวะทุกจุดชมวิว ถ่ายรูปได้นะ
โดยจุดชมทะเลหมอกสุดปังที่ได้เห็นกันนั้นเรียกได้ว่ามีให้ชมกันแทบจะทุกวันตั้งแต่เดือนพ.ย.-ก.พ. ของทุกปี เพราะด้านล่างนั้นมีแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่าแล้ว
จุดนี้ถือว่าเป็นเครื่องผลิตหมอกชั้นดี ที่ทำการผลิตได้แบบฟูจนเป็นทะเลหมอกเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ช่วงดึกๆจนถึงเกือบ11โมง น้อยมากที่ใครไปแล้วจะไม่ได้ชมทะเลหมอก ต้องเป็นคนบาปหนักเท่านั้นแหละที่จะไม่ได้เห็น (ล้อเล่นนะคะ) เอาจริงๆ ธรรมชาติเราไม่อาจกะเกณฑ์ได้100% ให้เป็นดังใจนึก มันก็คือทะเลหมอกเสี่ยงทาย เหมือนทุกที่นั่นแหละ แค่ที่นี่มี%ของการจะได้ชมทะเลหมอกเยอะกว่าที่อื่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะ100%นะที่มีให้เห็น
การเดินทาง
สามารถไปได้หลายทางไม่ว่าจะจากจ.ตาก หรือจากจ.เชียงใหม่ เข้าแม่ฮ่องสอน
ส่วนตัวแล้วเดินทางจากเชียงใหม่ไปทางอ.ฮอด จนถึงตัวอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เราจะเข้าสู่ทางไปบ้านแม่คะตวน ขับไปต่อเรื่อยๆผ่านหลายหมู่บ้าน ให้สังเกตป้ายเส้นทางจุดชมวิวกลอเซโล,บ้านบุญเลอนะคะ
เราเลือกไปทางที่อ้อมกว่าคือเส้นทางระยะ22กม. ถนนเป็นทางที่มีการปรับเกลี่ยทางเทปูนพื้นเรียบ สลับกับดินแดง มีหลุมบ้างโดยรวมคือดีกว่าที่คิด และเป็นทางฝุ่นแต่ไม่โหดและยากเกินไป(เอาจริงวันที่ไปไม่ค่อยเจอฝุ่นเท่าไหร่คงเพราะก่อนหน้าฝนตก)
อีกทางคือเส้นทางระยะ18กม. เป็นทางที่เขาบอกว่าโหดและยาก อยู่ที่ผู้ขับชำนาญขนาดไหน เลือกที่เหมาะสมกับคนขับได้เลย
แต่เอาจริงถ้ามาทาง22กม. เดินทางง่ายนะ เพราะเริ่มมีการจัดการถนนให้ดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องไกลนี่สิ ไกลจริง
ข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ
-ทางที่ใช้สัญจรจะมีทั้งทางปูนและดินแดง มีหลุมบ่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเจอฝุ่นเยอะหากได้นั่งกระบะหลังควรเตรียมพร้อมป้องกันฝุ่นกันด้วย
แต่สำหรับเราในวันที่ไปนั้น ฝุ่นแทบไม่เจอ อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฝนน่าจะตก ทำให้พื้นถนนไม่มีฝุ่นมากตามที่คาดไว้ ถ้ามีของสัมภาระไว้ท้ายกระบะแนะนำให้หาอะไรคลุมกันฝุ่นไว้ ถุงดำก็ง่ายดี
-หากวันใดที่ฝนตก เส้นทางที่ไปอาจจะมีความยากขึ้นเท่าตัว พื้นจากฝุ่นจะกลายเป็นดินโคลน ฉะนั้นถ้าคนขับไม่ชำนาญพอ อย่าเพิ่งเสี่ยงค่ะ
-ระหว่างทางจะมีเด็กๆรอต้อนรับ ใครใคร่จะแบ่งปันขนมหรือสิ่งอื่นใดก็ตามแต่สะดวกของแต่ละคนได้เลย
-ในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่ายไม่สามารถใช้ได้ แต่!!!มีWifi 40บาท(สัญญาณค่อนข้างอ่อน หากในช่วงเวลาที่ใช้พร้อมๆกันก็แทบจะใช้ไม่ได้) ที่ม่อนเดียวดายนะคะ จุดชมวิวอื่นๆไม่แน่ใจว่ามีwifiหรือไม่
-ไม่มีไฟฟ้าใช้แสงดาวส่องสว่างแทน(ดาวเต็มฟ้ามาก)
-เราแคมป์ที่ม่อนเดียวดายมีห้องน้ำ3ห้องไม่มีไฟ สิ่งที่ควรมีคือไฟฉาย และจะบอกว่าน้ำค่อนข้างเย็น ถ้าใครจะอาบน้ำ แนะนำช่วงบ่ายแก่ๆ น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้น้ำอุ่น อาบได้สบาย แต่ถ้าใครจิตใจสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องอาบเนอะ แฮ่ะๆ
-ในส่วนของอากาศช่วงเวลากลางคืนไม่หนาวจัด แต่จะเย็นสบาย สิบกว่าองศาในวันที่เราไปช่วงปลายเดือนมกราคม ช่วงเวลากลางวันก็จะร้อนเพราะพื้นที่โล่งบนเขา ไม่ค่อยมีร่มไม้
-อย่างที่ทราบกันว่าถนนที่นี่เหมาะกับรถ4x4 และควรจะขับรถได้ชำนาญระดับนึง หากไม่ชัวร์ก็เหมารถชาวบ้านไปจะปลอดภัยกว่า
สรุปคือทั้งบ้านกลอเซโลและบ้านบุญเลอมีจุดชมวิวที่ต่างกันแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เลือกไม่ได้ก็ไปเยี่ยมชมทุกม่อนเลย ทุกจุดชมวิวเห็นทะเลหมอกหมด และจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกที่สวยงามดึงดูดให้ใครก็อยากมาเยือน แต่sunset,Light and Shadowก็คือดี สนุกกับการถ่ายรูปไปเลยค่ะ
Map : https://bit.ly/3wuNIpY
ภาพและรีวิวเพิ่มเติม>>> https://bit.ly/3PxLEF7
2.แม่น้ำสาละวิน สบเมย
แม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่า สามารถขับรถมาได้จะไกลหน่อย แต่เรามองเห็นได้จากระยะไกลที่จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ที่เรากางเต็นท์กัน
Map : https://goo.gl/maps/pzSfQDThEuJYT9e18
3.ร้านก๋วยเตี๋ยวน้องนัด
ร้านดังในย่านนี้เพราะมีร้านเดียว รสชาติดี ราคาถูก30บาทกับวิวสุดว๊าวมากๆ
Map : https://goo.gl/maps/EsmvB9NJTmgX1c517
4.ดอยพุ่ยโค
อยู่ในอ.สบเมย จะเป็นการเดินป่าระยะสั้นแค่ประมาณ3กม.เท่านั้น บนยอดดอยสามารถชมวิวได้ 360องศา และยังชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกอีกด้วย ถ้ามาในฤดูกาลที่เหมาะสม ฟ้าเปิดก็จะได้เห็นทะเลหมอกปังๆไปเลย ด้านบนดอยไม่มีร้านค้า ร้านอาหารนะคะ จัดการเตรียมกันเอง
และมุมถ่ายรูปยอดฮิตLandmarkเลยก็ว่าได้ ของดอยพุ่ยโค ก็ต้นเดียวดายต้นไม้ใหญ่นี่แหละ
Map : https://goo.gl/maps/Bp911vmjNcH2ksEJ6
ต่อไปอำเภอแม่สะเรียง
5.จิ้นตุ๊บ ไส้อั่ว แม่หลวงเพ็ญ
เมื่อมาถึงอ.แม่สะเรียง ก่อนที่จะขึ้นไปยังบ้านบุญเลอหรือกลอเซโล ส่วนใหญ่มักจะแวะทานร้านนี้ อาหารอร่อยทุกเมนูเลย ใครผ่านมาทางนี้เป็นต้องแวะนะคะ
Map : https://goo.gl/maps/q4DP9b1tQhCmAoeM7
6.พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง
อยู่ตรงข้ามกับร้านแม่หลวงเพ็ญ ลักษณะเรือนไม้สักมีลายฉลุ เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะไทใหญ่ผสมล้านนาแสดงประวัติความเป็นมาและประเพณีวัฒนธรรม วิถิชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวไทยใหญ่ ไทยยวน กระเหรี่ยง ละว้าและชาวมุสลิม บอกเล่าเรื่องราววิถีความเป็นอยู่ของของผู้คนชาวแม่สะเรียงในอดีต ภายในอาคารเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ มีพระพุทธรูปให้ได้กราบบูชาสักการะ
Map : https://goo.gl/maps/Q73eQaj1hor3bxXR9
7.ร้านอาหารอินทิรา
เป็นร้านอาหารเก่าแก่อยู่ในตัวเมืองอ.แม่สะเรียง ที่รสชาติดี อร่อยถูกปาก สั่งมาหลายเมนูมากแต่ถ่ายทันได้แค่นี้ แนะนำพวกปลา เนื้อดีสดมาก
Map : https://goo.gl/maps/j47ZtHmLf8h6Dafb9
มาถึงอำเภอปางมะผ้าค่ะ
8.บ้านจ่าโบ่
บ้านเรือนไม้ในหมู่บ้านกลางหุบเขาที่เรียงรายทอดยาวเมื่อมองจากมุมสูง ยังคงมีวิถีชีวิตท้องถิ่นของเผ่าลาหู่หรือที่เราเรียกกันว่ามูเซอให้ได้สัมผัส
ยังคงแต่งกายและใช้ภาษาตามแต่ละเผ่าอยู่ นี่แหละคือเสน่ห์ของบ้านจ่าโบ่ ที่เราอยากให้ทุกคนได้มาเยือน
บ้านจ่าโบ่อยู่ในอ.ปางมะผ้า ห่างจากอ.ปายประมาณ1ชั่วโมง เป็นหมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาหินและต้นไม้ หมอกแน่นแทบจะตลอดแม้ไม่ใช่ฤดูหนาว เป็นสถานที่ที่เรียกนักท่องเที่ยวได้ดี ด้วยความที่สงบ และยังคงไว้ซึ่งวิถีชาวบ้าน ใครชื่นชอบวิถีชาวบ้านหรือบรรยากาศชุมชน อาจจะเมาโค้งเยอะหน่อย แต่รับรองมาถึงจะหายเหนื่อย
Map : https://goo.gl/maps/JB4y9iQpuRjJ2Uqn6
9.ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่
ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่เรียกได้ว่าเป็นLandmarkสำคัญของหมู่บ้านก็ว่าได้ กับวิวทานก๋วยเตี๋ยวระดับWorldClassในราคาหลักสิบ
Map : https://goo.gl/maps/ynFePFw3RFGSxGF19
ภาพและรีวิวเพิ่มเติม>>> https://bit.ly/3wFdWEZ
10.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่
จุดชมวิวที่อยู่ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวแวะมาถ่ายรูปCheck in กันได้ วันไหนมีทะเลหมอก เหมือนได้นั่งอยู่บนหมอกเลย แต่จากในรูปเราไปมาสองครั้ง มีทั้งฟ้าปิดและวันที่เจอทะเลหมอก ใครไปแล้วไม่เห็นทะเลหมอก อย่าเสียใจไปก็แค่ไปใหม่ค่ะ แฮ่
Map : https://bit.ly/3sPsKjn
ติดตามต่อที่commentค่ะ
v
v
v
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้