สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องราวอยากเล่า ระบาย และพูดคุยค่ะ
เรื่องเป็นปัญหาเรื้อรังมานานจนจำแทบไม่ได้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
ขอปูพื้นเรื่องพื้นฐานครอบครัวก่อนเลยละกันค่ะ
คุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้ค่ะ มีภรรยาหลายคน อาจจะเป็นความนิยมของผู้ชายโบราณไหมที่ต้องมีหลายคน(?) คุณแม่เป็นนักกฎหมายค่ะ ทุกอย่างต้องอยู่ในแผน อยู่ในกรอบเกณฑ์ และเมื่อความเป็นผู้นำของคุณแม่ชัดเจนมากขึ้น เลยทำให้ต้องแยกทางกับคุณพ่อตั้งแต่เรายังเล็กค่ะ
บ้านเรามีลูก 2 คนค่ะ พี่สาวและเรา(น้องสาว)
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว
เล่าถึงปัจจุบันเลยแล้วกันค่ะ
เรามีปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าค่ะ เป็นสภาวะ depress ที่ถึงขั้นคิดสั้น เป็นมาประมาณ 15 ปีได้แล้วค่ะ ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น ก็ตามวัยค่ะ เด็กๆ คงไม่พ้นเรื่องแฟน โตมาหน่อยก็เรื่องงานและเรื่องครอบครัว
ตอนนี้เราปล่อยวางได้บ้าง หากบางเรื่องมันอยู่เหนือการควบคุมของเรา เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ และถอยออกมาเยียวยาหัวใจตัวเอง แต่บางเรื่องก็อดปล่อยวางไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องของคนในครอบครัว
ความรู้สึกที่บ้านไม่ใช่บ้าน ครอบครัวเริ่มไม่เป็นครอบครัวคือในวันที่เราทะเลาะกับพี่สาวค่ะ (พี่สาวก็เป็นซึมเศร้าเหมือนกัน) วันนั้นพี่สาวอาละวาดและมีปากมีเสียงกัน ซึ่งปัญหาเกิดมาจากบุคคลที่สามและเราเข้าไปช่วยปรับความเข้าใจ แต่เรากลับโดนลูกหลงและโดนไล่ออกไป วันนั้นเราเลยเผลอทำร้ายตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักในรอบนี้ค่ะ
สุดท้าย ถึงเหตุการณ์นั้นเรามั่นใจว่าเราไม่ผิด แต่เราก็เลือกที่จะเข้าไปขอโทษเพื่อให้คำว่า "ครอบครัว" ได้เดินหน้าต่อไป ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมานั้น กลับเป็นว่าเราโดนต่อว่าเรื่องใช้อารมณ์ และบอกว่าไม่เป็นไร ให้อภัย ยังไงก็มีกันอยู่แค่นี้พี่น้อง
(บ้านเรา (แม่และพี่สาว) จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองผิด และมีทิฐิสูง)
หลังจากนั้น วันไหนที่เราเข้าบ้าน แม่จะบอกว่า "วันนี้พี่สาวอยู่บ้านนะ เค้าจะออกไปวัน...นะ"
เรารู้สึกว่า ทำไมแม่ไม่ใช่คนที่ประสานให้พี่น้องคืนดีกัน ทำไมแม่พยายามให้พี่น้องไม่ต้องเจอกัน
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านสักเท่าไร (เราอยู่คอนโดค่ะ พี่สาวก็มีคอนโดอยู่กับสามี) จนวันที่เราเลือกที่จะเข้าไปขอโทษพี่สาว และนัดเข้าบ้านพร้อมกัน โดยไม่ผ่านแม่ค่ะ ซึ่งการเจอของเราถามว่าเหมือนเดิมไหม... มันก็ไม่สนิทใจเหมือนแต่ก่อน แต่ก็คุยเล่นกันได้ค่ะ โดยรักษาระยะห่าง ส่วนแม่ก็ดีใจค่ะที่ลูกกลับมาคุยกัน
ทุกวันนี้ เรายังพบหมอจิตแพทย์เพื่อรับยาโรคซึมเศร้า และอยู่ในระยะปลอดภัยค่ะ กินยาตามปกติ แต่อย่างที่บอก จะมีตัวกระตุ้นคือเรื่องงานและเรื่องครอบครัว ซึ่งเรื่องงานเราทำใจแล้วค่ะ แต่เรื่องครอบครัวนี่ทำใจลำบากจริงๆ
เพราะทุกครั้ง (ขนาดนานๆ ครั้ง) เราได้รับแต่พลังลบจากแม่และพี่สาว พี่สาวที่เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ ส่วนเรานั้นทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจแม่ แม่ก็ชอบประชดประชัน น้อยใจ หรือเล่าปัญหาต่างๆ ข้างบ้านเสียงดัง หมาเห่ารบกวน ฯลฯ ทุกครั้งที่เข้าบ้านกลายเป็นจิตตกค่ะ หรือเข้าไปแล้วรู้สึกว่านี่ไม่ใช่บ้านเรา เอาของอะไรไปวางก็เกะกะรกบ้าน สมัยก่อนเวลาเราจะเข้าบ้านเค้าก็จะเตรียมของกิน เตรียมที่หลับที่นอน เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีค่ะ อืม... พอคิดไปคิดมา คงเพราะเราเข้าบ้านน้อยลงนั่นแหละ ถ้าเค้าจะไม่เตรียมให้ก็ไม่แปลกใช่ไหมคะ
จนมาวันนี้ ความรู้สึกจุก เจ็บ น้อยใจ ที่มักโดนเค้าประชด และพูดไม่ดีเข้าหู ที่มีอยู่มันหายไปหมดเลยค่ะ กลับกลายเป็นว่า... ถึงเวลาแล้วใช่ไหม ที่เราควรจะออกมาเยียวยาจิตใจตัวเอง เราแอบเสียใจนะคะ ที่ใจมันรู้อยู่เต็มอกว่า พ่อแม่เค้าให้กำเนิด เลี้ยงดูเรามา เราต้งดูแลเค้ายามเค้าแก่เฒ่า แต่ตอนนี้... เราคิดว่าหากเรายังอยู่ในลูปเดิมๆ แบบนี้ต่อไป ไม่รู้เราจะได้แก่เฒ่าหรือเปล่า 🤣
รู้สึกผิดค่ะ ที่เราเป็นแบบนี้ เราอยากดูแลเค้า แต่ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่เค้าสร้างขึ้น บวกกับความเป็นตัวของเราเอง มันเลยไม่สามารถไปด้วยกันได้ เราเลยกลับมาอยู่ในที่เซฟโซนของตัวเองคือคอนโดเราเองนี่ล่ะค่ะ และอยากออกมาระบายในนี้ด้วยค่ะ เคยเล่าโปรเจ็คสร้างบ้านตัวเองข้างๆ บ้านแม่ด้วยค่ะ คุณหมอบอกว่า ให้ผมแนะนำ คุณต้องแยกบ้านกับแม่คุณนะ คุณไม่ควรอยู่ร่วมกับเค้า 😂
และเราขอดีใจไปกับหลายๆ ครอบครัวที่อบอุ่นและฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกัน โดยทุกคนให้ความช่วยเหลือกันค่ะ
ปล. พอดีวันนี้เข้าบ้านไปค่ะ เราซื้อคุกกี้ร้านโปรดของคุณแม่มากิน แล้วแบ่งให้คุณแม่ 3 ชิ้น เราบอกแม่ว่า คุกกี้นี้จากร้านที่แม่ชอบนะ แต่ไม่ใช่แบบที่แม่กินประจำ อยากให้แม่ลองชิม ถ้าแม่เคี้ยวไหว ไม่แข็งเกินไป คราวหน้าถ้าคุกกี้ที่แม่กินประจำหมด จะได้ซื้ออันนี้มาแทน แม่ตอบเราว่า แล้วทำไมไม่ซื้ออันนั้นมาให้แม่ล่ะ! ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 😅
ปล2. อาทิตย์ก่อนเรากลับบ้านค่ะ แอบเจอทุเรียน 2 พลูอ้วนๆ เลยถามแม่ว่า อันนี้ซื้อมาเองหรือพี่เขยซื้อมา เค้าก็ตอบแบบอึกอักๆว่าเค้าซื้อมาเอง ตอนที่ซื้อเงินไม่พอ (แอบลากดราม่าเบาๆ) แล้วจบประโยคว่า เราจะแบ่งไปกินไหม ซึ่งเราก็ไม่ใช่ทุเรียนเลิฟเว่อค่ะ เราเลยปฏิเสธไป (ปกติแม่เราก็มีนิสัยหวงของกินด้วยค่ะ 🤣) เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปจันทบุรี แฟนให้ซื้อทุเรียนไปฝาก เราบอกว่าไม่ต้องฝาก เพราะแม่เพิ่งกินไป 2 พลูใหญ่ เดี๋ยวน้ำตาลขึ้น พอแม่รู้ว่าเราเอาผัดหมี่เส้นจันมาฝาก แม่ก็ไม่พอใจค่ะ เค้าคาดหวังว่าเราจะเอาทุเรียนมาฝาก แฟนเราเลยแบ่งทุเรียนที่เค้าซื้อให้ที่บ้าน มาให้แม่เรา 2 พลู โดนแม่ไม่พอใจไปอีกกรุบ 🤣
จริงๆ มีเยอะเคสค่ะ แต่ไว้เดี๋ยวมาเล่าต่อ
มนุดแม่ มนุดลูกนี่... 7 วัน 7 คืนก็ไม่จบเนอะ 😆
เมื่อรู้สึกว่าบ้านไม่ใช่บ้าน
เรื่องเป็นปัญหาเรื้อรังมานานจนจำแทบไม่ได้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
ขอปูพื้นเรื่องพื้นฐานครอบครัวก่อนเลยละกันค่ะ
คุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้ค่ะ มีภรรยาหลายคน อาจจะเป็นความนิยมของผู้ชายโบราณไหมที่ต้องมีหลายคน(?) คุณแม่เป็นนักกฎหมายค่ะ ทุกอย่างต้องอยู่ในแผน อยู่ในกรอบเกณฑ์ และเมื่อความเป็นผู้นำของคุณแม่ชัดเจนมากขึ้น เลยทำให้ต้องแยกทางกับคุณพ่อตั้งแต่เรายังเล็กค่ะ
บ้านเรามีลูก 2 คนค่ะ พี่สาวและเรา(น้องสาว)
เกริ่นมาพอสมควรแล้ว
เล่าถึงปัจจุบันเลยแล้วกันค่ะ
เรามีปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าค่ะ เป็นสภาวะ depress ที่ถึงขั้นคิดสั้น เป็นมาประมาณ 15 ปีได้แล้วค่ะ ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น ก็ตามวัยค่ะ เด็กๆ คงไม่พ้นเรื่องแฟน โตมาหน่อยก็เรื่องงานและเรื่องครอบครัว
ตอนนี้เราปล่อยวางได้บ้าง หากบางเรื่องมันอยู่เหนือการควบคุมของเรา เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ และถอยออกมาเยียวยาหัวใจตัวเอง แต่บางเรื่องก็อดปล่อยวางไม่ได้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องของคนในครอบครัว
ความรู้สึกที่บ้านไม่ใช่บ้าน ครอบครัวเริ่มไม่เป็นครอบครัวคือในวันที่เราทะเลาะกับพี่สาวค่ะ (พี่สาวก็เป็นซึมเศร้าเหมือนกัน) วันนั้นพี่สาวอาละวาดและมีปากมีเสียงกัน ซึ่งปัญหาเกิดมาจากบุคคลที่สามและเราเข้าไปช่วยปรับความเข้าใจ แต่เรากลับโดนลูกหลงและโดนไล่ออกไป วันนั้นเราเลยเผลอทำร้ายตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแตกหักในรอบนี้ค่ะ
สุดท้าย ถึงเหตุการณ์นั้นเรามั่นใจว่าเราไม่ผิด แต่เราก็เลือกที่จะเข้าไปขอโทษเพื่อให้คำว่า "ครอบครัว" ได้เดินหน้าต่อไป ซึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมานั้น กลับเป็นว่าเราโดนต่อว่าเรื่องใช้อารมณ์ และบอกว่าไม่เป็นไร ให้อภัย ยังไงก็มีกันอยู่แค่นี้พี่น้อง
(บ้านเรา (แม่และพี่สาว) จะเป็นแบบนี้แหละค่ะ ไม่คิดว่าตัวเองผิด และมีทิฐิสูง)
หลังจากนั้น วันไหนที่เราเข้าบ้าน แม่จะบอกว่า "วันนี้พี่สาวอยู่บ้านนะ เค้าจะออกไปวัน...นะ"
เรารู้สึกว่า ทำไมแม่ไม่ใช่คนที่ประสานให้พี่น้องคืนดีกัน ทำไมแม่พยายามให้พี่น้องไม่ต้องเจอกัน
หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านสักเท่าไร (เราอยู่คอนโดค่ะ พี่สาวก็มีคอนโดอยู่กับสามี) จนวันที่เราเลือกที่จะเข้าไปขอโทษพี่สาว และนัดเข้าบ้านพร้อมกัน โดยไม่ผ่านแม่ค่ะ ซึ่งการเจอของเราถามว่าเหมือนเดิมไหม... มันก็ไม่สนิทใจเหมือนแต่ก่อน แต่ก็คุยเล่นกันได้ค่ะ โดยรักษาระยะห่าง ส่วนแม่ก็ดีใจค่ะที่ลูกกลับมาคุยกัน
ทุกวันนี้ เรายังพบหมอจิตแพทย์เพื่อรับยาโรคซึมเศร้า และอยู่ในระยะปลอดภัยค่ะ กินยาตามปกติ แต่อย่างที่บอก จะมีตัวกระตุ้นคือเรื่องงานและเรื่องครอบครัว ซึ่งเรื่องงานเราทำใจแล้วค่ะ แต่เรื่องครอบครัวนี่ทำใจลำบากจริงๆ
เพราะทุกครั้ง (ขนาดนานๆ ครั้ง) เราได้รับแต่พลังลบจากแม่และพี่สาว พี่สาวที่เอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ ส่วนเรานั้นทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจแม่ แม่ก็ชอบประชดประชัน น้อยใจ หรือเล่าปัญหาต่างๆ ข้างบ้านเสียงดัง หมาเห่ารบกวน ฯลฯ ทุกครั้งที่เข้าบ้านกลายเป็นจิตตกค่ะ หรือเข้าไปแล้วรู้สึกว่านี่ไม่ใช่บ้านเรา เอาของอะไรไปวางก็เกะกะรกบ้าน สมัยก่อนเวลาเราจะเข้าบ้านเค้าก็จะเตรียมของกิน เตรียมที่หลับที่นอน เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีค่ะ อืม... พอคิดไปคิดมา คงเพราะเราเข้าบ้านน้อยลงนั่นแหละ ถ้าเค้าจะไม่เตรียมให้ก็ไม่แปลกใช่ไหมคะ
จนมาวันนี้ ความรู้สึกจุก เจ็บ น้อยใจ ที่มักโดนเค้าประชด และพูดไม่ดีเข้าหู ที่มีอยู่มันหายไปหมดเลยค่ะ กลับกลายเป็นว่า... ถึงเวลาแล้วใช่ไหม ที่เราควรจะออกมาเยียวยาจิตใจตัวเอง เราแอบเสียใจนะคะ ที่ใจมันรู้อยู่เต็มอกว่า พ่อแม่เค้าให้กำเนิด เลี้ยงดูเรามา เราต้งดูแลเค้ายามเค้าแก่เฒ่า แต่ตอนนี้... เราคิดว่าหากเรายังอยู่ในลูปเดิมๆ แบบนี้ต่อไป ไม่รู้เราจะได้แก่เฒ่าหรือเปล่า 🤣
รู้สึกผิดค่ะ ที่เราเป็นแบบนี้ เราอยากดูแลเค้า แต่ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่เค้าสร้างขึ้น บวกกับความเป็นตัวของเราเอง มันเลยไม่สามารถไปด้วยกันได้ เราเลยกลับมาอยู่ในที่เซฟโซนของตัวเองคือคอนโดเราเองนี่ล่ะค่ะ และอยากออกมาระบายในนี้ด้วยค่ะ เคยเล่าโปรเจ็คสร้างบ้านตัวเองข้างๆ บ้านแม่ด้วยค่ะ คุณหมอบอกว่า ให้ผมแนะนำ คุณต้องแยกบ้านกับแม่คุณนะ คุณไม่ควรอยู่ร่วมกับเค้า 😂
และเราขอดีใจไปกับหลายๆ ครอบครัวที่อบอุ่นและฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกัน โดยทุกคนให้ความช่วยเหลือกันค่ะ
ปล. พอดีวันนี้เข้าบ้านไปค่ะ เราซื้อคุกกี้ร้านโปรดของคุณแม่มากิน แล้วแบ่งให้คุณแม่ 3 ชิ้น เราบอกแม่ว่า คุกกี้นี้จากร้านที่แม่ชอบนะ แต่ไม่ใช่แบบที่แม่กินประจำ อยากให้แม่ลองชิม ถ้าแม่เคี้ยวไหว ไม่แข็งเกินไป คราวหน้าถ้าคุกกี้ที่แม่กินประจำหมด จะได้ซื้ออันนี้มาแทน แม่ตอบเราว่า แล้วทำไมไม่ซื้ออันนั้นมาให้แม่ล่ะ! ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 😅
ปล2. อาทิตย์ก่อนเรากลับบ้านค่ะ แอบเจอทุเรียน 2 พลูอ้วนๆ เลยถามแม่ว่า อันนี้ซื้อมาเองหรือพี่เขยซื้อมา เค้าก็ตอบแบบอึกอักๆว่าเค้าซื้อมาเอง ตอนที่ซื้อเงินไม่พอ (แอบลากดราม่าเบาๆ) แล้วจบประโยคว่า เราจะแบ่งไปกินไหม ซึ่งเราก็ไม่ใช่ทุเรียนเลิฟเว่อค่ะ เราเลยปฏิเสธไป (ปกติแม่เราก็มีนิสัยหวงของกินด้วยค่ะ 🤣) เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปจันทบุรี แฟนให้ซื้อทุเรียนไปฝาก เราบอกว่าไม่ต้องฝาก เพราะแม่เพิ่งกินไป 2 พลูใหญ่ เดี๋ยวน้ำตาลขึ้น พอแม่รู้ว่าเราเอาผัดหมี่เส้นจันมาฝาก แม่ก็ไม่พอใจค่ะ เค้าคาดหวังว่าเราจะเอาทุเรียนมาฝาก แฟนเราเลยแบ่งทุเรียนที่เค้าซื้อให้ที่บ้าน มาให้แม่เรา 2 พลู โดนแม่ไม่พอใจไปอีกกรุบ 🤣
จริงๆ มีเยอะเคสค่ะ แต่ไว้เดี๋ยวมาเล่าต่อ
มนุดแม่ มนุดลูกนี่... 7 วัน 7 คืนก็ไม่จบเนอะ 😆