เรื่องมีอยู่ว่า ผมทำงานที่ร้านของลวดแห่งหนึ่งที่นายจ้างค่อนข้างเห็นแก่ตัว มาก เอาแต่ได้ ผมได้ทำสัญญาจ้างกับเขา เพราะเขาให้ผมออกจากที่เดิมโดยการเพิ่มเงินเดือนให้มากกว่าที่เดิม จากนั้นผมทำงานกับเขามากว่า 5-6ปี โดยสัญญาจ้างระบุชัดเรื่องเงินเดือน และเรื่องที่พัก แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยได้ที่พักฟรี ตามที่ตกลงกันเลย (ต้องจ่ายค่าห้องเอง) และเรื่องรายได้ยิ่งกลายเป็นว่าถูกลดลงเรื่อยๆ ด้วยปากเปล่าเพราะเหตุว่านายจ้างเห็นว่าเราเป็นพนักงานขาย สามรถขายได้ยอดเยอะค่าคอมเยอะ เลยลดเงินเดือน ตลอดระยะเวลาที่เริ่มทำงาน เจ้านายคนนี้ มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนอยู่แล้วด้วย พยายามกดดันให้เราช่วยตัวเขาให้สำเร็จความใคร่ด้วยปาก หลายครั้ง (แต่ก็พูดไม่ได้) แต่ล่าสุดเราได้ออกจากที่นั่น เพื่อมาเปิดร้านทำเองจากประสพการณ์ของเรา แต่กลับถูกนายจ้างตามจิกแบบไม่เลิกโดยแกล้งทุกรูปแบบเพื่อไม่ให้เราขายสินค้าแบบเขา จนเกิดการฟ้องร้อง แต่เราพยายามติดต่อประกันสังคมเพื่อแจ้งว่าจากที่ทำงาน 5-6ปี ที่ผ่านผมต้องจ่ายประกันสังคมเองมาตลอด แต่สุดท้ายนายจ้างทำจดหมายแจ้งประกันสังคมว่าผมไม่ใช่พนักงานเขา เขาแจ้งประกันสังคมว่าเป็นฟรีแลนท์ ทั้งๆ ที่มีเอกสารสัญญาจ้างและนายจ้างต้องยื่นส่งประกันสังคมมาตรา33 ให้ลูกจ้าง  แต่นายจ้างไม่ทำ (และประกันสังคมไม่เคยจะขอหลักฐานสัญญา) และประกันสังคมต้องเรียกเงินชดเชยจากนายจ้าง สุดท้ายผมมีการที่จะต้องขึ้นศาลกับนายจ้าง ผมจึงติดต่อประกันสังคมอีกรอบ เพื่อจะส่งเอกสารยืนยันว่าจ้าง แต่ ...ประกันนสังคมแจ้งเรามีเรื่องการดำเนินคดีค้างอยู่ไม่สามารถทำอะไรได้ (งง ดิเรา) คือ เรื่องนายจ้างกับประกันสังคมก็ควรต้องจัดการให้ลูกค้างได้รับความเป็นธรรมไหม ??? ส่วนเรื่องส่วนตัวที่ผมกับนายจ้างฟ้องร้องก็ควรเป็นอีกประเด็นไหม ?? แต่...พีคสุด
ประกันสังคมตอบว่า ถ้าคุณมีเอกสารสัญญาจ้างให้แจ้งกับ #กรมสวัสดิคุ้มครองแรงงาน เอาเองให้ศาลแรงงานแจ้งมาทางประกันสังคม ถึงจะดำเนินการต่อได้ 
#ประกันสังคมทำงานแบบนี้หรอครับ
**นายจ้างคนนี้เคยทำงานสายบุคคลมาก่อน
อีกทั้งเส้นสายเยอะมาก เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไรได้บ้างครับ วันที่ 9พค นี้ต้องไปขึ้นศาลแล้ว