ตามติดชีวิตพระเวสสันดร (มหาเวสสันดรฉบับแฟนฟิค) กัณฑ์2 บ้านขนมหวาน

กระทู้สนทนา
ตอนก่อนหน้าตอนที่ 1 กัณฑ์ กาลิงครัฐ

กัณฑ์ บ้านขนมหวาน
          เช้าวันต่อมาทั้งสี่พระองค์ออกเดินทางไปสู่เขาวงกตด้วยเกวียนที่องค์สีวิราชเตรียมให้  เมื่อ
ถึงบริเวณสระโบกขรณีอันเป็นพื้นที่ร่มรื่นมีพืชผลอุดมสมบูรณ์  พวกเขาก็ช่วยกันสร้างอาศรมหลัง
เล็ก ๆ โดยใช้ไม้ทำเป็นโครงแล้วมุงหลังคาด้วยใบไม้ขนาดใหญ่  
          หลังจากสี่พระองค์ค้างแรมได้เพียงคืนเดียวก็มีชาวบ้านจากแคว้นกาลิงคะและแคว้นมัททะ
ที่รู้ข่าว  พากันมาขอทรัพย์สิน ของใช้ต่าง ๆ ไปคนละอย่างสองอย่าง  จนเหลือแต่เพียงของใช้จำเป็น
เพื่อการยังชีพเท่านั้น
 
          กลางดึกคืนหนึ่งพระนางมัทรีทรงพระสุบินว่า  บนโต๊ะเสวยมีถาดซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเมี่ยง
คำหลากชนิดจัดอยู่ในกระทงพร้อมด้วยน้ำราด  พระองค์เห็นแล้วน้ำลายสอจึงใช้ช้อนตักส่วนผสม
ต่างๆ มาใส่ในใบชะพลูห่อได้สองชิ้น  จากนั้นค่อยทยอยใส่เข้าปากอมโดยไม่ได้เคี้ยว  ไม่นานนัก
ก็มือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาง้างปากของเธอแล้วแย่งเอาเมี่ยงคำไป  หญิงสาวพยายามเอื้อมมือทั้งสองไป
ไขว่คว้าแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
 
            วันต่อมามีหญิงชราคนหนึ่งมาแอบซุ่มดูหลังพุ่มไม้ใกล้กับที่พักของพระเวสสันดร  
          “เดี๋ยวฉันจะออกไปหาผลไม้นะพี่  ฝากดูแลลูกๆ ด้วยนะ”  พระนางมัทรีกล่าวฝากฝังลูกทั้งสอง
ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
          “ได้จะ  พี่จะดูแลเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วงหรอก”
         พอเธอเดินออกไปไกลแล้วหญิงแปลกหน้าค่อยเข้ามาหาราชบุตรและแสร้งพูดว่า  
“พระเวสสันดรผู้มีน้ำใจอันประเสริฐ  ดิฉันเห็นว่ามีผู้คนมากมายพากันมาขอสิ่งของต่างๆ จากพระองค์
มากมาย  กรุณาประทานของให้แก่ดิฉันสักเล็กน้อยเถิดพระเจ้าค่ะ”
            “เราให้ทรัพย์สินต่างๆ ไปมากจนไม่เหลืออันใดจะให้ใครแล้ว  จะเหลือก็แต่ภรรยาและลูกทั้งสอง”
            “ถ้าเช่นนั้นดิฉันขอบุตรธิดาของพระองค์ไปช่วยงานทำขนมที่บ้านของดิฉันได้หรือไม่เจ้าคะ”
            พระองค์ตรองอยู่ก่อนเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า  “เราเองก็ไม่ขัดข้องอันใดหรอก  แต่ลูกๆ 
ทั้งสองของเราโตมาในพระราชวังสบายจนเคยตัว  จะฝึกสอนให้ทำงานคงมิใช่เรื่องง่าย  อีกอย่าง
ชายาของเราก็รักใคร่ทั้งสองดั่งแก้วตาดวงใจ  หากเราให้ไปโดยมิได้ไถ่ถามเสียก่อนคงจะไม่เหมาะสม”
            “การประทานทรัพย์สินอันมีค่าทั้งหลายของพระองค์เป็นมหาทานอันยิ่งใหญ่  ดั่งมหานทีที่ไหลไป
สร้างความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์แก่ผู้คนมากมาย  แต่หากท่านประทานพระโอรสพระธิดาอันเป็นที่รักก็จะยิ่ง
ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น  ดั่งโลกทั้งใบที่มีแผ่นดินเจ็ดทวีป  โอบล้อมไปด้วยมหาสมุทรทั้งสี่ถึงเจ็ดสิบเอ็ด
เปอร์เซนต์ของผิวโลก  นอกจากนี้ยังห่อหุ้มด้วยชั้นบรรยากาศอีกห้าชั้น  และยังมีสนามแม่เหล็กซึ่งช่วย
ป้องกันรังสีและอนุภาคหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อสรรพชีวิตบนโลก  จำนวนสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกมีมาก
มายมากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนชนิด  นักชีววิทยาจึงแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ห้ากลุ่มอันได้แก่  มอเนอรา  
โพรทิสตา  ฟังไจ  พืช  และสัตว์”
            พระเวสสันดรยังไม่มีท่าทีที่จะยกกุมารทั้งสองให้เธอจึงสาธยายต่อไปว่า  “โลกนั้นมีความยาวรอบ
วงหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบเจ็บกิโลเมตร  หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงสุดที่บริเวณเส้นศูนย์
สูตรด้วยความเร็วหนึ่งพันเจ็ดร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง  เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงหรือหนึ่งวันต่อรอบ  ขณะ
เดียวกันก็เคลื่อนที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วสามสิบกิโลเมตรต่อวินาที  ใช้เวลาสามร้อยหกสิบ
ห้าจุดสองห้าวันซึ่งก็คือหนึ่งปี”
            ราชบุตรนั่งลงกับพื้น  
           “หากท่านประทานบุตรธิดาให้กับดิฉัน  ผู้คนทั้งหลายจะสรรเสริญน้ำพระทัยของพระองค์ที่แสน
ยิ่งใหญ่ไพศาลมีรัศมีอันเจิดจ้าดังดวงอาทิตย์  แผ่ไปยังดวงดาวต่างๆ ตั้งแต่พุธ  ศุกร์  โลก  อังคาร  
พฤหัสบดีและเสาร์  ให้สว่างไสวและอบอุ่น”  เขายังคงเงียบเฉยหญิงชราเลยบรรยายต่อว่า  “ต่อมาเมื่อ
วิทยาการพัฒนามากขึ้นก็ได้มีการค้นพบดาวยูเรนัส  เนปจูน  และพลูโต  ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ชั้นนอก
ของระบบสุริยจักรวาล  ทว่าหลังจากนั้นสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลได้วิเคราะห์ลักษณะของดาวพลูโต
แล้วก็พบว่า  มีคุณสมบัติบางอย่างที่ไม่สามารถจัดเป็นดาวเคราะห์ได้จึงถูกลงลำดับให้เป็นดาวเคราะห์
แคระ”
            พระเวสสันดรเริ่มหาวด้วยความเบื่อหน่าย  “พอเถอะแม่เฒ่าเราไม่อยากฟังท่านต่อไปแล้ว  
เราจะยกลูกทั้งสองให้ก็ได้  แต่ของให้ลูกทั้งสองของเราได้มีโอกาสบอกลากับแม่ของพวกเขาก่อนเถิด”
            “ไม่นานมานี้หลังจากศึกษาวงโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  นักดาราศาสตร์
ค้นพบว่าวงโคจรที่เป็นวงรีของดาวเคราะห์ต่างๆ  เมื่อนำมารวมกันแล้ว  มีน้ำหนักเอนเอียงไปทางด้าน
หนึ่งของดวงอาทิตย์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด  หลายๆ คนจึงมีข้อสันนิษฐานที่ว่า  ยังมีดาวเคราะห์อีก
อย่างน้อยหนึ่งดวงโคจรอยู่วงนอกนอกเหนือจากดาวพลูโตไปแล้ว  ซึ่งดาวเคราะห์ที่เหลือที่ยังไม่ค้นพบ
นี้น่าจะมีมวลมากพอๆ กับดาวดวงอื่นๆ นำมารวมกัน”
            ถึงแม้ว่าเขาจะลุกขึ้นเดินหนีไปแล้วแต่เธอก็ยังตามไม่ลดละ    
            “นอกจากระบบสุริยะของเราก็ยังมีระบบแบบเดียวกันอีกมากมาย  ระบบสุริยะที่ใกล้เรามากที่สุด
คือพร็อกซีมาเซนทอรี่ซึ่งห่างออกไปประมาณสี่จุดสองปีแสง  นั่นก็หมายถึงว่า  ถึงแม้ว่าเราจะเดินทาง
ได้ด้วยความเร็วเท่ากับแสง  คือสองร้อยเก้าสิบเก้าล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นสองพันสี่ร้อยห้าสิบแปดเมตร
ต่อวินาที  ก็ยังต้องใช้เวลาถึงสี่จุดสองปีในการเดินทางไปถึงที่นั่น”
            “ชาลี  กัณหา  พวกเธออยู่ไหนกันรีบออกมาเถิดพ่อทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว”  ราชบุตรตะโกน
เสียงดังออกมา
           ทันใดนั้นเด็กชายก็ปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ก่อนจะเอื้อมมือไปจูงมือน้องสาวของตนตามมา
ด้วย  “กระผมยอมไปกับแม่เฒ่าแล้ว”  
           ด้วยชาลีเป็นผู้มีความกตัญญูรู้คุณของบิดาจึงได้ขอเสนอตัวช่วยเหลือแต่โดยดี  แต่กัณหากลับ
กอดอกทำหน้างอด้วยความไม่พอใจและคิดขุ่นเคืองในใจว่า  ‘ท่านพ่อยกเราให้คนอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร  
คงจะไม่รักเราแล้วกระมัง’
           หญิงชราเห็นดังนั้นจึงหยิบคุกกี้ออกมาจากย่ามก่อนจะยื่นให้สองกุมาร  “ยายมีขนมแสนอร่อย
ให้คนละชิ้นนะ”
           เด็กชายรับมาทานอย่างว่าง่ายทว่าเด็กหญิงกลับเบือนหน้าหนี้  แม่เฒ่าจึงนำขนมชิ้นนั้นมาจ่อ
ที่หน้าของเธอหวังจะให้กินจงได้  “ลองทานสักหน่อยเถิดแม่หนู  คุกกี้สูตรนี้เป็นสูตรพิเศษไม่เหมือน
ที่อื่นใดในปฐพี  อร่อยมากๆ เลยนะ”
           กัณหารู้สึกรำคาญที่หญิงแปลกหน้าคะยั้นคะยอไม่ยอมเลิก  เลยใช้มือปัดมันอย่างแรงจนตกลง
สู่พื้นและแตกออกเสี่ยงๆ
           หญิงชราเห็นอย่างนั้นก็โมโหสีหน้าเปลี่ยนเป็นดุดันในทันที  เธอคว้าแขนข้างหนึ่งของเด็กน้อย
มาตีที่หลังมือ  “นี่แน่นางเด็กดื้อ  ให้ขนมแล้วไม่ยอมกินแถมยังทำเสีย  ถ้าเช่นนี้ก็จงรีบไปกับเราเสียอย่า
ได้ชักช้า”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่