การข่มขืนเด็ก ข่าวในอดีต ที่ผมจำความได้ คือ ช่วงก่อนต้มยำกุ้ง มีข่าวผู้ว่าฯ สั่งทุบห้องน้ำโรงเรียนที่เสี่ยงเกิดเหตุข่มขืน เพราะมีกรณีเด็กสี่ขวบโดนขี้ยาติดคุกซ้ำซาก (ครั้งนี้ก่อเหตุหลังได้ออกคุกได้เพียง 7 วัน) ข่มขืนฆ่าตาย คาห้องน้ำโรงเรียน (ฆาตกรโดนประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า หลังอุธรณ์ 3 ศาล + ถวายฎีกา)
จากข้อมูลที่สามารถใช้ในการตลาด ความเมายืนหนึ่ง 30% ของแรงดลใจให้ข่มขืน (นั่งกินเหล้ากับใคร ในกลุ่ม 4 คน จะมีคนนึงแน่ๆ ที่อยากข่มขืนใครสักคน) 51.2% เหยื่อคือนักเรียน นศ ส่วนเหยื่อเป็นเด็กมีอยู่ 6.6% เอาจริงแล้วผมไม่รู้ว่า จะมีกี่ % ในกลุ่ม 51% ที่อายุ 13 ลงมา แล้วแปะกับกลุ่ม 6.6% นั่นล่ะคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขณะที่หลายคนพร้อมมีลูก และบางทีก็ใช้เงินมีลูกได้ง่ายๆ แต่หลายคนมีลูกโดยใช้เงินคนอื่น หรือไข่ทิ้งไว้แล้วให้เหยื่อรับกรรม (สูญทั้งทรัพยากร เวลา สุขภาพกายใจ จะหาทางกฎหมายเข้าสู้ก็ยาก) แล้วพอเติบโตค่อยชิงอุ้มมาดูแลเอง สิ่งที่จะทำให้เกิดความสบายใจเมื่อเค้าต้องเจอโลก คือ ทุกความเสียหาย ต้องมีคนชดเชย เยียวยา
ยุคนี้นอกจากการโดนทารุณกรรมตามสไตล์สคูลเดย์ เด็กเกเรโิดมิเนต คนอื่นอุ้มไปเรียกค่าไถ่ หรือเรื่องง่ายๆ เช่นร่วงจากรถประจำทาง หรือโดนขังในรถแล้วรถตากแดด ไถรถเข็นหัดเดินไปเจอสิบล้อ หรือวันว่างเด็กอยากเล่นน้ำแต่ดันจมหาย เหตุที่ทำให้การระดมทุนจ้อยเวนเจ้อเลี้ยงลูกต้องชะงักอย่างรุนแรง ที่ฮอตที่สุดในยุคนี้ คือ ลูกโดนข่มขืน โดยคนในเครือ คนในโรงเรียน หรือคนในสังคม รุกล้ำทำให้เกิดความทุกข์ใจ หรือเกิดความฉีกขาดเสื่อมสึกหรอ
ทุกวันนี้ด้วยอีกคมดาบหนึ่งของยุคออนไลน์ ที่ดัดหลังพวกหื่นในคราบผู้ประสาทวิชา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใหญ่ ญาติ สื่อออกข่าว กระบวนการยุติธรรมทำงาน มีคนมากมายหลายชนชั้นต้องโดนคดีทางเพศ จากเดิมที่ก่อเหตุแล้วคิดว่าจะไร้ร่องรอยหรือเอาตัวรอดได้ ปัญหาคลาสสิกคือการโดนล่วงละเมิดแบบออฟไลน์ มีความเสียหายทางกายภาพ มี dna ปรากฏ พ่อแม่เห็นลูกรักเดินกระท่อนกระแท่น มือไม้ไปสัมผัสบริเวณหนึ่งของร่างกายผิดสังเกต เจอร่อยรอยช้ำแผลเวลาอาบน้ำดูแลกายลูกรัก พวกเขาคิดแล้วว่าลูกรักของเขาน่าจะต้องไปตรวจร่างกายและไปโรงพัก บางทีลูกหกล้ม มีดบาด น้ำร้อนลวก หรือเป็นไข้ ท้องเสีย ไอแค่กๆ ก็อาจไม่มีแรงดลใจให้คิดร้ายและกังวลเท่านี้
กฎหมายมีการกำหนดสเปกตายตัวแบเบออยู่แล้วว่า ถ้าเหยื่ออายุ 13 ลงมา อาชญากรจะแก้ตัวยังไงก็เสียเปล่า แต่ปัญหาคืออะไร เหยื่อบางคนคือลูกคนจน (ผมนิยามว่า คนจนคือ มีงบเฉลี่ยไม่ถึง 2 ล้านบาท/ปี (2565) เลี้ยงทารกจนเด็กอายุถึง 13 ปี) แต่ถึงจนก็มีปณิธานที่จะสืบเผ่าพันธุ์ (สมมติเรื่องคดีความมีความเที่ยงตรงไม่เกียร์ว่าง ทำให้ต้องตัดออกไปจากปัญหา) สิ่งที่ต้องตามมาคือต้องรักษาแผลร่องรอย ทำแท้ง ตรวจการแปดเปื้อน ติดตามความเสี่ยงเกิดเนื้องอก มะเร็งปากมดลูก เริม ตับอักเสบ เอดส์ เยียวยาสุขภาพใจ อาจต้องพักผ่อนเปลี่ยนที่อยู่ โดยหน่วยจิตอาสา เอนจีโอ หรือภาครัฐ มันอาจไม่เพียงพอทำให้ขาบุพการีแข็งแรงลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป ไม่มองลูกรักที่ผ่านเรื่องนี้มาคือมนุษย์ที่พังแล้ว ลามไปโทษกันไปกันมาว่าผู้ปกครองฝั่งไหนบกพร่อง จนต้องครอบครับแตกสลาย เพราะ move on ต่างคนต่างไป แล้วทิ้งเหยื่อไว้ มันง่ายกว่า
บริษัทประกันน่าจะเข้ามาฉวยโอกาสนี้ ออกผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อลูกรัก โดยเฉพาะเคสนี้ เพราะตอนนี้มีการเร่งเร้าให้คนเลี้ยงลูกมีรถขับต้องซื้อคาร์ซีทได้ แปลว่าคนอื่นก็น่าเร่งเร้าให้ซื้ออย่างอื่นได้ (เช่นผ้าอ้อมละมุนก้น นมผงกินแล้วเก่ง) แค่จี้จุดว่า "เพื่อลูกรัก" แค่นี้ก็มีคนแห่กันเข้ามาแล้ว ประกันจะมีจุดเด่นคือ ได้เจอหมอที่ดีที่สุดเพื่อรักษากาย และเจอสภาพแวดล้อมและบุคคลที่สบายใจที่สุด ปลอดภัยที่สุด เพื่อเยียวยาจิตใจ พร้อมด้วยเงินปลอบขวัญแก่ผู้ปกครองตามกฎหมายก้อนโต รวมทั้งมีทีมกฎหมายขับเคลื่อนคดีความจนสุดทาง และจิตแพทย์เพื่อเหยื่อและผู้ปกครอง นี่น่าจะเพอเฟคมากแล้ว
ใครมีประกันแบบนี้ออกมาขายเจ้าแรก ตัวแทนและบริษัทจะมั่งคั่ง และจะเป็นสิ่งที่คนนึกถึงเป็นที่แรก เพราะไม่ต้องไปเซลตามบ้านตามโรงเรียนให้เหนื่อย เดี๋ยวคนเป็นล้านๆ จะแห่มาซื้อประกันนี้เอง เชื่อผมดิ ใครขาดทุนจากขายประกันเจอจ่ายจบ การเปิดขายประกันตัวนี้จะทำให้เงินไหลมาเทมา บริษัทจะฟื้น สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น
จงทำประกันแบบนี้ออกมาขายซะ ทำ ads tvc tvcf ดีๆ กินใจๆ และออกแพคเกจประกันขายให้ได้ในปีนี้ (ยิ่งตอนนี้เด็กเรียน onsite กันหมด คดีล่วงละเมิดจะต้องมีแน่ ตีไปเดือนละ 10 เคส) เปิดแพคเกจใหม่ต้องจัดโปรลดราคาให้ลูกค้าอายุต่ำกว่า 6 ปี เพื่อให้เอาไปซื้อคาร์ซีท คุณจะดี คุณจะปัง ผมดูดวงเมืองแล้วเดาทางไม่ค่อยพลาด (สิ่งที่ผมทราบคือธุรกิจตัณหา อบายมุก จะมีโอกาสขึ้นมาบนดินในปีนี้ ตอนนี้ธุรกิจโทเคนเทรดเงินคริปโตก็มีกระแส สลากกินแบ่งซื้อผ่านแอพก็จะขึ้นมาบนดินแล้ว แล้วจะมีคนก่ออาชญากรรมมากขึ้นแน่ๆ) ผมมองว่า ประกันเพื่อลูกรักแพคเกจนี้ จะเป็นหนึ่งในมาแรงแน่นอน และเราน่าจะเป็นที่แรกของโลกด้วยซ้ำไปfff
ผมไม่กล้าเห็นด้วยหากใครอยากมีลูก จนกว่าจะมี ประกันลูกรักโดนล่วงละเมิดทางเพศ
จากข้อมูลที่สามารถใช้ในการตลาด ความเมายืนหนึ่ง 30% ของแรงดลใจให้ข่มขืน (นั่งกินเหล้ากับใคร ในกลุ่ม 4 คน จะมีคนนึงแน่ๆ ที่อยากข่มขืนใครสักคน) 51.2% เหยื่อคือนักเรียน นศ ส่วนเหยื่อเป็นเด็กมีอยู่ 6.6% เอาจริงแล้วผมไม่รู้ว่า จะมีกี่ % ในกลุ่ม 51% ที่อายุ 13 ลงมา แล้วแปะกับกลุ่ม 6.6% นั่นล่ะคือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ขณะที่หลายคนพร้อมมีลูก และบางทีก็ใช้เงินมีลูกได้ง่ายๆ แต่หลายคนมีลูกโดยใช้เงินคนอื่น หรือไข่ทิ้งไว้แล้วให้เหยื่อรับกรรม (สูญทั้งทรัพยากร เวลา สุขภาพกายใจ จะหาทางกฎหมายเข้าสู้ก็ยาก) แล้วพอเติบโตค่อยชิงอุ้มมาดูแลเอง สิ่งที่จะทำให้เกิดความสบายใจเมื่อเค้าต้องเจอโลก คือ ทุกความเสียหาย ต้องมีคนชดเชย เยียวยา
ยุคนี้นอกจากการโดนทารุณกรรมตามสไตล์สคูลเดย์ เด็กเกเรโิดมิเนต คนอื่นอุ้มไปเรียกค่าไถ่ หรือเรื่องง่ายๆ เช่นร่วงจากรถประจำทาง หรือโดนขังในรถแล้วรถตากแดด ไถรถเข็นหัดเดินไปเจอสิบล้อ หรือวันว่างเด็กอยากเล่นน้ำแต่ดันจมหาย เหตุที่ทำให้การระดมทุนจ้อยเวนเจ้อเลี้ยงลูกต้องชะงักอย่างรุนแรง ที่ฮอตที่สุดในยุคนี้ คือ ลูกโดนข่มขืน โดยคนในเครือ คนในโรงเรียน หรือคนในสังคม รุกล้ำทำให้เกิดความทุกข์ใจ หรือเกิดความฉีกขาดเสื่อมสึกหรอ
ทุกวันนี้ด้วยอีกคมดาบหนึ่งของยุคออนไลน์ ที่ดัดหลังพวกหื่นในคราบผู้ประสาทวิชา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใหญ่ ญาติ สื่อออกข่าว กระบวนการยุติธรรมทำงาน มีคนมากมายหลายชนชั้นต้องโดนคดีทางเพศ จากเดิมที่ก่อเหตุแล้วคิดว่าจะไร้ร่องรอยหรือเอาตัวรอดได้ ปัญหาคลาสสิกคือการโดนล่วงละเมิดแบบออฟไลน์ มีความเสียหายทางกายภาพ มี dna ปรากฏ พ่อแม่เห็นลูกรักเดินกระท่อนกระแท่น มือไม้ไปสัมผัสบริเวณหนึ่งของร่างกายผิดสังเกต เจอร่อยรอยช้ำแผลเวลาอาบน้ำดูแลกายลูกรัก พวกเขาคิดแล้วว่าลูกรักของเขาน่าจะต้องไปตรวจร่างกายและไปโรงพัก บางทีลูกหกล้ม มีดบาด น้ำร้อนลวก หรือเป็นไข้ ท้องเสีย ไอแค่กๆ ก็อาจไม่มีแรงดลใจให้คิดร้ายและกังวลเท่านี้
กฎหมายมีการกำหนดสเปกตายตัวแบเบออยู่แล้วว่า ถ้าเหยื่ออายุ 13 ลงมา อาชญากรจะแก้ตัวยังไงก็เสียเปล่า แต่ปัญหาคืออะไร เหยื่อบางคนคือลูกคนจน (ผมนิยามว่า คนจนคือ มีงบเฉลี่ยไม่ถึง 2 ล้านบาท/ปี (2565) เลี้ยงทารกจนเด็กอายุถึง 13 ปี) แต่ถึงจนก็มีปณิธานที่จะสืบเผ่าพันธุ์ (สมมติเรื่องคดีความมีความเที่ยงตรงไม่เกียร์ว่าง ทำให้ต้องตัดออกไปจากปัญหา) สิ่งที่ต้องตามมาคือต้องรักษาแผลร่องรอย ทำแท้ง ตรวจการแปดเปื้อน ติดตามความเสี่ยงเกิดเนื้องอก มะเร็งปากมดลูก เริม ตับอักเสบ เอดส์ เยียวยาสุขภาพใจ อาจต้องพักผ่อนเปลี่ยนที่อยู่ โดยหน่วยจิตอาสา เอนจีโอ หรือภาครัฐ มันอาจไม่เพียงพอทำให้ขาบุพการีแข็งแรงลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป ไม่มองลูกรักที่ผ่านเรื่องนี้มาคือมนุษย์ที่พังแล้ว ลามไปโทษกันไปกันมาว่าผู้ปกครองฝั่งไหนบกพร่อง จนต้องครอบครับแตกสลาย เพราะ move on ต่างคนต่างไป แล้วทิ้งเหยื่อไว้ มันง่ายกว่า
บริษัทประกันน่าจะเข้ามาฉวยโอกาสนี้ ออกผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อลูกรัก โดยเฉพาะเคสนี้ เพราะตอนนี้มีการเร่งเร้าให้คนเลี้ยงลูกมีรถขับต้องซื้อคาร์ซีทได้ แปลว่าคนอื่นก็น่าเร่งเร้าให้ซื้ออย่างอื่นได้ (เช่นผ้าอ้อมละมุนก้น นมผงกินแล้วเก่ง) แค่จี้จุดว่า "เพื่อลูกรัก" แค่นี้ก็มีคนแห่กันเข้ามาแล้ว ประกันจะมีจุดเด่นคือ ได้เจอหมอที่ดีที่สุดเพื่อรักษากาย และเจอสภาพแวดล้อมและบุคคลที่สบายใจที่สุด ปลอดภัยที่สุด เพื่อเยียวยาจิตใจ พร้อมด้วยเงินปลอบขวัญแก่ผู้ปกครองตามกฎหมายก้อนโต รวมทั้งมีทีมกฎหมายขับเคลื่อนคดีความจนสุดทาง และจิตแพทย์เพื่อเหยื่อและผู้ปกครอง นี่น่าจะเพอเฟคมากแล้ว
ใครมีประกันแบบนี้ออกมาขายเจ้าแรก ตัวแทนและบริษัทจะมั่งคั่ง และจะเป็นสิ่งที่คนนึกถึงเป็นที่แรก เพราะไม่ต้องไปเซลตามบ้านตามโรงเรียนให้เหนื่อย เดี๋ยวคนเป็นล้านๆ จะแห่มาซื้อประกันนี้เอง เชื่อผมดิ ใครขาดทุนจากขายประกันเจอจ่ายจบ การเปิดขายประกันตัวนี้จะทำให้เงินไหลมาเทมา บริษัทจะฟื้น สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น
จงทำประกันแบบนี้ออกมาขายซะ ทำ ads tvc tvcf ดีๆ กินใจๆ และออกแพคเกจประกันขายให้ได้ในปีนี้ (ยิ่งตอนนี้เด็กเรียน onsite กันหมด คดีล่วงละเมิดจะต้องมีแน่ ตีไปเดือนละ 10 เคส) เปิดแพคเกจใหม่ต้องจัดโปรลดราคาให้ลูกค้าอายุต่ำกว่า 6 ปี เพื่อให้เอาไปซื้อคาร์ซีท คุณจะดี คุณจะปัง ผมดูดวงเมืองแล้วเดาทางไม่ค่อยพลาด (สิ่งที่ผมทราบคือธุรกิจตัณหา อบายมุก จะมีโอกาสขึ้นมาบนดินในปีนี้ ตอนนี้ธุรกิจโทเคนเทรดเงินคริปโตก็มีกระแส สลากกินแบ่งซื้อผ่านแอพก็จะขึ้นมาบนดินแล้ว แล้วจะมีคนก่ออาชญากรรมมากขึ้นแน่ๆ) ผมมองว่า ประกันเพื่อลูกรักแพคเกจนี้ จะเป็นหนึ่งในมาแรงแน่นอน และเราน่าจะเป็นที่แรกของโลกด้วยซ้ำไปfff