10 ปีกับภาพฝันเล็กๆและการเดินทางที่สุดโหด

เนื่องด้วยเรื่องนี้ดำเนินผ่านมาถึง 10 ปี และมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในระหว่างทาง ผมจึงขอเล่าในบางส่วนและตัดบางส่วนที่แม้จะเป็นสาระสำคัญออกเพื่อความกระชับ

เมื่อสิบกว่าปีก่อนผมทำงานในต่ำแหน่งพนักงานขายส่งอุปกรณ์ IT เช่น เมาส์คีย์บอร์ด ลำโพงคอม หูฟัง การ์ดรีดเด่อและอุปกรณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
และบางโอกาสก็ได้ไปประเทศจีนเพื่อคัดเลือกสินค้าบางตัวก็ไปแค่ตลาดค้าส่งหรือสินค้าบางตัวอาจได้ไปถึงโรงงานผลิตซึ่งก็ได้เห็นไลน์ผลิตจริงๆก็มี
วันหนึ่งผมเดินซื้อของในห้าง wall mart ที่เมืองเสินเจิ้นในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมก็เดินดูเครื่องใช้ไฟฟ้าเล่นไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ
ผมพบเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อต่างชาติเพียงชนิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือทีวีซัมซุง นอกนั้นทั้งหมดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อจีนล้วนๆ ลองจิตนาการดูถ้าเราเดินใน power buy เราจะเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อของไทยกี่ชนิด เนื่องด้วยผมเรียนจบวิศวะอิเล็กทรอนิกส์ผมจึงสนใจอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นพิเศษ
ผมเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ หลังจากได้ทำงานขายเห็นตลาดเห็นโรงงานเรียนรู้ขั้นตอนกว่าสินค้าจากโรงงานในจีนจะเดินทางไปถึงผู้ใช้ในประเทศไทยรวมถึงโครงสร้างราคาต้นทุนราคาขายส่งและปลีก ผมจึงมีความคิดบ้าๆว่าอยากจะเปิดโรงงานผลิตสินค้าไอทีสักอย่างในประเทศไทย เลยมานั่งคิดนอนคิดว่าจะผลิตอะไรดี เนื่องด้วยว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนผมเองเป็นคนชอบเล่นหูฟังในยุคที่ร้านเฮียมั่นคงเอา koss และ YUIN เข้ามาขาย ยุคเครื่องเล่น iriver T10 ที่โด่งดัง ไลน์ผลิตหูฟังของจีนเราก็เคยเห็น เราเองจบวิศวะอิเล็กทรอนิกส์มาก็น่าจะพอทำได้นะ ด้วยความโง่เขล่าเบาปัญญาในแบบขั้นสุดของตัวเองแต่ตอนนั้นคือผมไม่รู้ตัวไงว่าตัวเองนั้นโง่แค่ใหน จึงตัดสินใจเลือกผลิตหูฟังนี่ละวะ 

ในหัวผมคิดผลิตหูฟังหรือแล้วเริ่มไงดีหละ งั้นไปอยู่จีนสิใช้เส้นสายโรงงานหูฟังที่เราเคยรู้จัก เรียนรู้การผลิตจากเขา ตามหาโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนต่างๆรวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ต้องบอกก่อนว่าผมพูดภาษาจีนไม่ได้เลยแค่พอพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นและคิดว่าไปอยู่จีนสัก 1 ปีก็น่าจะได้ความรู้ในการผลิตและ suppliers ทั้งหมดที่ต้องการค่อยกลับไทย ไปเว้ยกูพร้อมลุย ตอนนั้นคือใจฮึกเหิมมากอยากทำอยากลองดูกูทำได้ แต่คือผมไม่รู้ตัวไงว่าผมโง่บัดซบแค่ใหนในวันนั้น  ว่าแล้วก็ลุยกันเลยผมก็ไปขอวีซ่าจีนผมขอแบบนักท่องเที่ยววีซ่ามีอายุหนึ่งปีเข้าออกจีนได้ไม่จำกัดโดยแต่ละครั้งอยู่จีนได้ 30 วัน งั้นไปอยู่เมืองใหนละ แน่นอนที่สุดจะเป็นเมืองใหนไปไม่ได้นอกจากเสินเจิ้นเพราะทั้งตลาดค้าส่งหูฟังรวมถึงโรงงานหลายโรงก็อยู่ทีนี่แถมเสินเจิ้นอยู่ติดฮ่องกงพออยู่จีนครบ 30 วันผมก็นั่งรถไฟข้ามไปฮ่องกงในตอนเช้าตอนบ่ายก็กลับเข้าเสินเจิ้นก็อยู่ได้อีก 30 วันหละ ก็ทำวนแบบนี้ไปเรื่อยๆก็อยู่จีนได้ถึง 1 ปี แล้วค่อยกลับไทยไปขอวีซ่าใหม่

ผมจึงตัดสินใจไปอยู่เสินเจิ้นและเช่าห้องในย่านซีเซียงซึ่งห่างจากตัวเมืองมากเพื่อราคาค่าเช่าจะได้ไม่แพงแต่ยังใกล้รถไฟฟ้าสายหลักของเสินเจิ้น
ในรูปเป็นห้องที่สองที่ผมเช่าซึ่งเป็นช่วงเริ่มปีที่ 3 ที่ผมอยู่จีนก็ยังอยู่ในชุมชนเดิมกับห้องแรกเพราะห้องแรกอยู่ชั้นห้าจะขนของขึ้นลงมันไม่สะดวก
ห้องผมอยู่ชั้น2 ตรงหน้าต่างที่ผมทำกรอบสีขาวๆนั้นแหละ ดูสภาพก็คงไม่ต้องบอกว่าผมเน้นอยู่อย่างประหยัดแค่ใหน ค่าครองชีพในเสินเจิ้นไม่ถูกอย่างในกรุงเทพนะผมบอกเลยแม้จะเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็เถอะ

ด้วยความโง่เขลาและคิดตื้นๆของผมนั้นแหล่ะที่คิดว่าอยู่จีนสัก 1 ปี ก็คงได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วก็จะได้กลับไทย
ไม่ได้คิดเลยว่าใครเขาจะมาสอนมาบอกความลับธุรกิจของเขา ถามเขาไปมากๆสุดท้ายเขาก็ไล่ตะเพิดผมนะสิ จาก 1 ปี กลายเป็น 2 ปี
ดูรูปวีซ่าและการประทับตราเข้าออกจีนไปฮ่องกงทุก 30 วันสิ ตอนนั้นผมคิดว่าจะเอายังไงดีจะเลิกไหมเพราะดูวี่แววแล้วไม่น่าจะรอด จะทนอยู่ต่อไปรายได้ก็ไม่มีเงินทุนก็หร่อยหรอลงทุกวัน แต่สุดท้ายผมก็บอกตัวเองให้อยู่ต่อโดยที่ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่
ผ่าน 2 ปีครึ่งแล้วความรู้ที่มีก็ยังไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมต้องการเลย แต่ด้วยโชคชะตาหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมได้มาเจอเพื่อนคนจีนที่อยู่ในวงการหูฟัง
และเขายินดีที่จะช่วยผม เขาแนะนำโรงงานทั้งหมดที่ต้องใช้ให้ ส่วนความรู้ผมต้องไปศึกษาจากแต่ละโรงงานเองซึ่งแต่ละโรงงานก็ยินดีช่วยเหลือเพราะเพื่อนจีนคนนี้เป็นคนแนะนำมา ผมจึงใช้เวลาอีกราวครึ่งปีเรียนรู้การผลิตหูฟังและเลือกโรงงานที่จะผลิตชิ้นส่วนให้กับผม สรุปผมใช้เวลาอยู่จีน 3 ปี และคิดว่าความรู้ที่มีนั้นเพียงพอแล้วที่จะกลับไทย ผมซื้อเครื่องจักรอุปกร์และชิ้นส่วนสำหรับการผลิตและส่งเข้าตู้ขึ้นเรือสู่บ้านเกิดประเทศไทยที่ผมคิดถึงและอยากจะกลับมาตลอดในเวลา 3 ปีที่อยู่จีนด้วยความอดทนอดกลั้น 555 วันที่ส่งของชุดสุดท้ายเข้าตู้ ผมรู้สึกโล่งใจและดีใจมากที่จะได้กลับบ้านสักที

ผมได้กลับบ้านและเริ่มทดลองเดินเครื่องจักรและผลิตหูฟังเองอยู่สักพักแล้วผมก็พบกับความจริงที่ว่า ความรู้ที่ผมพยายามแสวงหาที่จีนมาตลอด 3 ปี นั้นแทบไม่มีค่าอะไรเลยมันผิดตรงใหนนะหรือ ผิดทุกตรงเลยก็ว่าได้ ผมไม่มีความรู้ในการควบคุมคุณภาพการผลิตเลย ผมไม่สามารถผลิตหูฟังที่มีเสียงที่เท่ากันทั้งสองข้าง แค่หูฟังสองข้างให้มีเสียงเท่ากัน ผมยังทำไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับจะไปทำหูฟังให้เสียงดี ผมได้เริ่มตะหนักว่าการผลิตหูฟังไม่ใช่เรื่องง่ายและเริ่มได้คิดว่าตัวเองนั้นโง่สิ้นดีเป็นครั้งที่สามแต่ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่รู้ว่ามันจะยากและโหดขนาดใหน

ผมเริ่มคิดและวิเคราะห์แต่ละชิ้นส่วนของหูฟังให้หมด ทุกชิ้นส่วนจริงๆ การเดินของเครื่องจักรอุปกร์ที่ใช้ร่วมกับเครื่องจักร ขั้นตอนการผลิตในทุกขั้นตอน
การออกแบบแต่ละชิ้นส่วนต้องออกแบบยังไง ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นต้องมีการควบคุมการผลิตให้ดีตรงส่วนใหน อุปกรณ์ที่ใช่ร่วมกับเครื่องจักที่เป็น
งานคัสต้อมต้องออกแบบยังไง ผมเริ่มตามหาโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด โรงงานแล้วโรงงานเล่าเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพของชิ้นงาน
ผมเข้าออกโรงงานผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่ต้องใช่ร่วมร้อยโรงงานพูดคุยกับวิศวกรเพื่อขอความรู้เขาเรียนรู้ว่าวิศกรมืออาชีพเขาทำงานกันยังไง
งาน expo จัดที่เมืองใหนของจีนผมก็ไป ขอให้ผมรู้เถอะว่าจะมีโอกาสได้เจอ suppliers ใหม่ๆและมีโอกาสได้เห็นชิ้นงานและวัตถุดิบที่เขาผลิตว่าดีหรือแย่อย่างไร เคยนั่งรถไฟดีเซล 23 ชม จากเสินเจิ้นไปเซียงไฮ้ก็ไป เมื่อยก้นมากบอกเลย 555
ในรูปน่าจะเป็นตั๋วขากลับจากเซียงไฮ้มากวางโจว ผมอ่านจีนไม่ออกแต่พอจำได้เล่าๆ


ผมเริ่มรู้มากขึ้นว่าบางชิ้นส่วนโรงงานจีนไม่สามารถผลิตให้มีคุณภาพที่ดีได้ ไปโรงงานญี่ปุ่นผมก็ไป รูปนี้ผมลงที่สนามบินนาริตะ

ผมรู้ว่าชิ้นส่วนใหนสำคัญชิ้นใหนต้องผลิตจากญี่ปุ่น ชิ้นใหนต้องเป็นของเยอรมัน ขั้นตอนการผลิตต้องระวังในส่วนใหน อุปกรณ์คัสต้อมที่ใช้กับเครื่องจักรต้องออกแบบและผลิตโดยโรงงานใหนที่ฝีมือถึงจริงๆ ทั้งหมดนี้เพื่อการควบคุมคุณภาพการผลิตที่ดีแต่ในระหว่างนี้ผมวิจัยในเรื่องคุณภาพเสียงไปด้วย
แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมได้รู้ถึงการมาของดอกลำโพงหูฟังแบบใหม่ที่จะเป็น technology disruption เลยทีเดียว

เป็นการผลิตดอกลำโพงแบบ semiconductor เท่าที่เห็นตอนนี้เจ้าใหญ่ๆอยู่ราว 4-5 บริษัท อย่างในรูปเห็นเล็กมากๆแค่นี้แต่ในลำโพงตัวด้านซ้ายและขวามีลำโพงย่อยถึง 6 ตัว ซึ่งจะมีราคาขายที่ถูกลงมาก ผมต้องคิดว่าจะปรับเปลี่ยนการวิจัยไปในทางใหนเพื่อที่จะแข่งขันและอยู่รอดให้ได้เมื่อ technology disruption เหล่านี้มาถึง นับจากวันที่ได้กลับบ้านมาวันนี้ก็ 7 ปีได้แล้ว ผ่านอุปสรรคมาก็ไม่น้อยเรียกว่าผมนี่ทำเป็นทุกอย่างเลยก็ว่าได้แม้แต่เครื่องพังก็ยังซ่อมได้ คือเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆในการผลิตหูฟัง

ผมได้เรียนรู้ที่จะควบคุณคุณภาพการผลิต การออกแบบหูฟังให้มีเสียงที่ดี และปรับเปลี่ยนทิศทางการวิจัยเพื่อที่จะต่อสู้กับ technology disruption ของดอกลำโพงหูฟังที่ได้มาถึงแล้วในวันนี้
แม้ว่าวันนี้ผมจะมาถึงแค่สามารถผลิตหูฟังตัวต้นแบบเพียงเท่านั้น แต่ก็เป็นความรู้ที่ได้ผ่านการคิดวิเคราะห์และวิจัยอย่างละเอียดในทุกชิ้นส่วนและ
ทุกขั้นตอนของการผลิตจริงๆ ทั้งการผลิตดอกลำโพงและตัวบอดี้หูฟัง ขอย้ำตรงนี้ว่าการผลิตหูฟังคุณภาพดีเป็นงานที่โครตละเอียดและความรู้ในเชิงวิศวกรรมที่ลึกมากๆ เราถึงเห็นหูฟังตัวเล็กๆทำไมบางตัวราคาร้อยกว่าบาทในขณะที่บางตัวราคาหลายหมื่นหรือถึงแสนบาทก็มีให้เห็นเพราะ know-how
ที่ใช้ในการผลิตมันต่างกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ






ซึ่งในส่วนใหนที่สามารถจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ได้ ผมก็มียื่นขอจดไว้บ้าง




ผ่านมา 10 ปี ผมเองได้ตะหนักว่าการผลิตหูฟังนั้นยากสุดโหดแค่ใหน จะผลิตหูฟังราคาถูกจะเอาอะไรไปสู้กับโรงงานของจีน
จะผลิตหูฟังที่มีคุณภาพดีจะเอาความรู้อะไรไปสู้ญี่ปุ่นเกาหลีใต้หวัน แม้แต่ในภูมิถาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีโรงงานหูฟังไม่กี่โรงงานซึ่งก็ล้วน
แต่เป็นโรงงานจากชาติอื่นเข้ามาตั้งทั้งนั้น ในไทยมี sony และ tokumi   ที่ฟิลิปปินส์มี final audio ทั้ง 3 เป็นของญี่ปุ่น
และ Foxconn ในเวียดนามเป็นของใต้หวัน
สักวันหนึ่งผมอาจจะสามารถก่อตั้งโรงงานหูฟังของคนไทยในประเทศไทยสำเร็จขึ้นมาก็ได้
ผมมีภาพฝันเล็กๆว่าหากผมสามารถเปิดโรงงานผลิตหูฟังไนไทยได้จริง วันหนึ่งที่ผมได้ขึ้นรถไฟฟ้า bts ผมอาจจะมีโอกาสได้เห็นผู้โดยสารสักคน
กำลังใส่หูฟังที่ผมผลิตอยู่ก็ได้

ติดตามต่อตอนที่ 2 ที่จะเป็นเรื่องของแนวคิดในการวิจัยและกลยุทธ์ในการเอาตัวรอดจาก technology disruption ที่มาถึงแล้วในวันนี้
รวมถึงการจะต่อกรกับแบรนด์ใหญ่ได้อย่างไร

ตอนที่ 2 ลิ้งด้านล่างครับ
https://ppantip.com/topic/42052066

tag gaming gear เพราะผมอยากจะออกแบบหูฟังเพื่อการเล่นเกมส์โดยเฉพาะ
tag ไกลบ้าน ทำงานต่างประเทศ เพราะ 3 ปีที่ผมดิ้นรนในจีนแม้จะสั้นแค่ 3 ปี แต่ก็เป็น 3 ปีที่ท้อใจนับครั้งไม่ถ้วน หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้กับคนไทยที่ทำงานอยู่ต่างแดนไม่ว่าจะเพื่ออะไร แต่คุณทำได้หากไม่ยอมแพ้
tag SME เพราะนี่จะเป็นมุมมองในภาพรวมของการทำธุรกิจดล็กๆแบบรอบด้าน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่