ทะเลหมอกสองแผ่นดิน ชื่อเรียกจุดชมวิวพรมแดนระหว่างไทยและพม่า หลายคนอาจจะคุ้นแต่ชื่อ #กลอเซโล ซึ่งกำลังเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกสุดฮิตในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
พื้นที่บนเขาสูงแห่งนี้คนพื้นถิ่นส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
มีหลายหมู่บ้านที่อาศัยรวมกันอยู่ที่อ.สบเมย
โดยจุดชมวิวที่สามารถไปกางเต็นท์ชมทะเลหมอกได้จะมีหลักๆคือ2หมู่บ้าน
1.
บ้านกลอเซโล ที่คุ้นกันดี ด้วยความชื่อแปลก ฟังแล้วติดหู หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าที่เราไปชมทะเลหมอกกันทุกๆม่อนนั้นเรียกว่า กลอเซโล แท้จริงแล้ว กลอเซโลคือชื่อหมู่บ้านนึงในอ.สบเมย
โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้อยู่ติดๆกันเริ่มจาก...
-ขุนกลอเซโล เบอร์ติดต่อ 0919261685 FB : ขุนกลอเซโล
-จุดชมวิวโรงเรียนบ้านกลอเซโลที่มีป้าย
-ม่อนบลอโจ
-ม่อนภพฟ้า
2.
บ้านบุญเลอ คือจุดเริ่มต้นของจุดชมวิวที่นี่ โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้...
-จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน อยู่ริมถนน ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด (เป็นจุดชมวิวแรกที่มีมาก่อนกลอเซโล)
-จุดชมวิวพระธาตุบ้านบุญเลอ
-จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ลานกางเต็นท์ที่อยู่สูงกว่ากลอเซโล พื้นที่กว้าง และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินได้ชัดอีกด้วย พวกเราแคมป์กันที่ม่อนเดียวดายนี่แหละค่ะ ห้องน้ำตามรูปเลยมี3ห้อง เบอร์ติดต่อ 0919417153 , 0919389394
-จุดชมวิวม่อนชมดาว จะอยู่ตรงข้ามกับม่อนเดียวดาย
-จุดชมวิวดอยโจโค๊ะ จุดนี้เพิ่งมาใหม่ อยู่ถัดไปจากม่อนเดียวดาย
ทุกจุดชมวิวบ้านบุญเลอสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : ทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านบุญเลอ
สำหรับผู้ที่จะใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านผู้ชำนาญทางราคาเหมา 2500 บาท รับส่งจาก อบต.แม่สามแลบ ก็สอบถามไปทางบ้านบุญเลอได้เช่นกัน
การเดินทาง
สามารถไปได้หลายทางไม่ว่าจะจากจ.ตาก หรือจากจ.เชียงใหม่ เข้าแม่ฮ่องสอน
ส่วนตัวแล้วเดินทางจากเชียงใหม่ไปทางอ.ฮอด จนถึงตัวอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เราจะเข้าสู่ทางไปบ้านแม่คะตวน ขับไปต่อเรื่อยๆผ่านหลายหมู่บ้าน ให้สังเกตป้ายเส้นทางจุดชมวิวกลอเซโล,บ้านบุญเลอนะคะ
เราเลือกไปทางที่อ้อมกว่าคือเส้นทางระยะ22กม. ถนนเป็นทางที่มีการปรับเกลี่ยทางเทปูนพื้นเรียบ สลับกับดินแดง มีหลุมบ้างโดยรวมคือดีกว่าที่คิด และเป็นทางฝุ่นแต่ไม่โหดและยากเกินไป(เอาจริงวันที่ไปไม่ค่อยเจอฝุ่นเท่าไหร่คงเพราะก่อนหน้าฝนตก)
อีกทางคือเส้นทางระยะ18กม. เป็นทางที่เขาบอกว่าโหดและยาก อยู่ที่ผู้ขับชำนาญขนาดไหน เลือกที่เหมาะสมกับคนขับได้เลย
แต่เอาจริงถ้ามาทาง22กม. เดินทางง่ายนะ เพราะเริ่มมีการจัดการถนนให้ดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องไกลนี่สิ ไกลจริง
ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะแคมป์ที่จุดไหน แนะนำให้ไปเร็วและไปดูสถานที่จริงเลยว่าชอบจุดไหนก็เลือกจุดนั้น ถ้าอยากใกล้ชิดทะเลหมอกก็กลอเซโลเพราะพื้นที่จะอยู่ต่ำ แต่ถ้าอยากอยู่สูงหน่อยก็ไปบ้านบุญเลอ ไม่ว่าจะกางเต็นท์จุดไหนก็แล้วแต่ เราก็ไปแวะทุกจุดชมวิว ถ่ายรูปได้นะ
*ทุกที่ค่ากางเต็นท์100บาท/คน/คืน (นำเต็นท์และอุปกรณ์การแคมป์ไปเองนะคะ)
โดยจุดชมทะเลหมอกสุดปังที่ได้เห็นกันนั้นเรียกได้ว่ามีให้ชมกันแทบจะทุกวันตั้งแต่เดือนพ.ย.-ก.พ. ของทุกปี
เพราะด้านล่างนั้นมีแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่าแล้ว
จุดนี้ถือว่าเป็นเครื่องผลิตหมอกชั้นดี ที่ทำการผลิตได้แบบฟูจนเป็นทะเลหมอกเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ช่วงดึกๆจนถึงเกือบ11โมง น้อยมากที่ใครไปแล้วจะไม่ได้ชมทะเลหมอก ต้องเป็นคนบาปหนักเท่านั้นแหละที่จะไม่ได้เห็น (ล้อเล่นนะคะ) เอาจริงๆ ธรรมชาติเราไม่อาจกะเกณฑ์ได้100% ให้เป็นดังใจนึก มันก็คือทะเลหมอกเสี่ยงทาย เหมือนทุกที่นั่นแหละ แค่ที่นี่มี%ของการจะได้ชมทะเลหมอกเยอะกว่าที่อื่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะ100%นะที่มีให้เห็น
ไม่ว่าจะจุดชมวิวบ้านกลอเซโลหรือบ้านบุญเลอก็มีจุดชมวิวที่ต่างกันแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เลือกไม่ได้ก็ไปเยี่ยมชมทุกม่อนเลย ทุกจุดชมวิวเห็นทะเลหมอกหมด
และจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกที่สวยงามดึงดูดให้ใครก็อยากมาเยือน แต่sunset,Light and Shadowก็คือดี สนุกกับการถ่ายรูปไปเลยค่ะ
นอกจากนี้ดาวยังเต็มฟ้า360องศาไปเลย
ตื่นเช้ามาก็เจอวิวแบบนี้ แต่โล่งๆได้สักพักแหละ ไม่นานดอยแตก คนเยอะเลยในเช้าวันอาทิตย์
บรรยากาศดีดี อากาศเย็นสบาย ฟินนน
พระอาทิตย์ขึ้นหลังเขาทำให้ได้เห็นแค่ลำแสงส่องมา
พอด้านบนคนเริ่มเยอะ พวกเราเลยมูฟลงมายังด้านหลังซึ่งไม่ไกลจากบนจุดชมวิวมากนัก บริเวณนี้เป็นถนนรถสัญจร แต่ช่วงเวลานั้นไม่ค่อยมีรถผ่าน
และด้วยความที่อยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้เรายิ่งใกล้ชิดทะเลหมอกเข้าไปอีก
นี่คือแสงจริงๆที่ได้เห็นกับตา มันสวยมากๆเลย
กลับขึ้นมาทานอาหารเช้า ร้านก๋วยเตี๋ยว1เดียวของที่นี่
ร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด ว่าไปรสชาติใช้ได้อยู่นะ กินไปดูทะเลหมอกไป
กลับมายังแคมป์ เก็บเต็นท์เรียบร้อย ดอยแตกเมื่อเช้าได้สงบลง ในช่วงเวลา10โมงกว่าๆ ทะเลหมอกยังเต็มอยู่เลย เกือบๆ11โมงนู้นถึงค่อยจางหายไป
ข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ
-ทางที่ใช้สัญจรจะมีทั้งทางปูนและดินแดง มีหลุมบ่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเจอฝุ่นเยอะหากได้นั่งกระบะหลังควรเตรียมพร้อมป้องกันฝุ่นกันด้วย
แต่สำหรับเราในวันที่ไปนั้น ฝุ่นแทบไม่เจอ อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฝนน่าจะตก ทำให้พื้นถนนไม่มีฝุ่นมากตามที่คาดไว้ ถ้ามีของสัมภาระไว้ท้ายกระบะแนะนำให้หาอะไรคลุมกันฝุ่นไว้ ถุงดำก็ง่ายดี
-หากวันใดที่ฝนตก เส้นทางที่ไปอาจจะมีความยากขึ้นเท่าตัว พื้นจากฝุ่นจะกลายเป็นดินโคลน ฉะนั้นถ้าคนขับไม่ชำนาญพอ อย่าเพิ่งเสี่ยงค่ะ
-ระหว่างทางจะมีเด็กๆรอต้อนรับ ใครใคร่จะแบ่งปันขนมหรือสิ่งอื่นใดก็ตามแต่สะดวกของแต่ละคนได้เลย
-ในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่ายไม่สามารถใช้ได้ แต่!!!มีWifi 40บาท(สัญญาณค่อนข้างอ่อน หากในช่วงเวลาที่ใช้พร้อมๆกันก็แทบจะใช้ไม่ได้) ที่ม่อนเดียวดายนะคะ จุดชมวิวอื่นๆไม่แน่ใจว่ามีwifiหรือไม่
-ไม่มีไฟฟ้าใช้แสงดาวส่องสว่างแทน(ดาวเต็มฟ้ามาก)
-เราแคมป์ที่ม่อนเดียวดายมีห้องน้ำ3ห้องไม่มีไฟ สิ่งที่ควรมีคือไฟฉาย และจะบอกว่าน้ำค่อนข้างเย็น ถ้าใครจะอาบน้ำ แนะนำช่วงบ่ายแก่ๆ น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้น้ำอุ่น อาบได้สบาย แต่ถ้าใครจิตใจสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องอาบเนอะ แฮ่ะๆ
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้𝐟𝐨𝐥𝐥𝐨𝐰 𝐚𝐧𝐝 𝐮𝐩𝐝𝐚𝐭𝐞ที่เที่ยว
FB : ชอบเที่ยวมีไรปะ
https://www.facebook.com/BeCrazyAboutTravel/
IG : becrazyabout_travel
หรือจิ้มที่ลิ้งค์ >>> https://bit.ly/3GhLfRO
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้นี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
[CR] ทะเลหมอกสองแผ่นดิน จุดชมวิวสุดปังในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
ทะเลหมอกสองแผ่นดิน ชื่อเรียกจุดชมวิวพรมแดนระหว่างไทยและพม่า หลายคนอาจจะคุ้นแต่ชื่อ #กลอเซโล ซึ่งกำลังเป็นสถานที่ชมทะเลหมอกสุดฮิตในอ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
พื้นที่บนเขาสูงแห่งนี้คนพื้นถิ่นส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง
มีหลายหมู่บ้านที่อาศัยรวมกันอยู่ที่อ.สบเมย
โดยจุดชมวิวที่สามารถไปกางเต็นท์ชมทะเลหมอกได้จะมีหลักๆคือ2หมู่บ้าน
1.บ้านกลอเซโล ที่คุ้นกันดี ด้วยความชื่อแปลก ฟังแล้วติดหู หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าที่เราไปชมทะเลหมอกกันทุกๆม่อนนั้นเรียกว่า กลอเซโล แท้จริงแล้ว กลอเซโลคือชื่อหมู่บ้านนึงในอ.สบเมย
โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้อยู่ติดๆกันเริ่มจาก...
-ขุนกลอเซโล เบอร์ติดต่อ 0919261685 FB : ขุนกลอเซโล
-จุดชมวิวโรงเรียนบ้านกลอเซโลที่มีป้าย
-ม่อนบลอโจ
-ม่อนภพฟ้า
2.บ้านบุญเลอ คือจุดเริ่มต้นของจุดชมวิวที่นี่ โดยจะมีจุดกางเต็นท์ตามนี้...
-จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน อยู่ริมถนน ใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด (เป็นจุดชมวิวแรกที่มีมาก่อนกลอเซโล)
-จุดชมวิวพระธาตุบ้านบุญเลอ
-จุดชมวิวม่อนเดียวดาย ลานกางเต็นท์ที่อยู่สูงกว่ากลอเซโล พื้นที่กว้าง และเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำสาละวินได้ชัดอีกด้วย พวกเราแคมป์กันที่ม่อนเดียวดายนี่แหละค่ะ ห้องน้ำตามรูปเลยมี3ห้อง เบอร์ติดต่อ 0919417153 , 0919389394
-จุดชมวิวม่อนชมดาว จะอยู่ตรงข้ามกับม่อนเดียวดาย
-จุดชมวิวดอยโจโค๊ะ จุดนี้เพิ่งมาใหม่ อยู่ถัดไปจากม่อนเดียวดาย
ทุกจุดชมวิวบ้านบุญเลอสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : ทะเลหมอกสองแผ่นดิน บ้านบุญเลอ
สำหรับผู้ที่จะใช้บริการรถรับจ้างของชาวบ้านผู้ชำนาญทางราคาเหมา 2500 บาท รับส่งจาก อบต.แม่สามแลบ ก็สอบถามไปทางบ้านบุญเลอได้เช่นกัน
การเดินทาง
สามารถไปได้หลายทางไม่ว่าจะจากจ.ตาก หรือจากจ.เชียงใหม่ เข้าแม่ฮ่องสอน
ส่วนตัวแล้วเดินทางจากเชียงใหม่ไปทางอ.ฮอด จนถึงตัวอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เราจะเข้าสู่ทางไปบ้านแม่คะตวน ขับไปต่อเรื่อยๆผ่านหลายหมู่บ้าน ให้สังเกตป้ายเส้นทางจุดชมวิวกลอเซโล,บ้านบุญเลอนะคะ
เราเลือกไปทางที่อ้อมกว่าคือเส้นทางระยะ22กม. ถนนเป็นทางที่มีการปรับเกลี่ยทางเทปูนพื้นเรียบ สลับกับดินแดง มีหลุมบ้างโดยรวมคือดีกว่าที่คิด และเป็นทางฝุ่นแต่ไม่โหดและยากเกินไป(เอาจริงวันที่ไปไม่ค่อยเจอฝุ่นเท่าไหร่คงเพราะก่อนหน้าฝนตก)
อีกทางคือเส้นทางระยะ18กม. เป็นทางที่เขาบอกว่าโหดและยาก อยู่ที่ผู้ขับชำนาญขนาดไหน เลือกที่เหมาะสมกับคนขับได้เลย
แต่เอาจริงถ้ามาทาง22กม. เดินทางง่ายนะ เพราะเริ่มมีการจัดการถนนให้ดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องไกลนี่สิ ไกลจริง
ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะแคมป์ที่จุดไหน แนะนำให้ไปเร็วและไปดูสถานที่จริงเลยว่าชอบจุดไหนก็เลือกจุดนั้น ถ้าอยากใกล้ชิดทะเลหมอกก็กลอเซโลเพราะพื้นที่จะอยู่ต่ำ แต่ถ้าอยากอยู่สูงหน่อยก็ไปบ้านบุญเลอ ไม่ว่าจะกางเต็นท์จุดไหนก็แล้วแต่ เราก็ไปแวะทุกจุดชมวิว ถ่ายรูปได้นะ
*ทุกที่ค่ากางเต็นท์100บาท/คน/คืน (นำเต็นท์และอุปกรณ์การแคมป์ไปเองนะคะ)
โดยจุดชมทะเลหมอกสุดปังที่ได้เห็นกันนั้นเรียกได้ว่ามีให้ชมกันแทบจะทุกวันตั้งแต่เดือนพ.ย.-ก.พ. ของทุกปี
เพราะด้านล่างนั้นมีแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างพม่ากับไทย ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย เลยเรียกหมู่บ้านที่อยู่ลึกที่สุดของอ.สบเมย ว่าหมู่บ้านสบเมย ที่เมื่อมองผ่านแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามก็คือพม่าแล้ว
จุดนี้ถือว่าเป็นเครื่องผลิตหมอกชั้นดี ที่ทำการผลิตได้แบบฟูจนเป็นทะเลหมอกเกือบจะทุกวัน ตั้งแต่ช่วงดึกๆจนถึงเกือบ11โมง น้อยมากที่ใครไปแล้วจะไม่ได้ชมทะเลหมอก ต้องเป็นคนบาปหนักเท่านั้นแหละที่จะไม่ได้เห็น (ล้อเล่นนะคะ) เอาจริงๆ ธรรมชาติเราไม่อาจกะเกณฑ์ได้100% ให้เป็นดังใจนึก มันก็คือทะเลหมอกเสี่ยงทาย เหมือนทุกที่นั่นแหละ แค่ที่นี่มี%ของการจะได้ชมทะเลหมอกเยอะกว่าที่อื่น แต่โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะ100%นะที่มีให้เห็น
ไม่ว่าจะจุดชมวิวบ้านกลอเซโลหรือบ้านบุญเลอก็มีจุดชมวิวที่ต่างกันแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน เลือกไม่ได้ก็ไปเยี่ยมชมทุกม่อนเลย ทุกจุดชมวิวเห็นทะเลหมอกหมด
และจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ทะเลหมอกที่สวยงามดึงดูดให้ใครก็อยากมาเยือน แต่sunset,Light and Shadowก็คือดี สนุกกับการถ่ายรูปไปเลยค่ะ
นอกจากนี้ดาวยังเต็มฟ้า360องศาไปเลย
ตื่นเช้ามาก็เจอวิวแบบนี้ แต่โล่งๆได้สักพักแหละ ไม่นานดอยแตก คนเยอะเลยในเช้าวันอาทิตย์
บรรยากาศดีดี อากาศเย็นสบาย ฟินนน
พระอาทิตย์ขึ้นหลังเขาทำให้ได้เห็นแค่ลำแสงส่องมา
พอด้านบนคนเริ่มเยอะ พวกเราเลยมูฟลงมายังด้านหลังซึ่งไม่ไกลจากบนจุดชมวิวมากนัก บริเวณนี้เป็นถนนรถสัญจร แต่ช่วงเวลานั้นไม่ค่อยมีรถผ่าน
และด้วยความที่อยู่ในระดับที่ต่ำ ทำให้เรายิ่งใกล้ชิดทะเลหมอกเข้าไปอีก
นี่คือแสงจริงๆที่ได้เห็นกับตา มันสวยมากๆเลย
กลับขึ้นมาทานอาหารเช้า ร้านก๋วยเตี๋ยว1เดียวของที่นี่ ร้านก๋วยเตี๋ยวสองแผ่นดินน้องนัด ว่าไปรสชาติใช้ได้อยู่นะ กินไปดูทะเลหมอกไป
กลับมายังแคมป์ เก็บเต็นท์เรียบร้อย ดอยแตกเมื่อเช้าได้สงบลง ในช่วงเวลา10โมงกว่าๆ ทะเลหมอกยังเต็มอยู่เลย เกือบๆ11โมงนู้นถึงค่อยจางหายไป
ข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆ
-ทางที่ใช้สัญจรจะมีทั้งทางปูนและดินแดง มีหลุมบ่อบ้าง ส่วนใหญ่จะเจอฝุ่นเยอะหากได้นั่งกระบะหลังควรเตรียมพร้อมป้องกันฝุ่นกันด้วย
แต่สำหรับเราในวันที่ไปนั้น ฝุ่นแทบไม่เจอ อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฝนน่าจะตก ทำให้พื้นถนนไม่มีฝุ่นมากตามที่คาดไว้ ถ้ามีของสัมภาระไว้ท้ายกระบะแนะนำให้หาอะไรคลุมกันฝุ่นไว้ ถุงดำก็ง่ายดี
-หากวันใดที่ฝนตก เส้นทางที่ไปอาจจะมีความยากขึ้นเท่าตัว พื้นจากฝุ่นจะกลายเป็นดินโคลน ฉะนั้นถ้าคนขับไม่ชำนาญพอ อย่าเพิ่งเสี่ยงค่ะ
-ระหว่างทางจะมีเด็กๆรอต้อนรับ ใครใคร่จะแบ่งปันขนมหรือสิ่งอื่นใดก็ตามแต่สะดวกของแต่ละคนได้เลย
-ในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่ายไม่สามารถใช้ได้ แต่!!!มีWifi 40บาท(สัญญาณค่อนข้างอ่อน หากในช่วงเวลาที่ใช้พร้อมๆกันก็แทบจะใช้ไม่ได้) ที่ม่อนเดียวดายนะคะ จุดชมวิวอื่นๆไม่แน่ใจว่ามีwifiหรือไม่
-ไม่มีไฟฟ้าใช้แสงดาวส่องสว่างแทน(ดาวเต็มฟ้ามาก)
-เราแคมป์ที่ม่อนเดียวดายมีห้องน้ำ3ห้องไม่มีไฟ สิ่งที่ควรมีคือไฟฉาย และจะบอกว่าน้ำค่อนข้างเย็น ถ้าใครจะอาบน้ำ แนะนำช่วงบ่ายแก่ๆ น้ำได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้น้ำอุ่น อาบได้สบาย แต่ถ้าใครจิตใจสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องอาบเนอะ แฮ่ะๆ
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้