อยากให้อ่านก่อนครับ

1. ผมเป็นคนนึงที่ให้ลูกใช้คาร์ซีทมาตลอด แต่ไม่เห็นด้วยที่เรื่องราวมันจะดำเนินไปถึงขั้น ปรับ

2. ปกติการออกกฎหมายใดๆ จนถึงขั้นปรับได้นั้น (และระบุตัวผู้กระทำผิดว่าเป็น "ผู้ต้องหา" ซึ่งคำนี้แรงนะ)
มันต้องมีองค์ประกอบสำคัญคือ การสร้างความเดือดร้อน ต่อสังคมวงกว้างมิใช่หรือ

ซึ่งการไม่ใช้คาร์ซีท มันไปกระทบบุคคลอื่นภายนอกรถอย่างไร ผมยังมองไม่ออกจริงๆ
 
3. คาร์ซีทอาจไม่ใช่คำตอบ เพราะแม้จะมีข่าวเด็กรอดจากอุบัติเหตุ
แต่ก็มีไม่น้อยที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน (อย่างโพสท์นึงของคนใน FB) เพียงแค่ไม่ค่อยเป็นข่าว
 
4. คำตอบจริงๆ น่าจะต้องแก้ไขวิธีสอนขับรถให้ทุกคนได้เข้าถึง "สำนึกด้านความปลอดภัย" ที่ดีขึ้นยิ่งกว่านี้ต่างหาก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่นี่ผมยังเห็นคลิปการต่อใบขับขี่ที่ น่าสนใจต่ำ อยู่เลย เช่นการเอาผู้ใหญ่ของหน่วยงานมาพูดเป็นชั่วโมง เหมือนให้เกียรติกันเอง
แต่คนนอกจะรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน อยากติดตามและควรสนใจหรือไม่
เคยมีการวัดผลโดยให้ประชาชนได้เข้าถึงง่ายๆ และเห็นอย่างโปร่งใสไหมครับ ?

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำไมถึงไม่เอาคนไทยที่ดังๆ อย่าง Influฯ เกิดใหม่ตามเพจต่างๆ หรือไอดอล
มาเข้าฉากตามบท อย่างเป็นระบบ โดยใช้เอเจนซี่มืออาชีพมาถ่ายทำ
แล้วให้คนของรัฐไปคุมงานแทน ในฐานะลูกค้า
 
แต่ก็นะ ถ้าทำแบบนั้นมันจะกลายเป็นงานของภาครัฐโดยตรง
ที่บอกว่าไม่มีงบ แต่จริงๆ ถ้าเบิกกันจ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่แพงเกินความจริง
ผมมองว่ายังไงก็มีเหลือเอามาพัฒนาประเทศได้จริง เช่นเรื่องนี้

ถึงสงสัยไงว่า งานนี้เหมือนภาครัฐและรัฐบาล อยากจ่ายน้อยที่สุด
(จนถึงไม่จ่ายเลย และยิ่งกว่านั้นคือ ไม่ให้ กระทบเงินของตัวเอง) รึเปล่า

แต่อยากให้เด็กไม่หายไปมากกว่านี้ จากอุบัติเหตุในขณะเดียวกัน

ถ้าใช่ คนคิดนี่คือแยบยลมากนะ
ได้ทุกทางไม่มีเสีย แล้วปล่อยประชาชนทะเลาะกันเอง
และที่สุดยิ่งกว่านั้นคือ ได้ใจประชาชนที่เป็นกลุ่มไม่ชอบรัฐบาลด้วย
 
ซึ่งถ้าเด็กหายไปมากกว่านี้ ในยุคที่การเกิดลดลงจากพิษเศรษฐกิจ
 
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่แรงงานในอนาคตหาย อย่างที่ป่าวประกาศเท่านั้น
 
แต่จำนวนคนที่ต้องกินต้องใช้ จนสามารถเก็บภาษีต่างๆ ได้
โดยเฉพาะตัวใหญ่สุดก็คือ VAT
จะลดลงด้วย
ส่งผลให้การซื้อลดลง คนที่เดือดร้อนคือบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่หรือไม่